ปราชญ์กู้บัลลังก์..😂..ทำให้เราติดบ่วงนิยายวายเข้าสะแล้ว

หลังจากเบื่อตัวเองที่ดูละครไม่สนุกและทนดูไม่จบ ก็หันเหไปหาอ่านหนังสือ อ่านนิยายไปตามเรื่องตามราว จนไปเจอะรีวิวนิยายจีนที่คนยกย่องว่าเป็นนิยายดีมาก...ก จนมองข้ามเรื่องราวของความรักของคนเพศเดียวกัน ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้ ซึ่งปกติเราก้ออ่านแต่นิยายชายหญิงธรรมดาสามัญ...พออ่านเรื่องนี้ ก็เปิดโลกอีกใบในใจเราทันที555 ทำให้เราเปิดใจอ่านนิยายวายเรื่องอื่นต่อไป...อีกหลายเรื่อง😜 

ต่อไปจะเป็นการเล่าเรื่องย่อความนิยายเรื่องนี้ละนะ 

ปราชญ์กู้บัลลังก์เป็นนิยายจีน ที่เกิดในยุคจีนโบราญ ในแคว้นเที่ยนฉี่ นิยายเรท18+...อาจเลือดกำเดาไหลระหว่างอ่าน....555



โหยวเหมี่ยว คือนายเอกที่เป็นลูกชายเมียแต่งเมียเอกของมหาเศรษฐีแห่งเจียงเป่ย มีหุบเขาไร่ชาเป็นของตัวเอง ตระกูลของเขาค้าใบชาชื่อดังจนได้รับเป็นยอดชาบรรณาการส่งให้ราชสำนักในเมืองหลวง โหยวเหมี่ยวคือลูกชายคนแรก พอเกิดมาก็ได้รับเป็นผู้สืบทอดกิจการของบ้านทันที พอโตมาอายุ12ปี พ่อก็ส่งเขาเข้าเมืองหลวงเพื่อส่งเข้าไปเรียนในสำนักศึกษาไท่เสวีย ที่เป็นสถาบันการศึกษาไฮโซที่รวมเหล่าคุณชายตระกูลดังต้องมาเรียนกันที่นี่ (หวังเพื่อให้ลูกชายได้มีเส้นสายในอนาคตนะเอง)  

โหยวเหมี่ยว ตอนนี้อายุ15ปี เป็นคุณชายน้อยรูปงาม หน้าตาสะสวยมาก(จนเพื่อนชอบแกล้งกอดนางแล้วจับนางมาจูบปากเล่น..เพื่อนเขาเล่นกันแบบนี้หรอ555) นางมารยาทดีงาม แถมมีนิสัยใจคอกว้างขวาง เลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนๆอย่างดี(นางฉลาดนะ ผลาญเงินพ่อไปหลายพันตำลึงในสามปี555) จนได้เป็นเพื่อนกับลูกชายตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลในเมืองหลวงมากมาย ที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากก็คือหลี่เหยียนที่เป็นลูกชายคนโตของอัครมหาเสนาบดี แถมเป็นหัวหน้าแก็งค์เด็กเที่ยว 

หลี่เหยียนเป็นลูกชายของอัครเสนาบดีหลี่ ผู้เป็นเสาหลักของแคว้นเที่ยนฉี่ เขาเป็นผู้สืบทอดอำนาจรุ่นต่อไปของตระกูล โหยวเหมี่ยวกับหลี่เหยียน สนิทกันมากจนเขาสามารถเดินเข้าไปหาหลี่เหยียนในจวนหลี่ได้ทุกเวลา บ่าวไพร่ทุกคนในจวนหลี่นี่รู้จักโหยวเมี่ยวหมด

เช้าวันหนึ่งโหยวเหมี่ยว นางโดดเรียนเลยว่าจะไปชวนหลี่เหยียนไปเที่ยวเล่นสนุกเหมือนเคย ระหว่างทางจะเดินเข้าไปในห้องหลี่เหยียน ดันเจอะบ่าวไพร่รุมทุบตีคนตรงทางเดิน โหยวเหมี่ยวเลยเข้าไปห้ามปรามไม่ให้ตี จนรู้ว่าหลี่เหยียนซื้อทาสชายบำเรอไว้นะเอง แต่ทาสคนนี้ไม่ยินยอมรับใช้หลี่เหยียน เลยโดนสั่งทุบตีเจียนตายแล้วจับไปขังทรมานต่อไป โหยวเหมี่ยวสงสารทาสคนนั้นเลยตื้อจะขอซื้อตัวมาจากหลี่เหยียนในวันนั้น แต่หลี่เหยียน ดูไม่ยินดีจะขาย นางก้อเลยได้แต่ปล่อยผ่านไปเพราะไม่อยากผิดใจกับเพื่อน

หลี่เหยียนกลับสอบถามเรื่องที่โหยวเหมี่ยวพ่อคนรูปงาม ที่ไปโดนตาต้องใจองค์ชายสามแห่งแคว้นเที่ยนฉี่ จนทำเรื่องจะให้โหยวเหมี่ยวเข้าวังมาเป็นเพื่อนเรียนด้วย แต่โหยวเหมี่ยวรู้ว่าหลี่เหยียนเป็นฝ่ายองค์รัชทายาท(แถมทางบ้านโหยวเหมี่ยวก้อไม่ยอมด้วยเพราะถือหางรัชทายาทกันหมด เพราะทุกคนหวังพึ่งบารมีรัชทายาทที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ขนาดที่องค์ชายสามเป็นแค่แม่ทัพทหารขึ้นสุดก้อเป็นแค่อ๋อง อนาคตดูไม่ดีเท่าอีกฝั่ง) โหยวเหมี่ยวเลยจำต้องทำทีท่าปฎิเสธองค์ชายสามไป ทำให้หลี่เหยียนยอมคบกับเขาต่อไป

จนผ่านไปอีกหลายวัน จนถึงวันเกิดของหลี่เหยียน ที่จัดขึ้นที่จวนหลี่ โหยวเหมี่ยวก็ไปงานเลี้ยงนี้ด้วย นางก้อเดินผ่านทางเข้ามาเจอะทาสคนนั้นโดนจับใส่กระสอบ กำลังถูกทุบตีจนเลือดนองพื้นใกล้ตาย โหยวเหมี่ยวคนดีเห็นเข้าก็ทนไม่ไหว เลยเข้าไปตื้อขอซื้อทาสคนนี้ไว้ แต่หลี่เหยียนยังคงไม่ยอมขาย แกล้งเขาไว้ด้วยการตั้งราคาค่าตัวทาสสูงลิบตั้งสองร้อยตำลึง ทั้งที่ค่าตัวชายบำเรอเวลาไปเที่ยวหอคณิกาแค่ไม่กี่สิบตำลึงก้อได้ตัวท๊อปๆของหอคณิกาละ โหยวเหมี่ยวนางโมโหเลยเอาเงินสองร้อยตำลึงฟาดซื้อทาสคนนี้กลับบ้านตัวเองจนได้ เลยทำให้ต้องทะเลาะกับหลี่เหยียนไป

พอนางกลับมาถึงบ้านก้อพลันได้สติ ว่าใช้เงินไปแบบบ้าคลั่งไร้สติมาก เพราะนี้เป็นเงินที่พ่อส่งมาให้ใช้ล่าสุด หมดนี้พ่อก้อจะไม่ยอมส่งเงินมาให้เขาผลาญในปีนี้แล้ว555 แต่ทำไงได้ ก็ซื้อมาแล้วนางก้อต้องเอามารักษาเลี้ยงดูต่อ เพราะถ้าทาสตาย เงินก้อหายไปในพริบตา จากค่าตัวทาสสองร้อยตำลึงมาถึงค่าหมออีกสิบสองตำลึงยังค่ายาเทพอีกสิบสองตำลึงยังค่ายาบำรุงอีกมาก สรุปรวมโหยวเหมี่ยวนางซื้อทาสคนนี้มาในราคาสองร้อยห้าสิบตำลึง หลีจื้อเฟิงคือทาสราคาสูงคนนั้น

เช้าวันต่อมาน้องโหยวเหมี่ยวนางก็จับเขามาอาบน้ำ(ตอนนี้เพิ่งเห็นหน้าชัดๆว่าเขาหล่อมากด้วย555) น้องก็ดูแลรักษาให้อย่างดีจนเขาหายจากการบาดเจ็บ แถมยังให้สร้อยคอจี้หยกโชคดีของตัวเองที่แม่ให้ไว้ก่อนตาย มาสวมคอให้หลีจื้อเฟิงเพื่อคุ้มครองเขาให้ปลอดภัย 

โหยวเหมี่ยวนางเป็นคนช่างพูดช่างเจรจาเลยรู้ว่าหลีจื้อเฟิงเป็นคนชนเผ่าเฉวี่ยนหรงที่อยู่นอกด่านทางเหนือ รูปร่างผอมสูงหุ่นนักรบ เพราะอายุสิบห้าก็เข้าร่วมรบกับเผ่าเฉวี่ยนหรง แต่เผ่าเฉวี่ยนหรงรบพ่ายแพ้แก่กองทัพแคว้นเที่ยนฉี่ เขาเลยโดนจับกลับมาเป็นเชลยแล้วถูกขายเป็นทาสในหอคณิกา ตอนนี้อายุยี่สิบสองปีแล้ว หลีจื้อเฟิงเป็นคนหน้านิ่ง ดูเย็นชา ไม่ชอบพูด แต่เขาซาบซึ้งใจโหยวเหมี่ยวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ถึงขั้นยินยอมรับใช้โหยวเหมี่ยว จนเขาสามารถตายแทนได้

โหยวเหมี่ยวเลยให้หลีจื้อเฟิงมาเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทดูแลตัวเอง และให้พักอาศัยอยู่ในห้องนอนของเขา แต่ไม่ให้เขาออกไปข้างนอก เพราะตอนนี้อาศัยอยู่บ้านท่านอา ระหว่างนี้นางก้อหมกตัวอยู่บ้านอา ทบทวนอ่านหนังสืออยู่กับหลีจื้อเฟิงในห้องนอนไป เพราะทะเลาะกับหลี่เหยียนแล้ว เพื่อนในก๊วนคนอื่นๆก้อไม่กล้ามายุ่งมาคุยด้วยแน่ๆ เลยทำให้โหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิงสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้น ยิ่งโหยวเหมี่ยวนิสัยเป็นคนขี้อ้อน ชอบกอดชอบนั่งพิงอกหลีจื้อเฟิง...ตลอด แถมหลีจื้อเฟิงไม่ได้มีท่าขัดขืนแถมดูชอบอยู่ใกล้ๆน้องเหมี่ยวด้วย ยิ่งทำให้โหยวเหมี่ยวยิ่งติดนิสัยเกาะแกะหลีจื้อเฟิงจนเคยตัว (มีฉากน่ารัก น้องเหมี่ยวพิงตัวซบพี่เฟิงอ่านหนังสือจนเผลอหลับไปกับอกพี่เฟิง แล้วพี่เฟิงก้อปล่อยให้น้องเอนหลับไม่ยอมขยับตัวจนน้องเหมี่ยวตื่น อีพี่เฟิงถึงจะลุกไปเดินพร้อมอาการเหน็บกินทั้งตัว555)

ผ่านไปครึ่งเดือนหลี่เหยียน มาหาโหยวเหมี่ยวที่บ้าน พร้อมมอบสัญญาซื้อขายทาสของหลีจื้อเฟิง สุดท้ายทั้งคู่ก้อกลับมาคืนดีเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

แต่ความลับไม่มีในโลก ท่านอารู้เรื่องหลีจื้อเฟิง น้องเหมี่ยวเลยโดนท่านอาสั่งให้เอาทาสไปปล่อย เพราะหลีจื้อเฟิงเป็นคนชนเผ่าเฉวี่ยนหรง เขากลัวจะมีปัญหากับทางการ เพราะช่วงนี้มีข่าวว่าคนเผ่านอกด่านหลายเผ่ากะลังรวมพลเพื่อจะโจมตีแคว้นเที่ยนฉี่ แถมพ่อของโหยวเหมี่ยวก็ส่งจดหมายเรียกเขากลับบ้านด่วน ทั้งยังไม่สามารถพาหลีจื้อเฟิงกลับบ้านที่เจียงเฉิงได้ เพราะพ่อต้องไม่ยอมแน่ๆ ให้อยู่ที่นี้เดียวเจอะท่านอาเอาไปขายทิ้ง จะคืนให้หลี่เหยียนก็ไม่ได้ กลัวว่าจะโดนหลี่เหยียนเอาเขาไปฆ่าทิ้งอีก 

โหยวเหมี่ยวเลยวางแผนจะพาหลีจื้อเฟิงกลับไปกับตัวเอง แล้วแวะปล่อยเขาที่นอกด่านทางเหนือที่เป็นเส้นทางระหว่างกลับบ้านที่เจียงเป่ย เพื่อจะพาหลีจื้อเฟิงปล่อยกลับสู่เผ่าเฉวี่ยนหรงของเขาที่นอกด่าน แต่ว่าก่อนจะกลับบ้าน โหยวเหมี่ยวนางขอให้หลีจื้อเฟิงมาปรนนิบัติรับใช้นางก่อน เพราะนางอยากรู้ว่าระหว่างชายกับชายนั้นเขาทำกันยังไง นางอยากรู้จริงๆ555 (ไหนๆหลีจื้อเฟิงก็เคยเป็นทาสชายในหอคณิกามาก่อน อุดสาลงทุนซื้อมาตั้งสองร้อยตำลึง555) หลีจื้อเฟิงรับปากแต่ว่ามีข้อแม้ว่าบนเตียงโหยวเหมี่ยวจะต้องเชื่อฟังคำสั่งเขาทุกอย่างห้ามขัดขืน

คืนนั้น..โหยวเหมี่ยวโดนเปิดครั้งแรก..ทำให้โลกของโหยวเหมี่ยวเปลี่ยนไปตลอดกาล ส่วนหลีจื้อเฟิงเองใช้เทคนิคลีลาเร้าใจจนทำให้โหยวเหมี่ยวโอนอ่อนยอมทำตามใจหลีจื้อเฟิงทุกอย่าง จนแทบไม่ได้นอนกันทั้งคืน ในคืนนั้นทั้งคู่เริ่มรู้สึกบางอย่างถึงกัน (โดยเฉพาะโหยวเหมี่ยวเอง ตั้งแต่แรกก้อไม่ได้รู้สึกรังเกียจในตัวหลีจื้อเฟิงเลย เพราะตั้งกะซื้อตัวพี่เขามา ก้อมีความสุขที่ได้นั่งพิงนั่งกอดหลีจื้อเฟิงได้ทั้งวัน555...) ยิ่งผ่านคืนนั้นมาน้องเหมี่ยวก้อยอมรับว่าชอบที่เขาปรนนิบัติตัวเอง น้องเป็นสายรับที่แท้จริง ส่วนหลีจื้อเฟิงเราว่าเขาแอบชอบโหยวเหมี่ยวแต่แรกแน่ๆ พี่เฟิงสายรุกถูกน้องเหมี่ยวสั่งให้สอนบทเรียนแรก พี่เขาก้อดูจำยอมทำตามเพราะคำสั่งน้อง เลยวางท่าเหมือนจะเย็นชา แต่ใจคงกังวนไม่รู้น้องจะชอบแบบนี้หรือป่าว เราเดาอาการพี่เฟิงที่ทำไปก้อเฝ้าดูสีหน้าน้องเหมี่ยวไปตลอดเวลา แต่พอพี่เฟิงจูบๆจับๆลูบๆคลำๆน้องเหมี่ยวมีสีหน้าเคลิบเคลิ้มแถมกอดตอบพัวพันพี่เฟิง ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจเดียดฉันท์ แถมยังดูเหมือนจะรักหลงไหลพี่เฟิงที่เก่งกาจเรื่องบนเตียงสะอีก เพราะตอนที่พี่เฟิงจัดการน้องเหมี่ยวไปสองสามรอบ พี่เฟิงกอดน้องเหมี่ยวบอกว่าพี่เฟิงพูดคำหวานไม่เป็น แต่น้องเหมี่ยวตอบว่าคำหวานอะไร น้องยังต้องการอีก พี่เฟิงเลยบอกข้าจะให้เจ้าทั้งหมด...จากนั้นพี่เฟิงเลยจัดหนักให้น้องเหมี่ยวต่อ(อ่านไปหน้าแดงไป555) หลังคืนนั้นพี่เฟิงแกยิ่งดูรักและยอมตามใจน้องเหมี่ยวมาก แถมดูแลทำให้น้องเหมี่ยวได้ทุกอย่าง (ยิ่งในบทเลิฟซีนในนิยายบรรยายจนเห็นภาพ...พี่เฟิงเขาดูรักถนอมน้องเหมี่ยวมากมาย ไปซื้อนิยายอ่านเองนะ เขินเกินจนไม่กล้าพิมพ์555)

เช้าวันรุ่งขึ้นโหยวเหมี่ยวพาหลีจื้อเฟิงเป็นบ่าวรับใช้ตามกลับบ้านไปคนเดียว จากนั้นขึ้นรถม้าเตรียมเดินทางไปพร้อมกับขบวนรถขนสินค้าของตระกูลเพื่อออกนอกเมือง ก้อทำให้เจอะเนี่ยตันทหารรักษาการณ์ที่หน้าด่านประตูเมือง เนี่ยตันจะขอตรวจสอบหลีจื้อเฟิง แต่โชคดีบ่าวจวนหลี่ตามมาส่งจดหมายและของฝากให้โหยวเหมี่ยว เลยทำให้ผ่านด่านออกนอกเมืองไปได้ (หลี่เหยียนฝากจดหมายและมีดสั้นเตรียมให้ฆ่าหลีจื้อเฟิงทิ้งระหว่างทางนะเอง)

แต่ในรถม้าน้องโหยวเหมี่ยวคนดี นั่งพิงอก นั่งลูบ นั่งกอดพี่หลีจื้อเฟิงไป พร้อมอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ของเผ่าเฉวี่ยนหรงให้หลีจื้อเฟิงฟังไปอย่างมีความสุข ทั้งคู่พูดคุยกันตลอดทาง(น้องเหมี่ยวมีหยอกเย้าพี่เฟิงด้วยทำไมตอนนี้ถึงทำตัวไม่เห็นเหมือนตอนที่อยู่บนเตียงเลย555) เวลาผ่านไปอีกหลายอาทิตย์ในการเดินยิ่งทำให้โหยวเหมี่ยวตัดใจลำบากขึ้น หลีจื้อเฟิงเองคอยดูแลน้องเหมี่ยวให้กินอยู่อย่างสะดวกสบายตลอดการเดินทาง(น้องเหมี่ยวขี้อ้อนดูแล้วมิน่าพี่เฟิงเขาถึงติดน้องเหมี่ยวขนาดนี่555) 

จนรถม้าเดินทางไปถึงเมืองเหยียนเปียน ขบวนรถสินค้าพักรถเพื่อค้าขายสินค้าเป็นเวลาสองสามวัน โหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิงเดินเล่นในเมืองอย่างมีความสุข จนถึงวันที่จะต้องเดินทางต่อ โหยวเหมี่ยวกลับบอกลาหลีจื้อเฟิง พร้อมมอบเงินขวัญถุงใส่เงินไว้ยี่สิบตำลึงและคืนใบสัญญาทาสของหลีจื้อเฟิงให้เขาเก็บไว้กับตัว บอกให้เขากลับไปใช้ชีวิตที่เผ่าของตัวเอง หลีจื้อเฟิงได้แต่ยืนอึ้ง เพราะน้องเหมี่ยวไม่ยอมให้เขาตามกลับบ้านไปด้วย(วันนั้นน้องเหมี่ยวได้ทิ้งพี่เฟิงไว้กลางทางอย่างแท้จริง)

รถม้าเดินทางต่อไปได้ไม่นานก้อติดพายุหิมะ แถมยังเจอะโจรเผ่าหูนอกด่านดักปล้นรถขบวนสินค้า ทำให้โหยวเหมี่ยวโดนจับไปที่รังโจร ที่ห้องขังโจรหยวเหมี่ยวโดนมัดมือมัดขา เลยทำให้ได้พบกับจ้าวเฉา ที่โดนโจรจับมาขังไว้ก่อนหน้านี่ จ้าวเฉาพูดคุยกับโหยวเหมี่ยว ว่าเขาออกมาล่าสัตว์กับทหารในค่ายใกล้ๆป่าแถวนี้ แต่กลับโดนกลุ่มโจรดักทำร้ายแล้วจับเขามาขังไว้ จากการพูดคุยกันทั้งคู่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีในยามยากนี้ ท่ามกลางอากาศหนาวหิมะตกหนักทั้งคู่ต่างอิงแอบพิงตัวกันพร้อมปลอบโยนให้กำลังใจกัน โหยวเหมี่ยวดีใจที่ได้พบจ้าวเฉา

ระหว่างนั้นโจรจะจับโหยวเหมี่ยวไปซ้อมเล่น จ้าวเฉากลับเอาตัวเองเข้าแลกทำให้เขาโดนโจรซ้อมจนฟันกรามหลุด ถึงได้เอาตัวจ้าวเฉากลับมาคืนห้องขัง โหยวเหมี่ยวเสียใจมากที่จ้าวเฉาเจ็บตัวขนาดนี่เพื่อเขา เพราะมือเท้าโดนมัด โหยวเหมี่ยวเลยพยายามใช้ปากในการป้อนน้ำป้อนอาหารด้วยให้จ้าวเฉา(แหม...จ้าวเฉา มีการแอบจูบใช้ลิ้นกับน้องเหมี่ยว ในขนาดที่น้องเหมี่ยวแสนซื่อคิดช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้พี่เขาอย่างจริงใจ) โหยวเหมี่ยวเลยได้ฟันกรามซีกที่หลุดจากปากจ้าวเฉาไว้เป็นที่ระลึก(โหยวเหมี่ยวผู้ไม่รู้อะไรว่าจ้าวเฉาก็คือองค์ชายสามที่ติดใจตกหลุกรักเขาแต่แรกเห็นในเมืองหลวงครั้งนั้นนะเอง ถึงได้ยอมปกป้องโหยวเหมี่ยวขนาดนี้)

คืนต่อมาจ้าวเฉานัดแนะโหยวเหมี่ยว จะแอบหนีออกจากรังโจร โหยวเหมี่ยวมีมีดสั้นที่หลี่เหยียนมอบให้ไว้ น้องแอบซ่อนไว้ในรองเท้า ก็เอามาช่วยตัดเชือก จ้าวเฉาเห็นก้อรู้ว่าเป็นมีดล้ำค่า ของพระราชทานสำคัญขนาดนี้ แปลว่าหลี่เหยียนต้องมีใจรักโหยวเหมี่ยวมาก น้องเลยโดนจ้าวเฉาแอบตัดพ้อน้อยใจ แต่โหยวเหมี่ยวคงไม่รู้อะไรต่อไป ระหว่างที่ทั้งคู่พยายามจะหลบหนีจากรังโจร แต่โจรดันไหวทันตามมาล่าพวกเขา ทั้งคู่เลยต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจนเกือบพลาดท่า 

ก็พอดีหลีจื้อเฟิงตามมาช่วยโหยวเหมี่ยว พี่เฟิงบู๊แหลกมาก บุกเดี่ยวเข้ามาลุยรังโจรก่อน จนพบพวกเขาทั้งคู่ แล้วถึงพาหนีจนไปเจอะทหารในค่ายเมืองเหยียนเปียนที่ตามมมาช่วยจ้าวเฉา หลีจื้อเฟิงฉุดให้โหยวเหมี่ยวนั่งม้าไปกับเขา ส่วนจ้าวเฉาก้อนั่งม้าของหลินเฟยทหารรักษาการเมืองเหยียนเปียน ทั้งหมดต่างหลบหนีกองโจร แต่โจรมามากเกินไป เลยต้องแยกกันหลบหนีเป็นสองทางไว้หลอกล่อโจร จ้าวเฉาจะหนีไปทางเมืองเหยียนเปียน ส่วนโหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิงแยกหนีไปทางเมืองเหลียงโจว(ระหว่างขี่ม้าฝ่าพายุหิมะ น้องเหมี่ยวถามพี่เฟิงว่าย้อนกลับมาทำไม พี่เฟิงบอกน้องเหมี่ยวว่าที่กลับมาเพราะข้าคิดถึงเจ้า...อ่อย...หวาน ละลาย ใจอ่อนยวบ)

ทั้งคู่ขี่ม้าหนีมาถึงหน้าประตูเมืองเหลียงโจว หลีจื้อเฟิงตกม้าลงพื้น เพราะเขาถูกโจรยิงธนูปักที่เอวด้านหลังมาตลอดทาง หลีจื้อเฟิงบอกโหยวเหมี่ยวให้หนีไปเข้าประตูเมืองแต่โหยวเหมี่ยวไม่ยอมทิ้งเขา กลับตะโกนเรียกให้ทหารแถวนั้นมาช่วย ทหารเลยพาหลีจื้อเฟิงเข้าไปรักษาที่ค่าย หลังผ่าเอาลูกธนูออกก็พบรอยสักสัญญาลักษณ์ทาสคนนอกด่าน เลยทำท่าจะมีปัญหาใหญ่ ก็พอดีมีทหารจากเมืองเหยียนเปียนมาส่งจดหมายของจ้าวเฉาถึงโหยวเหมี่ยว เลยทำให้โหยวเหมี่ยวได้รับความสะดวกจากทหารในการช่วยเหลือหลีจื้อเฟิง (ในตอนนี้มีฉากสวีตตอนทหารจะกรีดเอวเอาหัวธนูออก น้องเหมี่ยวที่กุมมือพี่เฟิงบนเตียงไม่ปล่อย พี่เฟิงเองก้อนอนจ้องตาน้องเหมี่ยวตลอดจนทหารแซวว่าเป็นคู่รักกันหรอ55  แถมน้องเหมี่ยวถามพี่เฟิงว่าตรงหน้าประตูด่านทำไมต้องไล่เขาไป พี่เฟิงเลยบอกว่าน้องเหมี่ยวไม่ได้บอกให้เขาไปด้วยนิ...อึมพี่เฟิงคนซื่อ...จริงๆ) 

โหยวเหมี่ยวเขียนจดหมายตอบกลับจ้าวเฉา เขารู้สึกซาบซึ้งใจและเป็นห่วง หวังว่าสักวันคงจะได้พบกันอีก ทั้งคู่ได้รถม้าเพื่อเดินทางไปรวมตัวกับขบวนรถสินค้าของตระกูลโหยวเหมี่ยวที่ล่วงหน้าหนีโจรพ้นในคราวนั้น

โหยวเหมี่ยวบอกหลีจื้อเฟิงให้ติดตามเขากลับบ้าน ในระหว่างเดินทางกลับโหยวเหมี่ยว บอกว่าต่อนี้ไประหว่างเขาทั้งคู่ไม่ใช่นายกับบ่าว แต่เป็นพี่น้องกันแทน (หรอ...นางนอนพิงอิงแอบในอ้อมกอดพี่เฟิงตลอดการเดินทางเลยนะ555 แถมเออะก็เอาแต่กอดพร้อมเอาหัวถูไถอกพี่เฟิงเรื่อยเลย) ส่วนหลีจื้อเฟิงก็บอกว่าการดูแลคุ้มครองน้องเหมี่ยวคือสิ่งที่เขาสมควรทำอยู่แล้ว โอ้ย...หวานสะ มาถึงเมืองต้าเหลียง โหยวเหมี่ยวก้อเดินจูงมือหลีจื้อเฟิงแวะเดินเล่นในตลาด พร้อมซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้หลีจื้อเฟิง จากนั้นก้อเตรียมเดินทางกลับคฤหาสน์สกุลโหยวที่เมืองเจียงเฉิง 

พอใกล้ถึงบ้าน โหยวเหมี่ยวก้อแวะลงพาหลีจื้อเฟิงไปกินอาหารชื่อดังแถวบ้าน แล้วปล่อยให้รถม้ากลับไปก่อน เพราะนางอยากจะเดินชมไร่ชาตัวเอง ระหว่างทางขึ้นเขากลับบ้าน พี่เฟิงกลัวน้องเมื่อยขาเลยให้น้องเหมี่ยวขี่หลังตัวเอง(โว้ย...รักน้องอะไรขนาดนี้)

จวนพลบค่ำทั้งคู่ก้อเดินมาถึงคฤหาสน์สกุลโหยว แต่พอเดินเข้าบ้านไป โหยวเหมี่ยวกลับพบว่าบ้านนี้ไม่ใช่บ้านที่เขาเคยอยู่อีกต่อไป สามปีที่โหยวเหมี่ยวจากบ้านไปเรียนที่เมืองหลวง โหยวเต๋อชวนพ่อเขาได้นำนางหวังเมียเก่าและลูกชายที่เกิดก่อนที่พ่อจะมาแต่งงานกับแม่ของเขา(เฉียวเคอเอ่อร์)ที่เป็นเมียแต่งถูกกฎหมาย ให้มาอยู่ที่คฤหาสน์สกุลโหยวนี้ โดยปิดบังเขาตลอดมา และตำแหน่งทายาทสืบทอดกิจการก้อโดนโอนไปให้โหยวนฮั่นเกอลูกชายของนางหวัง เพราะเป็นลูกชายคนโตกว่า โหยวเหมี่ยวเองกลายเป็นลูกชายคนรองไป แถมนางหวังยังตั้งตัวเป็นอริกับตัวเองอย่างเปิดเผย เพราะหวังฮุบมรดกทุกอย่างของโหยวเต๋อชวนให้ตกเป็นของลูกชายตัวเอง แม้กระทั้งเรือนพักเดิมรวมทั้งบ่าวปรนิบัติทั้งหลายของโหยวเหมี่ยว ก็โดนยึดไปให้โหยวนฮั่นเกอ นางหวังย้ายเรือนพักและเหลือมู่ฉีเอ่อร์บ่าวชายทิ้งไว้คนเดียวให้คอยมาดูแลเขา

โหยวเหมี่ยวผิดหวังมาก เลยทะเลาะกับพ่อจนล้มป่วย หลีจื้อเฟิงมาขอเงินไปเชิญหมอมารักษาโหยวเหมี่ยว แต่พ่อเขากลับไม่สนใจเพราะนางหวังปากดีชงเรื่องให้พ่อลูกผิดใจกันไปเรื่อยๆ ผิดกับโหยวนฮั่นเกอลูกชายของนางหวัง(ที่อยากเข้ามาหาโหยวเหมี่ยว เพื่อปรองดองนับเป็นพี่น้องกับโหยวเหมี่ยว แต่โหยวเหมี่ยวยังทำใจไม่ได้)

หลีจื้อเฟิงขอเงินจากมู่ฉีเอ่อร์ บ่าวที่เหลืออยู่ของโหยวเหมี่ยว เพื่อวิ่งลงไปเชิญหมอสิงที่เชิงเขามารักษา (ระหว่างนั้นโหยวนฮั่นเกอแวะมาดู เห็นว่าน้องชายป่วยหนักเลยแอบไปลงเขาไปเชิญหมอมารักษาเหมือนกัน) แต่พี่เฟิงวิ่งเร็วมากถึงร้านหมอก่อน ไม่พอยังวิ่งแบกหมอสิงขึ้นเขามาถึงห้องโหยวเหมี่ยวเพื่อตรวจรักษา ไม่พอยังแบกหมอสิงลงเขาเพื่อไปจัดยามารักษาน้องเหมี่ยว  ก้อพอดีมาเจอะโหยวนฮั่นเกอนั่งรอหมอสิง แต่พี่เฟิงไม่สนใจโหยวนฮั่นเกอ กลับวิ่งถือยาขึ้นเขาเพื่อรีบไปต้มยารักษาน้องเหมี่ยวเองต่อ(พี่เฟิงร่างกายช่างแข็งแกร่งจริงๆ เพื่อน้องเหมี่ยวพี่เฟิงวิงขึ้นลงเขาสี่เที่ยวระยะร้อยกว่าลี้สบายๆ)

หลังหายป่วย โหยวเหมี่ยวก้อพักอยู่ในบ้าน แต่พวกบ่าวไพร่ก้อย้ายฝั่งไปถือหางนางหวังกันหมด จนโหยวเหมี่ยวอยู่ไปก็ยิ่งร้อนหูร้อนใจ ทั้งโดนพ่อว่าไม่สนใจเรียนเอาแต่ผลาญเงินผลาญทอง ระหว่างนั้นเนี่ยตันก้อมาหาที่บ้าน พร้อมหอบสมบัติของเขาที่โดนโจรนอกด่านปล้นชิงไปนำมาคืนให้ตามคำสั่งของจ้าวเฉา โหยวเหมี่ยวเลยเล่าให้พ่อฟังว่าตัวเองขากลับบ้านโดนโจรดักปล้นสมบัติไม่พอตัวเองยังโดนโจรจับไปขัง อาจได้ตายอนาจที่นอกด่านแล้ว ถ้าไม่ได้หลีจื้อเฟิงกลับมาช่วยเขาเอาไว้ แต่พอกลับมาถึงบ้านพ่อเขากลับไม่สนใจ ที่จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเขาเลยสักคำว่าเดินทางกลับบ้านมาปลอดภัยดีไหม

จากเหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์พ่อลูกยิ่งแตกร้าวเข้าทางนางหวัง พ่อเขาถึงขั้นเปรยเรื่องแม่เขาซื้อบ้านทิ้งไว้ที่อีกอำเภอให้เขา บอกกลายๆให้เขาย้ายออกจากบ้านไป จากตอนแรกโหยวเหมี่ยวว่าจะอยู่แกล้งปั่นหัวนางหวัง กลายเป็นว่าตัวเองอึดอัดไม่อยากอยู่บ้านนี้ ยิ่งมองหน้านางหวังยิ่งปั่นทอนสุขภาพจิตตัวเอง โหยวเหมี่ยวเลยตัดสินใจไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหลีจื้อเฟิงสองคน จะไปก่อร่างสร้างตัวเองจากบ้านและที่ดินที่เจียงปัว มรดกที่แม่โหยวเหมี่ยวซื้อทิ้งไว้ให้เป็นมรดก

เช้าตรู่วันที่โหยวเหมี่ยวเก็บของตัวเองและสินเดิมของแม่เตรียมย้ายออกจากบ้าน มีโหยวนฮั่นเกอคนเดียวที่วิ่งมาส่งน้องชาย พร้อมยังมอบเงินในถุงผ้าให้เขาไว้ทำทุน โหยวเหมี่ยวรู้ว่าพี่ชายคนนี้ไม่ได้มีจิตคิดร้ายกับเขา แถมยังดูเป็นคนซื่อๆ แต่ติดที่เป็นลูกชายนางหวังนั่นแหละ เลยทำใจญาติดีด้วยไม่ไหว

วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของโหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิง ทั้งคู่ขับรถม้าบรรทุกของส่วนตัวทั้งหมดไปปราสาทเขาเจียงปัวที่อยู่อีกเมือง ทั้งคู่มีความสุขและมีความหวังโดยเฉพาะหลีจื้อเฟิงที่มีความสุขออกนอกหน้า (ฉากสวีต...น่ารักมาก ระหว่างที่พี่เฟิงบังคับรถม้าให้วิ่งไปตามทาง น้องเหมี่ยวแกล้งเอามือปิดตาพี่เฟิง ถามว่าทำงี้กลัวรถคว่ำปะ พี่เฟิงก้อบอกไม่กลัวเพราะยังมีหูที่ได้ยิน อีน้องก้อเลยเอามือไปปิดหู พี่เฟิงก้อบอกยังงี้ก้อมองเห็นละ น้องเลยงอนพี่ พี่เฟิงเลยก้มไปจูบปากน้องเหมี่ยว น้องเหมี่ยวก้อยิ้มนั่งเอนซบอกให้พี่เฟิงกอดไปตลอดทาง)

หลังจากขับรถม้าจนหลงทางหลงป่า แถมรถม้าติดหล่มในป่าเปลี่ยวกลางดึก แต่ก็โชคดีชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยหาพวกเขาพอดี แต่เมื่อมาถึงปราสาทเขาเจียงปัว โหยวเหมี่ยวก้อต้องพบกับความผิดอีกครา เพราะบ้านบนเขาเจียงปัวนั่นโทรมจวนพัง แทบจะอาศัยอยู่ไม่ได้ ที่ดินให้เช่าก้อแห้งแล้งขนาดสระบึงที่เคยขุดใส่น้ำก้อแห้งข่อด คนเช่าที่ดินก้อเตรียมอพยพย้ายถิ่นฐาน เพราะไม่มีน้ำให้เพาะปลูก จากวางแผนว่าจะเอาที่ไปจำนอง พร้อมขอเก็บค่เช่าที่ล่วงหน้าจากผู้เช่าที่ดิน เพื่อรวบรวมเงินไปซื้อของทำการค้าที่นอกด่าน ฝันพังทลายลงทันที แถมเงินที่มีตอนนี้ก้อมีเหลือแค่ร้อยกว่าตำลึง

โหยวเหมี่ยวเริ่มตั้งสติ วางแผนการใช้ชีวิตใหม่ เริ่มจากวางแผนให้คนเช่าเดิมที่จะอพยพย้ายออกไป ให้กลับมาอยู่เช่าที่ต่อ จากนั้นจูงมือพี่เฟิงสำรวจพื้นที่ทั้งหมดบนเขาของตัวเอง เพื่อคำนวนพื้นที่ที่สามารถปล่อยให้คนมาเช่าได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนั้นก้อไปสำรวจแหล่งน้ำเพื่อไว้ทำการเกษตร และเขาจะต้องศึกษาชนิดของพืชที่เหมาะสมจะเอามาลงทุนเพาะปลูก น้องมีกำลังใจที่สำคัญคือหลีจื้อเฟิง พ่อบ้านใจกล้าที่สนับสนุนทุกความคิดของน้องเหมี่ยว ถึงพี่เฟิงจะมีแต่ตัวและหัวใจ แต่ความใจสู้ทุกสถานการณ์ของพี่เฟิงนั่นมันเกินร้อยมาก

หลังสำรวจคราวๆวันนั้น โหยวเหมี่ยวก้อพบว่าบ้านที่แม่ซื้อทิ้งไว้ให้นั้น เป็นบ้านของกวีชื่อดังของชาวฮั่น มีชื่อว่าบ้านสวนเสิ่น ผังการจัดสวนและตัวอาคารยังคงงดงามแต่เสื่อมโทรมตามเวลาที่ปล่อยบ้านทิ้งร้างเอาไว้มานาน โหยวเหมี่ยวตัดสินใจจะบูรณะบ้านเพื่ออยู่อาศัย เลยใช้ให้หลีจื้อเฟิงไปซื้อข้าวสารอาหารแห้งไว้ เตรียมเสบียงไว้ทำอาหารกินกันเอง ส่วนตัวเองก้อเดินไปตามคนเช่าที่มาได้สองคน จ้างพวกเขาให้มาช่วยเก็บกวาดเช็ดถูบ้าน แล้วช่วยขนของที่บรรทุกมา ให้ลงมาเก็บไว้ในบ้าน โหยวเหมี่ยวกำลังทำทำห้องหนังสือ เลยได้เจอะจางเอ่อร์คนอายุรุ่นเดียวกัน และชอบอ่านหนังสือเหมือนกันอีก (จางเอ่อร์ที่พ่อแม่ตายหมดแล้วและกำลังจะเตรียมตัวไปอาศัยอยู่กะญาติที่เมืองอื่น) ทั้งคู่คุยถูกคอมาก

จางเอ่อร์เห็นโหยวเหมี่ยวเอาหนังสือติดตัวมามากมาย จางเอ่อร์ก้อชื่นชมโหยวเหมี่ยวมาก โหยวเหมี่ยวเลยชวนให้จางเอ่อร์มาอ่านหนังสือในบ้านเขาได้ตลอเวลา  ระหว่างจัดเรียงหนังสือ โหยวเหมี่ยวเลยถามว่าไม่มีใครมาขโมยของในบ้านสวนเสิ่นหรอ จางเอ่อร์เลยเล่าว่าไม่มีใครกล้ามาขโมยหรอก เพราะที่นี้ผีดุจนเขาร่ำลือไปทั่วหุบเขา มีคนลองดีขโมยของในบ้านนี้ไปใช้ สรุปคนที่ขโมยของไปก้อป่วยตายติดๆกันหลายคน จนต้องเอาของมาคืนที่บ้านสวนเสิ่นนี้ หลังจากใกล้จะเย็นย่ำละ น้องเหมี่ยวก็จ่ายค่าจ้างทั้งคนทั้งสอง พร้อมบอกให้หลี่จวนว่าพรุ่งนี้ให้ไปหาซื้อของพร้อมหาช่างไม้มาตีราคาซ่อมบ้านสวนเสิ่น

ตกเย็นหลีจื้อเฟิงก็กลับมาพอดี พร้อมขนของเสบียงกรังไปเตรียมเก็บไว้ที่ครัว แถมยังเก็บลูกสุนัขมาฝากให้น้องเหมี่ยวเลี้ยงเล่นมาอีกตัวด้วย พี่เฟิงก้อเข้าครัวเตรียมตัวทำกับข้าว ระหว่างนั่นน้องก็เล่นกับลูกหมาไป  น้องเหมี่ยวพยายามจะช่วยงานในครัว แต่เกิดมาก้อเป็นคุณชายหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่าง พี่เฟิงเลยไล่นางไปอ่านหนังสือรอที่หน้าลานห้องครัวแทน (มื้ออาหารแรกของทั้งคู่ ฝีมื้อพี่เฟิงนอกจากข้าวกับแกงเห็ดแล้ว ที่เหลือผิดพลาดไปหมดทั้งเนื้อผัดไหม้ ผัดผักยังไม่รอด แต่น้องเหมี่ยวก้อไม่วีนใส่พี่เฟิง แถมยังกินได้ดีอีก ที่สำคัญน้องเหมี่ยวให้พี่เฟิงมากินข้าวพร้อมกับน้องไม่แบ่งแยกนายบ่าว ที่สำคัญนางบอกพี่เฟิงว่าเรายังเคยทำอะไรด้วยกันขนาดนั้นแถมน้ำลายยังกินกันมาแล้ว...โว้ยพี่เฟิงคงฟินสุดใจ)

ระหว่างที่นั่งกินข้าวกับพี่เฟิง น้องเหมี่ยวนางก้อเริ่มพูดถึงแผนการณ์ว่านางจะสร้างกังหันน้ำเพื่อชักน้ำมาลงที่พื้นที่เกษตรของนาง พี่เฟิงก้อบอกเดียวทำให้(ทั้งที่ัยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง555) น้องบอกอยากจะขุดคลองส่งน้ำ พี่เฟิงก้อบอกเดียวขุดให้(ยาวแค่ไหนพี่ยังไม่รู้ก้อรับปากน้องสะแหละ) แล้วยังยังต้องขุดหน้าดินเพื่อเตรียมปลูกพืช อีกพี่เฟิงก้อเหมาจะทำให้อีก สรุปงานนอกบ้านพี่เฟิงจะทำให้หมด ส่วนน้องเหมี่ยวจัดการงานในบ้านไป

คืนนั้นหลังพี่เฟิงอาบน้ำที่บ่อน้ำข้างสวน (น้องเหมี่ยวแอบส่องดูร่างเปลือยของพี่เฟิงด้วย) น้องเริ่มหลอนเพราะนึกถึงเรื่องเล่าผีที่นี่เมื่อตอนบ่าย เลยเรียกพี่เฟิงขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน น้องเหมี่ยวก้อนอนลูบๆคลำๆพี่เฟิงเล่น...พี่เฟิงก้อเลยชวนน้องเหมี่ยวทำกิจกรรมเข้าจังหวะแทน555 โหยวเหมี่ยวรู้สึกว่าคืนนี้ไม่เหมือนครั้งแรกที่พวกเขาหลับนอนด้วยกัน คราวนี้มันดูอบอุ่นใจมีอะไรที่มากกว่าเรื่องนั้น...ให้อารมย์เหมือนคู่สามีภรรยากัน และดูทรงแล้วหลังจากคืนนี้พี่เฟิงได้นอนเตียงกอดน้องเหมี่ยวตลอดไปในบ้านสวนเสิ่นแห่งนี้แน่นอน

วันรุ่งขึ้นมีช่างไม้สองคนมาดูบ้าน โหยวเหมี่ยวเป็นคนที่เกิดมาเพื่อทำการค้าที่แท้จริง สามารถต่อรองค่าใช้จ่าย ค่าแรงช่างไม้ในการซ่อมบ้าน ก็ปล่อยให้ช่างไม้สองคนเดินสำรวจบ้านเพื่อคำนวนเวลาและค่าใช้จ่าย ส่วนตัวเองนั้นก็จูงมือหลีจื้อเฟิงไปสำรวจพื้นที่รอบเขาของตัวเองต่อ ปราสาทเขาเจียงปัวที่แม่ของเขาซื้อไว้เป็นพื้นที่คร่อมของสองหมู่บ้านสองอำเภอ แถมมีแม่น้ำคั่นกลางที่อีก ไม่มีสะพานข้ามมีแต่เชือกแขวนให้โหนเกี่ยวตัวข้ามแม่น้ำไป พี่เฟิงก้อให้น้องเหมี่ยวขี่หลังแล้วเอาเชือกมัดเอวน้องไว้กับตัวเองแล้วเกี่ยวเชือกโหนข้ามฝั่งไป 

ระหว่างเดินตรวจที่ก้อไปเจอะคนมาแอบทำไร่ในที่ตัวเอง แต่นางฉลาดไม่โวยวายแต่เดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ที่กลับมาดูแลพื้นที่ของตัวเองแล้ว พร้อมมอบของฝากให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นสินน้ำใจตามมารยาท ทำให้เขามีคนช่วยดูแลที่ดินของตัวเองอีกชั้น แถมยังฝากฝังให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยจัดหาแรงงานมาช่วยบุกเบิกถางที่ดินในพื้นที่ตัวเองได้อีก

ขากลับพี่เฟิงชวนไปตลาดก่อนกลับบ้าน น้องเหมี่ยวงอแงเมื่อยขาไม่อยากเดินแล้ว พี่เฟิงตอนแรกบอกจะอุ้มน้องให้ นางขัดเขินก้อเลยได้ขี่หลังพี่เฟิงกลับไป ระหว่างทางน้องเหมี่ยวก้อพูดจาหยอกเย้าข้างหูพี่เฟิง นัวเนียจนพี่เฟิงทนไม่ไหวต้องหันไปจูบน้องเหมี่ยวสักที แถมยังถามน้องเหมี่ยวว่าเมื่อคืนพี่เฟิงยังป้อนน้องไม่อิ่มหรอ...กรี๊ด (นี่มันฉากผัวหนุ่มเมียสาวหยอกเย้ากันไปมาชัดๆ และพี่เฟิงดูหลงเมียเด็กมากๆ ก้อน้องเหมี่ยวเพิ่งสิบห้าอะนะ) พี่เฟิงแบกน้องเดินมาจนถึงตลาดเลยได้แวะซื้อปลากลับบ้านสะที

ทั้งคู่กลับถึงบ้านสวนเสิ่นก้อเจอะช่างไม้เหลียงปินตีราคาคำนวนค่าซ่อมเสร็จแล้ว  ตกลงราคาค่าซ่อมได้ ก้อจะปล่อยให้ช่างไม้เริ่มซ่อมบ้านไป แต่โหยวเหมี่ยวเลยให้ช่างไม้ดูแบบร่างกังหันยักษ์ไว้วิดน้ำที่ริมผาพร้อมตีราคาค่าสร้างด้วยเลย  เลยอยากได้ช่างไม้ดีๆมาทำให้เลยที่เดียว ตามแบบร่างที่เขาเขียนเอาไว้ ช่างไม้ดูแล้วไม่รับปาก เพราะดูแล้วงานช้างอลังการดาวล้านดวงมาก แต่เขาจะเอาแบบร่างไปให้อาจารย์ของตัวเองไปประเมินแทน(ช่วงนี้น้องโหยวเหมี่ยวลงเรียนเอกวิศวะ โทเกษตร555 ส่วนพี่เฟิงลงเทคโนรอน้องโหยวเหมี่ยวเขียนแบบเขียนแปลนพี่เฟิงลงแรงทำ)

เย็นวันนั้น หลีจื้อเฟิงปิ้งปลาย่างให้น้องโหยวเหมี่ยว แต่น้องหิวมาก ระหว่างนั่งดูปลาที่ย่างอยู่ น้องก้อเอาแต่ถามพี่เฟิงว่ากินได้ยังๆจนเป็นลมล้มในอ้อมกอดพี่เฟิง..(โว้ยน่ารัก...สวีตกันต่อไป)

เช้าวันรุ่งขึ้นก้อมีช่างใหญ่บุกมาโวยวายจะเข้าพบโหยวเหมี่ยวให้ได้ แต่พี่เฟิงไม่อนุญาตปล่อยให้เข้าบ้าน เพราะน้องยังนอนหลับอยู่ ยังไม่ตื่น เลยได้ทะเลาะกับนายช่างใหญ่ลั่นบ้านไปหมด พอโหยวเหมี่ยวได้ยินเสียงทะเลาะ เลยรีบลุกออกมาต้อนรับเลยโดนช่างใหญ่อบรมว่าโตขนาดนี้ยังตื่นสายมีนิสัยเกียจคร้าน แล้วจะทำการใหญ่ให้ได้ดีได้ยังไร น้องเหมี่ยวก้อดีนะผู้ใหญ่ว่ากล่าวตักเตือน นางก้อรับฟังพร้อมก้มหน้าขอโทษนายช่างใหญ่หวงสือโดยดี นายช่างใหญ่เลยหายโกธรไล่นางไปหาข้าวกินแล้วค่อยมาคุยกันต่อ

เมือคืนนายช่างใหญ่หวงสือ  เห็นแบบร่างแล้วสนใจเลยตามมาดูคนออกแบบกังหัน แต่มาเจอะหนุ่มน้อยโหยวเหมี่ยว ดูแล้วไม่เหมือนคนที่คิดเป็น น้องเหมี่ยวเลยต้องหอบหนังสือรวมสิงประดิษฐ์ที่ตัวเองศึกษา เอามาเป็นหลักฐานให้นายช่างใหญ่หวงสือดู แล้วถามนายช่างว่าพอทำได้ไหม พร้อมจะพาไปดูสถานที่สร้างตรงริมผา นายช่างใหญ่หวงสือบอกว่าสร้างได้แต่ค่าใช้จ่ายแรงมาก ไหนจะค่าช่างค่าไม้ค่าแรงงานอีก แต่โหยวเหมี่ยวอยากสร้างมาก เพราะไม่งั้นพื้นที่เกษตรของนางจะมีปัญหาเรื่องน้ำสำหรับเพาะปลูกทั้งหุบเขาเลย นายช่างใหญ่หวงสือเลยกลับไปเตรียมการจัดการคำนวนทั้งแบบร่าง ช่างไม้ และวัสดุทั้งหมดที่ต้องใช้ก่อน แล้วจะกลับมาหาโหยวเหมี่ยวอีกที

โหยวเหมี่ยวเองเริ่มหน้าแห้ง เพราะเงินไม่ได้มีเหลือมากมาย กลับมาที่บ้านเจอะพี่หลีจื้อเฟิงกำลังเตรียมอุปกรณ์จะไปขุดดิน เพื่อขุดคลองส่งน้ำตามที่น้องโหยวเหมี่ยวร่างเส้นทางไว้ให้ก่อนหน้านั้น แต่ระยะขุดคลอดที่น้องคำนวนบนกระดาษคือต้องขุดคลองยาวสิบห้าลี้... พอโหยวเหมี่ยวเห็นสถานที่จริง ก็ยิ่งรู้ว่านี้มันงานช้างชัดๆ หลังจากนั่งดูพี่เฟิงเริ่มขุด นางก้อลองคำนวนเวลากับระยะที่สามารถขุดได้สำหรับหนึ่งคนสรุปขุดวันนี้จนถึงปีหน้ายังไม่รู้จะขุดได้ถึงสิบห้าลี้หรือเปล่า

แต่พี่เฟิงก้อเอาพลั่วมาขุดไปเรื่อยๆ จนโหยวเหมี่ยวทนไม่ไหวเอง น้องเหมี่ยวร้องบอกให้พี่เฟิงเลิกขุดดินได้แล้ว นางเห็นแล้วปวดใจ แต่พี่เฟิงก้อยังทำตัวชิวๆ (เพราะน้องบอกอยากได้คลองส่งน้ำ) พี่เฟิงก้อก้มหน้าขุดดินไปหนึ่งขั่วยาม(รวมสองชั่วโมง)ได้ความยาวเพียงครึ่งจั้งก้อหมดแรง พี่เฟิงปีนขึ้นมานั่งพักข้างคลอง โหยวเหมี่ยวเลยมานั่งพิงอิงแอบพี่เฟิงไป(ช่างอบอวนไปด้วยความรักมาก...ก)

โหยวเหมี่ยวเลยคิดเปลี่ยนแผน เริ่มคำนวนค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างคนงานมาขุดคลอง (เพราะสงสารแฟนตัวเอง555) ทั้งยังมีค่าสร้างกังหัน ค่าไม้ ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ตีราคาเองคร่าวๆน่าจะห้าร้อยตำลึง น้องเหมี่ยวเริ่มสติแตก แต่พี่เฟิงบอกไม่มีปัญหา เดียวจะไปปล้นเงินหลวงมาให้ด้วยใบหน้านิ่งๆ555 น้องเหมี่ยวเริ่มใจไม่ดีกลัวพี่เฟิงจะทำจริง เลยสั่งห้ามทำเหลวไหลเด็ดขาด ตอนนี้เย็นละต้องกลับบ้าน เพราะพี่เฟิงจะกลับไปเข้าครัวทำอาหารให้น้องเหมี่ยวกิน เดียวกลางคืนพี่เฟิงจะมาขุดต่อ น้องเหมี่ยวเลยบอกไม่ต้องมากลางคืนให้อยู่ในบ้าน มานอนกอดน้องเหมี่ยวก็พอ พี่เฟิงก็ยิ้มรับปากทันที 

กลับไปถึงพี่เฟิงก้อจับไก่มาเชือดคอ แต่ฆ่าไก่ไม่สนิทมีดคงไม่คม ไก่ลุกมาวิ่งหนีเลยเจอะพี่เฟิงซัดไก่ด้วยเศษไม้ตายสนิททันที น้องเหมี่ยวเห็นก็ปรมมือชมแฟนว่าวรยุทธเยี่ยมมาก แต่พี่เฟิงกลับกล่าวว่าอยากให้น้องเหมี่ยวชมเขาว่าเรื่องบนเตียงก้อยอดเยี่ยมมากด้วย น้องเหมี่ยวก้อหัวเราะร่วนยื่นมือลูบไล้หน้าแฟนเลยโดนพี่เฟิงจูปปากเบาๆไปอีกที สรุปมื้อนี้พี่เฟิงทำไก่ตุ่นให้น้องเหมี่ยวกิน แถมพี่เฟิงยังไปเจอะห้องใต้ดินไว้เก็บสุราชั้นเลิศอายุนับร้อยปีอีกแปดสิบไห พอตกกลางคืนทั้งคู่ก้อมานอนกอดกันเหมือนเคย

ผ่านไปหลายวัน บ้านสวนเสิ่นเริ่มซ่อมแซมแล้ว ระหว่างที่โหยวเหมี่ยวยังหาทางจ้างคนและหากลวิธีหาเงินอยู่ พี่เฟิงก้อออกไปขุดคลองส่งน้ำ พอกลางวันน้องเหมี่ยวก้อหิ้วอาหารกลางวันไปส่งพี่เฟิงที่ริมคลอง วันนี้มีทหารมาส่งจดหมายจากจ้าวเฉา นายทหารชื่อถังฮุย เป็นหัวหน้าทหารม้าป้องกันเมืองหยางโจว ในที่สุดโหยวเหมี่ยวก็รู้สะทีว่าจ้าวเฉาเขาคือองค์ชายสามที่ตัวเองปฎิเสธไปนะเอง โหยวเหมี่ยวเสียใจแต่ก้อรีบเขียนจดหมายตอบกลับหาจ้าวเฉาอย่างยินดี บอกว่าเขาจะพยายามช่วยเหลือจ้าวเฉาอย่างเต็มที่ โหยวเหมี่ยวฝากจดหมายพร้อมภาพเขียนล้ำค่ามอบให้ถังฮุยนำไปให้จ้าวเฉาที่เมืองหลวง ในใจโหยวเหมี่ยวรู้สึกผูกพันธ์กับจ้าวเฉา เพราะถึงแม้จะพบเจอะกันไม่กี่วัน แต่ทั้งคู่ต่างเผชิญกับความตายมาด้วยกัน 

โหยวเหมี่ยวอยากผูกสัมพันธ์กับถังฮุย เพราะรู้ว่าเขาอยากย้ายกลับเข้าไปประจำที่เมืองหลวงแต่หนังสือขอโยกย้ายของเขากลับติดขัดค้างอยู่ที่กรมทหาร โหยวเหมี่ยวนางเลยคิดวิธีช่วยถังฮุย ด้วยการการฝากภาพเขียนล้ำค่าให้ถังฮุยไปส่งมอบให้หลี่เหยียนกับผิงซีเพื่อนของนางที่เมืองหลวงพร้อมแนบจดหมายแนะนำถังฮุย โดยเฉพาะผิงซีที่พ่อเป็นเจ้ากรมทหาร โหยวเหมี่ยวก็เขียนให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้พี่ถังสะหน่อย

ถังฮุยดีใจและซาบซึ้งที่โหยวเหมี่ยวที่เพิ่งพบกันแค่ครั้งเดียว ยังยอมช่วยเหลือเขาถึงขนาดนี้ ถังฮุยเลยสอบถามว่าโหยวเหมี่ยวจะขุดดินไปทำอะไร นางเลยเล่าว่ามีแผนการที่จะขุดคลองส่งน้ำ แต่ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่ขาดแคลนแรงงาน เลยต้องมานั่งขุดกันเอง ถังฮุยเลยเสนอทหารในกองร้อยตัวเอง ให้มาช่วยโหยวเหมี่ยวขุดโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยง แค่เลี้ยงอาหารทุกวันทุกมื้อให้ทหารของเขาก้อพอ แถมถ้าไม่พอจะส่งอีกกองร้อยมาช่วยถากถ่างบุกเบิกที่ดินรกร้างเพิ่มให้อีก โหยวเหมี่ยวดีใจแทบตาย อยู่ๆก้อมีแรงงานอย่างดีมาช่วยทำงาน คืนนั้นนางดีใจมากก้ออ้อดอ้อนถูไถกับอกพี่เฟิงทั้งคืน555

เช้าวันรุ่งขึ้นโหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิง พากันไปจับจ่ายเสบียงอาหารทั้งสุรา เตรียมไว้สำหรับคนหนึ่งร้อยคนสำหรับระยะเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือน ยังต้องซื้อพวกล่อไว้ลากของ รถลาก รถเข็นไว้ขนดินเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ตอนเลือกซื้อของนางเหลือบมองหลีจื้อเฟิง แล้วบอกว่าเขามีค่าตัวเท่ากับคลองส่งน้ำถึงห้าสาย หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าตอนหลี่เหยียนซื้อเขามาด้วยค่าตัวเขาแค่สิบสองตำลึง555 โหยวเหมี่ยวถึงกับพูดไม่ออก แต่ทำไงได้ ทำใจก้ออยากซื้อเขามาแพงเองตั้งสองร้อยห้าสิบตำลึง 

พอกลับถึงปราสาทเขาเจียงปัว ก็พบว่ามีทหารร้อยนายมาถึงแล้ว เลยต้องระดมคนมาช่วยกันลงครัว ทำอาหารเลี้ยงดูทหารหนึ่งร้อยคนเพื่อรับรองก่อน พอกินอิ่นแล้วทหารก้อเริ่มลงมือทำงานขุดคลองส่งน้ำทันที ตกเย็นหลีจื้อเฟิงจัดหาที่พักให้ทหาร ดีที่สวนเสิ่นมีอาคารเรือนพักมากพอรองรับทหารทั้งหมด เพียงแค่ห้าวันก้อขุดคลองได้ครึ่งทางละ แถมได้มือขุดระดับอาชีพมาขุดอีกต่างหาก 

วันนั้นพี่ชายโหยวนฮั่นเกอมาหาพร้อมจะมอบเงินให้เพิ่มเติม แต่ศักดิ์ศรีโหยวเหมี่ยวค้ำคอเลยไม่ยอมรับความช่วยเหลือ555 โหยวนฮั่นเกอมาตามให้โหยวเหมี่ยวกลับบ้านก่อนวันปีใหม่ เพราะต้องกลับไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โหยวเหมี่ยวเลยตั้งใจไปหยางโจววันที่สามสิบเพื่อไปซื้อของ และแวะไปเยี่ยมผู้อาวุโสประจำตระกูลด้วยแต่ไม่แวะกลับบ้านไปหาพ่อ555  (เรื่องหวานๆช่วงนี้พี่เฟิงเริ่มทำไข่ตุ๋นของโปรดน้องเหมี่ยวได้กินทุกมื้อนับแต่นี้ตลอดไป)

เวลาผ่านไปถึงคืนวันก่อนส่งท้ายปี โหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิง เดินทางเข้าตัวเมืองหลิวโจวเพื่อแวะเยี่ยมเหล่าผู้อาวุโสสกุลโหยว โหยวเหมี่ยวเล่าแผนการณ์พัฒนาปราสาทเขาเจียงปัวให้เหล่าผู้อาวุโสสกุลโหยวฟัง พวกเขาล้วนชมเชยความคิดของโหยวเหมี่ยว แถมจะช่วยจัดหาแรงงานมาทำไร่ไถ่นาให้ จากนั้นแนะนำให้โหยวเหมี่ยวไปหาน้าชายเฉียวเจวี๋ย ที่เป็นน้องชายของแม่แท้ๆ ให้เฉียวเจวี๋ยมาช่วยต่อรองซื้อขายแรงงาน แถมเหล่าผู้อาวุโสสกุลโหยวยังช่วยคิดวางแผนพืชพันธ์ ที่ปลูกแล้วทำกำไรงามๆให้กับเขาอีก จากนั้นก้อไปพูดคุยกับบรรดาญาติวัยเดียวกัน 

หลังเสร็จพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โหยวเหมี่ยวโดนชวนให้อยู่ค้างที่นี้ต่อสักคืน แต่โหยวเหมี่ยวเป็นห่วงบ้านเลยไม่ยินยอมค้าง เลยต้องมายืนรอหลีจื้อเฟิงที่หายแว่บไป เพราะแอบไปซื้อของเล่นให้น้องเหมี่ยว ก้อพอดีหลีจื้อเฟิงกลับมาเลยโดนบรรดาญาติวัยเดียวกันแซวหลีจื้อเฟิงว่าไม่เห็นจะเหมือนบ่าวทั่วไป นี้โหยวเหมี่ยวเลี้ยงบ่าวสำหรับในห้องหอหรือป่าว ญาติแซวหนักกว่าเดิมว่าหลีจื้อเฟิงไม่เรียกโหยวเหมี่ยวว่าคุณชาย แต่เรียกคำว่าเจ้า...นิมันดูเหมือนสามีภรรยามากกว่า หลีจื้อเฟิงยิ้มเขินหน้าแดง โหยวเหมี่ยวปกป้องหลีจื้อเฟิงไม่ให้บรรดาญาติแกล้งอีก ทั้งคู่ได้แต่เดินเขินจากไป(ทั้งที่ญาติแซวคือเรื่องจริงล้วนๆ555)

ทั้งคู่ขี่ม้าตัวเดียวกันซ้อนหลังกลับไปที่ปราสาทเขาเจียงปัว โหยวเหมี่ยวถามหาของเล่นที่หลีจื้อเฟิงซื้อมาให้เขาทันที สรุปพี่เฟิงไปซื้อประทัดแผงยาว ให้น้องเอาไปจุดเล่นรับวันปีใหม่ กับหมวกหัวเสือให้น้องเหมี่ยวสวมเล่น...(พี่เฟิงโอ้ยรักน้องหลงน้องมากนะเนีย)

เริ่มต้นปีใหม่โหยวเหมี่ยวศึกษาแผนที่ของพื้นที่รอบเขาตัวเองเพื่อจัดสรรให้คนเช่า พร้อมคำนวนค่าใช้จ่ายและรายรับหลังจากการเพาะปลูกเสร็จสิ้น น้าชายเฉียวเจวี๋ยก้อมาเยี่ยมพอดี ทั้งคู่หน้าตางดงามคล้ายกัน อายุก้อไม่ห่าง ต่างกันไม่มากเท่าไร  โหยวเหมี่ยวอยากชวนให้น้าชายเฉียวเจวี๋ยมาอยู่ด้วยกันที่นี้ เพื่อชวนให้น้ามาปลูกชาอูหลงที่ปราสาทเขาเจียงปัว

พอวันที่สี่ของเดือนแรก ทหารขุดคลองส่งน้ำเสร็จ แถมยังมาช่วยขุดสระ ลอกคูคลองน้อยใหญ่ในสวนเสิ่นให้จนเสร็จเรียบร้อย คงเหลือแค่งานสร้างกังหันและการติดตั้งกังหันที่ริมหน้าผาเท่านั้น น้องเลยให้ทหารช่วยตัดต้นไม้ต้วนมู่ที่ปลูกมานานอายุนับร้อยปีบนเขาเจียงปัว เพื่อเตรียมเป็นวัสดุสร้างกังหัน จะได้ไม่ต้องมาเสียเงินค่าซื้อไม้อีก กลางวันน้องก้อพาพี่เฟิงมาย่างปลากินอาหารเฝ้ากองไม้ ส่วนกลางคืนน้องเหมี่ยวก้อจ้างคนมานั่งเฝ้าแทน

ไม่กี่วันถัดมาก้อพอดีนายช่างใหญ่หวงสือ ก็พาช่างยอดฝีมือมายี่สิบกว่าคนเพื่อมาลงมือทำงานนี้ เพราะนี้ถือว่าเป็นสุดยอดความท้าทายของสิ่งประดิษฐ์ สำหรับช่างเก่งๆที่มีฝีมือ ย่อมอยากจะทำฝากผลงานไว้ให้โลกจำไปอีกนานหลายร้อยปี โหยวเหมี่ยวเริ่มร้อนใจเพราะต้องเริ่มรวบรวมเงิน เพื่อไปซื้อวัสดุอุปกรณืตามที่ที่นายช่างใหญ่หวงสือได้กำหนดไว้ ไหนจะค่าแรงรายวันของช่างใหญ่ๆอีก แถมต้องทำอาหารเลี้ยงช่างจนกว่าจะจบงานด้วย 

งานนี้โหยวเหมี่ยวได้มีความรู้ทางงานประดิษฐ์เพิ่ม จากสุดยอดอาจารย์ทางด้านวิศวะโบราณ งานสำคัญสุดตอนนี้คือไปหาซื้อแร่เหล็กเพื่อเอามาหลอมทำโซ่ทำเฟื่อง ทำเพลา ทำตลับลูกปืน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของกังหันยักษ์ แต่แร่เหล็กไม่ใช่ว่าใครก็ไปซื้อมาได้ เพราะต้องซื้อผ่านทหารที่ดูแลการค้าแร่เหล็กเท่านั้น นายช่างใหญ่หวงสือจะให้ป้ายไม้ไว้ไปติดต่อกับถังฮุยเป็นหัวหน้าทหารม้าป้องกันเมืองหยางโจว แต่น้องเหมี่ยวก้อรู้จักพอดี เลยไม่ต้องอาศัยชื่อของนายช่างใหญ่หวงสือ

โหยวเหมี่ยวคิดจะเอาของที่พอมีค่าในบ้านไปขายแลกเป็นเงินมา พี่เฟิงสงสารเมียเลยคิดจะไปปล้นหาเงินมาให้น้องใช้ แต่น้องเหมี่ยวสั่งขาดห้ามพี่เฟิงคิดทำแบบนี้ พี่เฟิงก้อรับปากน้องง่ายๆ ระหว่างที่รื้อหีบหาของมีค่าไปขาย ก้อไปเจอะถุงเงินที่พี่ชายโหยวนฮั่นเกอมอบให้เขาก่อนออกจากบ้าน เทมากลายเป็นทองรับขวัญวันเกิดที่พ่อสั่งทำให้พี่ชายโหยวนฮั่นเกอปีละก้อน ซึ่งตอนนี้มีทองอยู่สิบแปดก้อนตามอายุพี่ชาย โหยวเหมี่ยวรู้สึกผิดที่คิดและพูดไม่ดีกับพี่ชายตัวเอง ตอนนี้ตัวเองกลับซาบซึ้งในน้ำใจของพี่ชายต่างแม่คนนี้มาก

โหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิงเดินทางเข้าเมือง เอาทองคำพี่ชายไปจำนำไว้ก่อน ถ้าได้เงินทุนคืนมาแล้วจะเอามาไถ่ทองคืนพี่ชาย ทองสิบแปดก้อนกลายเป็นตั๋วแลกเงินมาเจ็ดร้อยตำลึง จากนั้นก้อไปหาถังฮุยที่กรมทหารม้าป้องกันเมืองหยางโจว แต่ถังฮุยไม่อยู่เพราะเข้าเมืองหลวงไปส่งจดหมายพอดี แต่ถังฮุยฝากคนในกรมให้ดูแลรับรอง ถ้าโหยวเหมี่ยวมาหาหรือมาขอความช่วนเหลือ โหยวเหมี่ยวสั่งซื้อแร่เหล็กไว้หกพันชั่ง ซึ่งเกินจากจำนวนใบสั่งของช่าง แต่โหยวเหมี่ยวจะเอาเหล็กที่เหลือไปทำไถ ทำคราดอุปกรณ์ทำนาอีกมาก เพื่อให้คนเช่าที่ได้มายืมใช้นะเอง

หลังซื้อเหล็กก้อให้ตัวเองก็นั่งเฝ้าของ ให้หลีจื้อเฟิงไปหาเช่ารถมาขนและเตรียมเช่าเรือขนแร่เหล็กกลับบ้าน ก้อพอดีหลีจื้อเฟิงไปเจอะน้าชายเฉียวเจวี๋ย เลยพาเขามาหาโหยวเหมี่ยว น้าชายเฉียวเจวี๋ยพาบ่าวติดตามมาสองคนเลยให้นั่งเฝ้าของแทน ส่วนตัวเองก็พาโหยวเหมี่ยวเดินชมตลาดในเมือง โหยวเหมี่ยวอยากได้ต้นกล้าชาจะเอาไปปลูกที่บ้านเขาเจียงปัว น้าชายเฉียวเจวี๋ยสัญญาว่าพรุ่งนี้จะนำต้นกล้าชามาให้ จากนั้นพาหลานรักไปกินข้าวที่หอสุราชื่อดัง มีปลาทอดเป็นของขึ้นชื่อ โหยวเหมี่ยวนางกินแล้วก้อนึกถึงสามี เลยสั่งปลาทอดห่อกลับบ้านด้วยตัวหนึ่ง

น้าแอบพาหลานชายไปเดินเล่นแถวแหล่งหญิงงาม แต่โหยวเหมี่ยวนางไม่สนใจมองเลย น้าชายเลยเกริ่นว่าหลานชายน่าถึงวัยแต่งเมียได้แล้ว โหยวเหมี่ยวชิงบอกว่ายังไม่มีปัญญาเลี้ยงเมีย จนน้าชายมั่นใจเลยแซวหลานว่าเป็นพวกเทพกระต่ายละสิ(แปลว่าพวกชายชอบชาย) นางเขินเลยบอกก้อติดมาจากน้าเฉียวเจวี๋แหละ (อึมแปลว่าน้าหลานคู่นี้มาสายเดียวกันสินะ เพราะตอนนี้น้าชายยังโสดสนิท555) หลานชายมาทางสายนี้แน่ๆ แถมหลานติดสามีหลงสามีขนาดนี้ น้าเลยเลิกเซ้าซี้ละ

น้าเฉียวเจวี๋พาโหยวเหมี่ยวไปแหล่งตลาดค้าแรงงาน เพื่อเลือกคนไปทำงานทำไร่ที่เขาเจียงปัว เลือกมาได้อีกหลายครอบครัว แล้วนัดพวกเขาให้มาที่ท่าเรือพรุ่งนี้เช้า เพื่อพาไปเขาเจียงปัว จากนั้นก้อไปหาหลีจื้อเฟิงที่แถวท่าเรือจ้าง หลีจื้อเฟิงพอเห็นน้องเหมี่ยวก้อยื่นขนมถังหูลู่ให้น้องทันที ส่วนน้องเหมี่ยวก้อยื่นปลาทอดให้พี่เฟิง ของแลกใจกินกันจริงจังมาก555 หลีจื้อเฟิงอยากให้โหยวเหมี่ยวซื้อตัวเด็กชายฝาแฝดที่มาขายตัวหาเงินทำศฟพ่อ เขาจะเอามาฝึกดูแลบ้าน เขาเองจะได้มีเวลาดูแลโหยวเหมี่ยว เพราะไม่งั้นงานที่นางสั่งมาเยอะมาก จนเขาไม่มีเวลาดูแลน้องเหมี่ยว(พี่เฟิงช่างเอาใจใส่น้องเหมี่ยวมากๆ) 

ตกเย็นแวะไปเยี่ยมไปร้านชาของทางบ้านน้าเฉียวเจวี๋ทีลุงสองรับสืบทอดกิจการ แต่เจอะเมียลุงที่นิสัยร้ายกาจหักหน้าน้าเฉียวเจวี๋นทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องบัญชีที่ลงไม่ถูกต้อง โหยวเหมี่ยวกับหลีจื้อเฟิงเลยหลบไปนั่งเล่นในห้องน้าเฉียวเจวี๋รอน้าเฉียวเจวี๋ไปจัดการปัญหาเรื่องต้นกล้าชา ที่เมียลุงไม่ยอมจัดการจ่ายต้นกล้้าชามาให้ สรุปเย็นนั่นเลยอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านนี้ แต่ดูจากอาหารที่ส่งมาให้กิน ดูท่ากิจการที่ร้านท่าทางจะย่ำแย่ ระหว่างนั้นเมียน้อยของลุงสองเดินมาทักทายโหยวเหมี่ยว พร้อมมองมาที่หลีจื้อเฟิง โหยวเหมี่ยวแสดงอาการหึงพี่หลีจื้อเฟิงครั้งแรก นางใช้ตะเกียบดันหน้าหลีจื้อเฟิงให้หันหน้าไปทางอื่นแล้วบอกเลยว่าห้ามมองเด็ดขาด555

น้าเฉียวเจวี๋หงุดหงิดใจเลยออกไปจัดการหาเรื่องต้นกล้าชาด้วยตัวเอง จนเย็นค่ำมากแล้วน้ายังไม่กลับมา ทั้งคู่เลยขึ้นไปนอนพักและกอดกันจนหลับที่เตียงของน้าชายแทน555 กลางดึกน้าชายกลับมาถึงห้องเจอะคู่ผัวตัวเมียยึดเตียงตัวเองไปแล้ว(น้าชายนับว่าเป็นคนใจกว้างเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้เพราะเปิดห้องมาไม่ได้ตกใจเลย ว่าหลานชายกับบ่าวพ่อบ้านนอนกอดกันกลมเชียว) น้าชายเลยจำต้องทนนั่งหลับนกที่เก้าอี้แทน

เช้ามาน้าชายปลุกทั้งคู่ให้เตรียมตัวไปรับสินค้าที่ท่าเรือ เพราะต้องรับแร่เหล็ก และคนงานที่จ้างไว้ให้ไปทำไร่ไถนา และต้นกล้าชาที่น้าเฉียวเจวี๋จัดหามาจนได้ และวันนี้น้าเฉียวเจวี๋ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับโหยวเหมี่ยวที่ปราสาทเขาเจียงปัวละ  น้าหอบเงินทุนตัวเองเพื่อมาลงทุนทำไร่ชาอู่หลงกับโหยวเหมี่ยว เหมี่ยวดีใจมีคนมาช่วยดูแลเรื่องเงินๆทองๆที่ปราสาทเขาเจียงปัว เพราะน้าชายเก่งเรื่องบัญชีแถมมีหัวเรื่องค้าขายมาก ติดแค่เรื่องทุนกับชื่อเสียงที่ยังไม่ใหญ่พอให้คนเกรงใจแค่นั่น

ตอนนี้ที่บ้านสวนเสิ่นเต็มไปด้วยคน ทั้งช่างยี่สิบกว่าคนที่มาเตรียมทำกังหันวิดน้ำ ยังครอบครัวคนงานสี่ครัวเรือนที่มีทั้งลูกเล็กเด็กแดง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด ตอนนี้บ้านคนงานยังไม่มี เลยให้ไปพักเรือนพักปีกด้านข้างชั่วคราวที่ด้านข้างสวน ส่วนเด็กชายแฝดมู่เหยียนมู่เฟิงติดตามดูแลโหยวเหมี่ยว และจะพักอยู่ในเรือนหลัก เพื่อเฝ้าดูแลรักษาเรือนใหญ่ไว้ เฉินกวนอู่ที่อายุมากกว่าเด็กแฝดก้อจะเป็นบ่าวในบ้านที่ดูแลทั่วไปในเรือนพักสวนเสิ่นและโรงม้า แต่เฉินกวนอู่จะขอเช่าที่พื่อปลูกผักด้วยรายได้ผลผลิตแบ่งกันครึ่งๆกับเจ้าของที่(สรุปบ่าวรับใช้เรือนหลักของโหยวเหมี่ยวเป็นผู้บ่าวล้วนๆ555)

หลีจื้อเฟิงกลับมาก้อรีบเอาแร่เหล็กไปตีขึ้นรูปตามแบบที่นายช่างใหญ่หวงสือสั่งไว้ ระหว่างนั่นแม่ม่ายเฉียนที่ตามครอบครัวมาด้วย นางบอกตัวเองทำไร่นาไม่เป็นแต่มาขอทำงานครัวแทน ซึ่งโหยวเหมี่ยวก็ยินดีจ้างนางเป็นแม่ครัว

โหยวเหมี่ยวเดินไปหาน้าเฉียวเจวี๋ที่ย้ายมาอยู่ที่เรือนทิงจู่ไห่ที่แวดล้อมไปด้วยป่าไผ่ชั้นงาม น้าเฉียวเจวี๋อยากได้คนงานมาลงต้นกล้าชาในเช้าพรุ่งนี้ โหยวเหมี่ยวเลยฝากบ้านสวนเสิ่นให้เฉินกวนอู่เฝ้าดูแล ตัวเองพาน้าชายกับบ่าวอีกสองคน เดินเลียบแม่น้ำนั่งเรือข้ามฝากไปที่หมู่บ้านกัวจวง เพื่อไปให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาแรงงานให้มาช่วยปลูกต้นกล้าชา จากนั้นน้าชายก้อจ้างรถม้าไปติดต่อซื้อไผ่ขนจากหลิวโจวมารอทำท่อรางน้ำที่รองน้ำมาจากกังหันวิดน้ำของโหยวเหมี่ยว เพื่อเตรียมรับน้ำไว้ให้ต้นชาบนเขานะเอง

โหยวเหมี่ยวมาเจอะหลีจื้อเฟิงกับมู่เหยียนมาที่หมู่บ้านนี้พอดี เขามาเพื่อติดต่อช่างตีเหล็กให้ทำชิ้นส่วนของตัวกังหันวิดน้ำ ทั้งคู่เลยเดินกลับบ้านไปด้วยกัน พี่เฟิงว่าจะแวะตลาดซื้อผักซื้อปลามาทำกับข้าวให้น้องเหมี่ยวกิน ถึงน้องจะบอกว่าตอนนี้จ้างแม่ครัวแล้วก้อตาม ระหว่างที่เดินไปตลาดพี่เฟิงก้อให้น้องเหมี่ยวขี่หลังเช่นเคย(พี่จะรักน้องเหมี่ยวจนไม่ยอมให้น้องต้องเหนื่อยอะไรขนาดนี้) พี่เฟิงก็เดินไปสอนฝาแฝดมู่เหยียนมู่เฟิงเรื่องการเลือกซื้ออาหารไม่ว่าจะเลือกผักเลือกไก่เลือกปลา เพราะต่อไปทั้งคู่จะรับผิดชอบมาซื้ออาหารสดที่นี่ ส่วนเงินค่าใช้จ่ายให้มาเบิกที่พี่เฟิง ส่วนค่าอาหารคนงานทำไร่ทำนาให้ไปเบิกกับน้าชาย

หลังจากมีแม่ครัวจริงจัง อาหารเย็นวันนี้ดูหรูหราสมฐานะคุณชายแห่งปราสาทเขาเจียงปัวสะที หลีจื้อเฟิงจะยืนปรนิบัติรับใช้ตามฐานะบ่าวแต่น้องเหมี่ยวไม่ยอม บอกให้พี่เฟิงลงมานั่งกินข้าวด้วยกัน แต่อาหารที่แม่ครัวทำล้วนหนักเค็ม ขนาดหลีจื้อเฟิงตามไปสั่งให้ลดเกลือลงแล้วนะ(มีฉากสวีตแทรกระหว่างกินน้องเหมี่ยวจะคีบอาหารใส่ชามข้าวพี่เฟิง พี่เฟิงก้อคีบอาหารที่น้องเหมี่ยวชอบใส่ชามข้าวน้อง สวีตหวานละเกิน) แต่ไข่ตุ๋นของพี่เฟิงอร่อยสุดในมื้อ โหยวเหมี่ยวจึงกินข้าวได้ดีซัดไข่ตุ๋นจนเกลี้ยงชาม ตกดึกเพราะจู่ๆมีคนเพิ่มขึ้นในบ้านสวนเสิ่น พวกครอบครัวที่มาใหม่จึงส่งเสียงดังไม่เลิก พี่เฟิงโมโหแทนน้องเหมี่ยวเลยลุกไปตะโกนด่าให้เงียบๆ(เพราะกลัวเสียงดังจะรบกวนใจน้องเหมี่ยว555) จากนั้นหลีจื้อเฟิงก็ไล่บ่าวน้อยสองคนที่นั่งเฝ้าหน้าห้องน้องโหยวเหมี่ยวไปนอน ส่วนตัวเขากับน้องโหยวเหมี่ยวก็นอนกระซิบบอกรักกันไปมาทั้งคืน

เช้ามานายช่างใหญ่หวงสือ เดินมาตามหาโหยวเหมี่ยว แต่นางยังหลับอยู่ เลยโดนผู้เฒ่าบ่นด่าว่าเรื่องนิสัยชอบนอนตื่นสายของนางอีกแล้ว (น่าสงสาร555ก้อเมื่อคืนนางโดนพี่เฟิงเคี่ยวกรำนางทั้งคืน แต่บอกใครไม่ได้ แถมตื่นมาตัวระบมไปหมดอีกต่างหาก) พี่เฟิงรีบมาจัดการแต่งตัวให้น้องเฟิง พร้อมจัดสุราอาหารเลี้ยงดูเอาใจนายช่างใหญ่หวงสือจนเมามายอารมย์ดี กลับไป จากนั้นพี่เฟิงก้อพาน้องเหมี่ยวเข้าเมืองออกไปซื้อของตามใบสั่งนายช่างใหญ่หวงสือต่อ ส่วนพื้นที่เช่าสำหรับเตรียมเพาะปลูก ก็มีพวกคนงานก็เริ่มลงมือล้้อมเพื่อที่เตรียมลงหว่านพืชปลูกต่อไป

ชีวิตโหยวเหมี่ยวช่วงนี้ นางวุ่นวายกับการวางแผนพัฒนาพื้นที่รอบเขาเจียงปัว คิดออกแบบเครื่องมือทำการเกษตรต่างๆ ผุดโครงการณ์มากมาย เช่นจะสร้างสะพานแขวนเพื่อจะได้ข้ามไปอีกฝั่งได้ง่ายๆ ประหยัดเวลาและแรงกายไม่ต้องเดินเลียบแม่น้ำตั้งไกลเพื่อไปทีท่าเรือข้ามฝาก พอมีสะพานก็ตามด้วยคิดจะทำถนนต่อเพื่อเชื่อมพื้นที่ตอนบนตอนล่างเข้าด้วยกัน ไหนจะโกดังคลั่งเก็บผลผลิตที่ได้หลังการเก็บเกี่ยว ไหนจะโรงโม่และอื่นๆอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่ใช้เงิน คิดไปคิดมาจนสติสตังของน้องเหมี่ยวเริ่มสติแตก นางลุกมาเหวี่ยงวีนท่ามกลางบ่าวทั้งบ้าน

ก็พอดีพี่หลีจื้อเฟิงมา พาช่างเสื้อกับกองผ้า จะมาวัดตัดเสื้อชุดใหม่ให้น้องเหมี่ยวคนงาม และบ่าวคนในบ้านทั้งหลาย น้องเหมี่ยวที่อารมย์ไม่ดีก้อโวยวายบอกตัวเองไม่เงินแล้วดิ้นไปมา พี่เฟิงเลยต้องจัดการอุ้มกอดน้องเหมี่ยวให้สงบสติ น้องเหมี่ยวถึงจะหยุดวีน555 น้องก้อบ่นอ้อนพี่เฟิงว่าทำไมงานงอกบานได้มากมายยังงี้ พี่เฟิงบอกไม่เป็นไรเดียวพี่จัดการเองไม่ต้องห่วง น้องเหมี่ยวถึงได้สงบใจลงทันที (นี้นางออกอาการต่อหน้าบ่าวไพร่และช่างตัดเสื้อนะเนีย เราคิดว่าทุกคนต้องทำหน้าเหม็นความรักทั้งคู่น่าดู555)

น้าเฉียวเจวี๋กลับมาถึงบ้าน ก้อพบว่าในบ้านสวนเสิ่นดูเรียบร้อยกว่าเดิม บ่าวไพร่ล้วนได้ชุดใหม่สีครามแต่งเนื้อแต่งตัวล้วนดูดี น้าเฉียวเจวี๋ซื้อต้นกล้าหม่อนมาเตรียมปลูกเพิ่ม โหยวเหมี่ยวดีใจที่น้าเฉียวเจวี๋มาเป็นผู้ช่วยที่ทำให้ได้งานเยอะขึ้นจริงๆ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันที่สิบสามเดือนหนึ่งได้ฤกษ์เตรียมประกอบจัดการกังหันยักษ์ โหยวเหมี่ยวเตรียมจัดอาหารไว้เซ่นไหว้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บรรพบุรุษและครูบาอาจารย์ และกราบไหว้เทพแม่น้ำ พอถึงเวลาช่างไม้จุดประทัดเสร็จ ช่างก้อเริ่มเตรียมการประกอบกังหัน ส่วนนายช่างใหญ่หวงสือปีนหน้าผาไปวางระเบิดเตรียมทำโครงยึดกังหัน เริ่มงานติดตั้งกังหันจริงจัง ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมารุมมุงดูกันใหญ่

หลีจื้อเฟิงเตรียมจัดเสื้อผ้าใหม่เตรียมให้น้องโหยวเหมี่ยวใส่ เพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อที่ปราสามเขาปื้อวี่ น้องเหมี่ยวจะพาพี่เฟิงกลับไปบ้านเดิมด้วยเพราะต้องค้างบ้านนู่น แต่นายช่างใหญ่หวงสือไม่ยอม จะขอตัวพี่เฟิงไว้ทำงานติดตั้งกังหันที่ริมผา น้องเหมี่ยวเริ่มงอแง เพราะตั้งแต่ได้พี่เฟิงมาอยู่ข้างกาย น้องไม่เคยแยกห่างจากพี่เฟิงอีกเลย แต่เรื่องติดตั้งกังหันก้อสำคัญ ยิ่งเสร็จเร็วก็ยิ่งได้น้ำสำหรับเพาะปลูกเร็วขึ้น น้องเหมี่ยวเลยให้พี่เฟิงอยู่ช่วยนายช่างใหญ่หวงสือ แต่ตัวเองจะขี่ม้ากลับบ้านคนเดียว พี่เฟิงไม่ยอมสั่งให้ลูกน้องเบอร์หนึ่งเฉินกวนอู่ ให้ไปเป็นคนดูแลน้องเหมี่ยว และเป็นคนขี่ม้าพาน้องเหมี่ยวเดินทางกลับบ้าน

ที่ปราสามเขาปื้อวี่ โหยวเหมี่ยวเดินเข้าบ้าน มีโหยวนฮั่นเกอพี่ชายคนเดียวที่วิ่งดีใจมาต้อนรับน้องเหมี่ยว น้องก้อขอบคุณที่พี่โหยวนฮั่นเกอมอบทองคำให้เขาเป็นทุนตั้งตัว ตกเย็นครอบครัวล้อมวงกินข้าว พ่อก้อถามเรื่องบ้านเขาเจียงปัว และเริ่มเกริ่นเรื่องเมื่อไรจะไปสอบเคอจวี่ โหยวเหมี่ยวเลยบอกต้องรอสอบเซียงซื่อก่อน จากนั้นต่างคนแยกไปพักผ่อน 

โหยวเหมี่ยวรู้สึกว่าเฉินกวนอู่เหมือนมีไรอยากจะพูด เลยถามสอบถามได้ว่าเฉินกวนอู่ได้ยินคนนินทาโหยวเหมี่ยวลับหลัง เขาเลยจะมาถามว่าเขาสามารถสั่งสอนจัดการบ่าวในบ้านนี้ได้หรือไม่ โหยวเหมี่ยวเลยบอกอย่าเพิ่ง ถ้าจะลงมือก้อให้ไปเรียนวรยุทธกับพี่เฟิงให้ชำนาญก่อน ส่วนโหยวเหมี่ยวนอนลงยิ่งคิดถึงพี่เฟิงจนนอนไม่หลับ รู้สึกว่าบ้านนี้ไม่ใช่บ้านของตัวเองแล้ว

ตอนเช้าโหยวเหมี่ยวได้กลิ่นสุราที่นำมาจากเขาเจียงปัว เฉินกวนอู่มารายงานว่าบ่าวในบ้านนี้จัดวางสุราไม่ดีเลยทำไหสุราที่นำมาจากสวนเสิ่นแตกไปไหหนึ่ง โหยวเหมี่ยวไปคำนับบิดาที่ห้องโถงเลยได้พบนายอำเภอเพ่ยเสี่ยน ที่กำลังนั่งคุยเรื่องขบวนสินค้าโดนดักปล้นนอกด่านที่เกิดขึ้นบ่อยมาก ข่าวในราชสำนักเกี่ยวกับองค์ชายสามที่เป็นทหารเตรียมไปออกรบกับชาวเกาหลี่แล้ว โหยวเหมี่ยวรู้สึกกังวลถึงจ้าวเฉา ก็พอดีพ่อไล่ให้ออกข้างนอกไปก่อน โหยวเหมี่ยวเลยเดินไปแวะทักทายคุยกับพี่โหยวนฮั่นเกอ

สายๆพ่อเรียกโหยวเหมี่ยวให้พูดคุยที่ห้อง พ่อถามถึงเรื่ององค์ชายสามว่ายังติดต่อกับเขาอยู่รึป่าว แล้วตักเตือนเขาให้แยกแยะจุดยืนให้ถูกฝั่ง โหยวเหมี่ยวได้ยินดังนั่นก้อยิ่งทำให้โมโห เลยพูดกับพ่อตรงว่าว่าเจ้าเฉาคือเพื่อนของเขา เลยโดนพ่อดุด่าไล่ตี หาว่าไม่รักดี ด่าว่าเขาจะพาให้วงค์ตระกูลพลอยเดือดร้อนตามไปด้วย พ่อถึงขั้นให้เลือกว่าถ้าจะคบกับจ้าวเฉาต่อไป ก็ให้ตัดขาดความเป็นพ่อลูกเลยที่เดียว โหยวเหมี่ยวโมโหจนทนอยู่ต่อไม่ไหว เรียกเฉินกวนอู่ให้ขึ้นม้าพาเขากลับบ้านที่เขาเจียงปัวทันที โหยวเหมี่ยวคิดตัดขาดกับที่บ้านเลยเชียว พี่โหยวนฮั่นเกอวิ่งมาหาเขาพร้อมตะโกนรั้งว่าอย่าเพิ่งไป...แต่โหยวเหมี่ยวหมดใจกับที่บ้านไปแล้ว

โหยวเหมี่ยวสั่งให้เฉินกวนอู่รีบเร่งม้าวิ่งทั้งวันคืนเพื่อจะกลับบ้านที่เขาเจียงปัง ในใจก้อคิดถึงพี่เฟิงเหลือเกิน พลบค่ำก้อมาถึงบ้านสวนเสิ่น พบว่าภายในบ้านสว่างไสว เต็มไปด้วยโคมแดงสวยงามแถมมีภาพเขียนพู่กันที่เขียนกลอนเพราะๆอีก และน้าชายกับบ่าวฝาแฝดมู่กะลังแขวนโคมไฟในสวน น้องที่ตอนกลับมากำลังอารมย์เสีย จิตใจเศร้าหมอง แต่พอกลับมาถึงบ้านแล้วหันไปเจอะพี่หลีจื้อเฟิงที่เดินมาทักว่ากลับมาแล้วหรือ น้องโหยวเหมี่ยวก้อวิ่งเข้าไปกอดพี่เฟิงพร้อมเอาหน้าถูไถอกพี่แล้วบอกว่าคิดถึงเจ้าแทบตายแล้ว(โว้ย...สวีตหวานไม่อายสายตาบ่าวๆและน้าชายเลยนะน้องเหมี่ยว) พี่หลีจื้อเฟิงเลยพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวมากินอาหารเย็นในสวน น้องเหมี่ยวอารมย์ดีทันที วันนี้จัดโต๊ะกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนในสวนสวยงาม พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าวันนี้ถังฮุยมาหาพร้อมจดหมายจากจ้าวเฉามาส่งอีก พี่เฟิงลอบมองน้องอ่านจดหมายจ้าวเฉา น้องเหมี่ยวแอบมองหน้าพี่เฟิงเห็นหน้าแดงๆ น้องเหมี่ยวเลยคีบไก่ใส่ชามข้าวพี่...หวานกันสะ

โหยวเหมี่ยวอ่านจดหมายจ้าวเฉาก้อหน้าสลด ในข้อความก้อเขียนมาขอบคุณโหยวเหมี่ยวที่จัดการส่งเสริมให้ถังฮุยได้ย้ายกลับเข้าเมืองหลวง ส่วนตัวเขาเองตกอยู่วังวนราชสำนักใกล้จะถึงจุดต้องเลือกฝั่งแล้ว และไม่อยากให้โหยวเหมี่ยวแสดงความใกล้ชิดกับเขามากเกินไป อย่าให้ใครรู้ความสัมพันธ์นี้ เพื่อไม่ให้ครอบครัวโหยวเหมี่ยวต้องได้รับความลำบาก ส่วนเขาเองเตรียมตัวไปร่วมรบศึกที่เกาหลีแล้ว คงต้องจากเมืองหลวงไปหลายปี ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายตอบกลับมา 

โหยวเหมี่ยวก้มหน้าครุ่นคิดไม่ตก พี่เฟิงเลยเป็นห่วงถามว่าอาหารไม่อร่อยรึ โหยวเหมี่ยวเลยเงยหน้ายิ้มใส่พี่เฟิง หันไปเจอะไข่ตุ๋นพี่เฟิง ยิ่งทำให้อารมย์ดียิ่งกว่าเดิม (เพราะที่บ้านอาหารจะดีขึ้นมากมายขนาดไหน พี่เฟิงยังเข้าครัวไปทำไข่ตุ๋นให้น้องกินทุกมื้อ...อ่านแล้วอยากได้ตัวพี่เฟิงจังเลย) โหยวเหมี่ยวกินไข่ตุ๋นจนหมด ตกดึกก้อกลับไปนอนในอ้อมกอดพี่เฟิง ชีวิตแสนสบายดีต่อใจละเกิน

ผ่านไปอีกหลายวัน โหยวเหมี่ยวยังคงนอนตื่นสาย555 แต่ต้องหงุดหงิดจนทนนอนไม่ได้ เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องลั่นบ้านลั่นสวนไปหมด จนน้องต้องลุกขึ้นจากที่นอน เพราะตะโกนเรียกบ่าวก้อไม่มีใครเข้า เลยเดินแต่งตัวออกมาเอง กะจะมาตะโกนด่าคนที่ในสวนหลังบ้าน ก้อมีเสียงเฮลั่นไปหมด โหยวเหมี่ยวเห็นมีสายน้ำกำลังไหลเข้ามาบ่อบึงในสวนที่เคยแห้งข่อด เลยวิ่งไปดูบริเวณสระน้ำในสวนด้านหลัง ก้อพลันนึกได้ว่า มีน้ำไหลมาแปลว่ากังหันวิดน้ำริมผาสร้างเสร็จแล้วสินะ โหยวเหมี่ยวเลยวิ่งไปหาม้าแล้วขึ้นควบไปยังริมผาที่ตั้งของกังหันยักษ์

โหยวเหมี่ยวไปถึงที่ผา ก้อพบพี่หลีจื้อเฟิงกำลังถือเดือยเหล็ก พี่เฟิงก็ตะโกนบอกน้องเหมี่ยวว่าเขากำลังทำการทดสอบกังหันอยู่ ที่ไม่เรียกน้องเหมี่ยวมาก็เพราะน้องโหยวเหมี่ยวยังหลับอยู่เลยไม่อยากปลุก พี่เฟิงเดินมาหาน้องเหมี่ยว น้องเหมี่ยวก้อยิ้มรับพร้อมเกาะกอดพี่เฟิงกระโดดไปมา พี่เฟิงก้อยิ้มลูบหัวน้องเหมี่ยวไปมา(...โว้ยหวานมันทุกซีน) แต่นายช่างใหญ่หวงสือกลับตะโกนบอกให้หยุด เพื่อจัดการแก้ไขในบางจุดของกลไก น้องเหมี่ยวไม่ยอมไปไหน นั่งเฝ้าดูช่างแก้ไขพร้อมสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายช่างใหญ่หวงสือ จนผู้เฒ่าเริ่มหงุดหงิด555 จวนพลบค่ำก้อแก้ไขได้เสร็จสมบูรณ์ ช่างใหญ่ให้น้องเหมี่ยวมาเป็นคนประเดิมเปิดใช้งานกังหันยักษ์ น้องก้อทำหน้าเลิ่กลั่กว่าทำยังไงพี่เฟิงเลยวางมือทาบไปบนมือน้องเหมี่ยว แล้วออกแรงจับมือน้องให้ดึงแท่งเหล็กที่ยึดกังหันน้ำไว้ออกมา(....หวานมาก....ก) ฉับพลันกังหันก็หมุนพร้อมชักน้ำในแม่น้ำขึ้นไปบนที่สูง เสียงโห่ร้องยินดังไปทั่วหุบเขา น้องเหมี่ยวหันไปกอดเอวพี่เฟิงแล้วซุกหน้าลงกับอกพี่เฟิงด้วยความสุข(จะมีอะไรหวานไปได้กว่านี้อีก..ไหม)

คืนนี้ที่บ้านสวนเสิ่นโหยวเหมี่ยวจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างหรู ให้ทุกคนกินดื่มไม่อั้น สระน้ำในบริเวณสวนเสิ่นเต็มไปด้วยน้ำใส ทำให้ภายในสวนเสิ่นกลับมางดงามเหมือนเมื่อร้อยปีก่อน คลองส่งน้ำก้อเต็มไปด้วยน้ำสะอาด สายน้ำไหลลงไปที่ทะเลสาบใหญ่หลังบ้านจูถัง จากนั้นก้อจะไหลออกไปตามลำธารเล็กๆทั่วหมู่บ้าน บริเวณเขาเจียงปัวทั้งหมดจะไม่มีทางแห้งแล้งอีกต่อไป โหยวเหมี่ยวแจกจ่ายเงินค่าแรงช่างไม้ โชคดีที่หมดจากนี้ดีที่ไม่มีรายจ่ายอะไรเพิ่มอีกแล้ว เพราะเงินทุนของเขาและของน้าชายก้อใกล้จะหมดแล้วเหมือนกัน

เวลาผ่านไปใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิ น้าชายออกไปหาซื้อของที่เมืองหลิวโจว ปล่อยให้น้องเหมี่ยวพี่เฟิงนอนตากแดดนัวเนียกอดกันในสวน ระหว่างนั่นพี่เฟิงก้อบ่นว่ายังเหลือที่ให้คนมาเช่าอีกตั้งเยอะ น้องปลอบว่าไม่เป็นไรเดียวก้อมีคนมาขอเช่าเองแหละ พื้นที่มีน้ำให้ใช้พร้อมขนาดนี้(นี่ว่าคนทั้งเขาบ้านสวนเสิ่นน่าจะรู้ว่าคู่นี้เป็นผัวเมียกันชัดๆ555) พี่เฟิงกะลังจะชวนน้องเข้าไปต่อในห้อง ก้อพอดีมู่เหยียนมารายงานว่ามีคนมาขอพบ คนแรกพี่ชายส่งอุปกรณ์ชุดชงชามาให้ พร้อมจดหมายเกลี่ยกล่อมให้อย่าถือโทษโกธรบิดา

จากนั้นก้อทั้งคู่ก้อต้องตกใจที่ได้พบเจอะเหล่าฝูงชนนับร้อยนับพันมาอ่อกันที่ปากทางเข้าสวน สรุปว่าเป็นเหล่าคนอพยพมาจากทางหน้าด่านหนีภัยสงครามมา ที่เข้ามาขอเช่าที่ทำกิน และมีทหารเป็นคนพามาพร้อมจดหมายแนะนำตัว เป็นเพราะจ้าวเฉาที่กำลังเดินทางออกไปชายแดนเพื่อเตรียมตัวไปรบ เจอะชาวบ้านไร้ที่อยู่ทำกินหนีตายมาปักหลักรอความช่วยเหลือรอบนอกเมืองหลวง เขานึกได้ว่าโหยวเหมี่ยวบอกว่ายังขาดคนมาเช่าที่ดินอีกมาก เลยเขียนจดหมายแนะนำตัวให้คนเหล่านั้นพากันลงมาที่เจียงหนาน ส่วนจะเลือกคนยังไรแล้วแต่น้องเหมี่ยว ถ้าเลือกไม่ได้ก้อไล่พวกเขาให้กลับไปเป็นคนงานที่เมืองหยางโจว

โหยวเหมี่ยว เห็นคนหนีตายมาถึงบ้านก้อทำใจไล่กลับไม่ลง เลยรับไว้ทั้งหมด แต่เร่งให้บ่าวในบ้านจัดการแบ่งสรรที่อยู่ที่กินให้กระจายไปทั้งสองอำเภอ แล้วให้น้าส่งจดหมายไปที่หมู่บ้านอันลู่ ส่วนเฉิงกวนอู่ไปปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านกัวจวน ว่ามีที่พักพอให้ชั่วคราวให้พวกนั่นอาศัยก่อนได้ไหม ส่วนที่บ้านสวนเสิ่นก้อเร่งเปิดโรงครัวทำอาหารแจกจ่ายให้กินไปก่อน โหยวเหมี่ยวให้แต่ละครัวเรือนส่งตัวแทนมาตกลงค่าเช่า โดยปีนี้จะเก้บค่าเช่าอัตราเจ็ดส่วน ผู้เช่าสามส่วน เพราะเขาจะเป็นคนให้เมล็ดพันธ์ต้องปลูกตามคำสั่งของเขา ส่วนอุปกรณ์การทำเกษตรมีให้ยืม น้ำท่าก้อมีให้ใช้ ห้ามล้อมที่โดนละโมบจนเกินไป ค่าเช่าปีต่อไปจะลดลงเป็นอัตราหกส่วน เหล่าคนอพยพล้วนดีใจตอบตกลงหมด

โหยวเหมี่ยวรีบพาบ่าวรีบออกจากบ้านไปซื้อเมล้ดข้าวเปลือกในเมืองหยางโจว ขุนนางข้าหลวงที่ดูแลร้านค้าหลวงออกมาต้อนรับ โหยวเหมี่ยวสั่งให้มู่เหยียนรีบตวงข้าวจัดการให้เสร็จๆ โหยวเหมี่ยวส่งเงินมอบให้ข้าหลวงกล่าวขอบคุณที่ส่งเหล่าคนอพยพไปกองไว้ที่เขาเจียงปัว ขุนนางได้แต่หัวเราะแห้งๆใส่เขา จากนั้นเตรียมไปซื้อควายเพิ่มอีกหกตัว เกวียนอีกสองเล่น พากันขนของกลับบ้านสวนเสิ่น
ก้อเจอะพี่หลีจื้อเฟิงขมวดคิ้วถามว่าไปไหนทำไมไม่บอกกล่าวกันก่อน(โว้ยอีพี่เฟิงจะติดเมียอะไรขนาดนี้) น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าไปซื้อข้าวเปลือก และตอนนี้เงินหมดแล้ว

พอดีน้าชายเพิ่งกลับมา ตกใจที่บ้านคนเต็มไปหมด วุ่นวายไปทั้งบ้าน กว่าจะจัดระเบียบบ้านได้ โหยวเหมี่ยวก็วิ่งไล่เด็กที่มาเล่นเอะอะจับปลาในสวน นางโมโหเด็กเปรตเลยวิ่งวนไล่ตีเด็กไปมาจนเหนื่อย555

เช้าวันต่อยังมีคนหลั่งไหลมาขอเช่าที่ทำกิน แต่โหยวเหมี่ยวรู้สึกเหนื่อยเกินไป เลยให้น้าชายจัดการดูแลต่อ ถึงเวลาชาวนาเริ่มเพาะปลูก ต่างมาขอยืมวัว ยืมความ ยืมอุปกรณ์ทำเกษตร จนของเกลี้ยงคลัง ส่วนบ่าวในบ้านเริ่มลงมือหว่านเมล็ดปลูกพืชน้ำมันที่หลังสวนเสิ่นในเนื้อที่สิบห้าหมู่ โหยวเหมี่ยวขี่ม้าสำรวนพื้นที่เช่าของตัวเอง ชาวนาเริ่มปลุกบ้านเป็นหลังๆกระจัดกระจายออกไปทั่วหุบเขากลายเป็นเหมือนหมู่บ้านย่อมๆแล้ว โหยวเหมี่ยวรู้สึกสบายใจยิ่งนัก

ช่วงนี้โหยวเหมี่ยววันๆนั่งอ่านทบทวนหนังสือ ถึงใจยังอยากสร้างโรงย้อมผ้า โรงเลี้ยงไหมอื่นๆอีกมากมายแต่ติดขัดที่เงินหมดแล้ว ได้แต่แก้เบื่อด้วยการเดินไปดูไร่ ดูแปลงผักน้ำมันที่ปลูกไว้หลังสวนเสิ่น ผ่านเดือนสี่ที่นาสองพันกว่าหมู่เริ่มมีต้นข้าวเขียวขจีเต็มหุบเขา น้องโหยวเหมี่ยวก้อบ่นลอยๆว่าช่วงนี้ไม่มีไรให้ทำเลย พี่หลีจื้อเฟิงที่กำลังจุดเตาต้มน้ำก้อบอกว่าแหม...เวลางานยุ่งก้อชอบบ่นว่าเหนื่อยอีก555 น้องยังงอแงไม่เลิก น้องโหยวเหมี่ยวอยากชวนพี่หลีจื้อเฟิงไปขี่ม้าเล่นแล้วไปเดินเล่นต่อในเมืองแต่ก้อติดที่ไม่มีเงินอีก555 สุดท้ายพี่หลีจื้อเฟิงเลยชวนน้องโหยวเหมี่ยวไปฝึกยิงธนู น้องเลยได้กิจวัตรประจำวันใหม่ ครึ่งเช้าอ่านหนังสือ ครึ่งบ่ายมาฝึกยิงธนู

เวลาผ่านไปผักน้ำมันเติบโตใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยว น้องโหยวเหมี่ยวก็คิดเครื่องมือบีบอัดรีดน้ำมันได้  ได้เสร็จแล้วน้าชายก้อเป็นคนขนไปขายที่เมืองหยางโจว หลิวโจว ซูโจว ขายรอบหนึ่งได้สามร้อยตำลึง ส่วนน้ำผึ้งที่เก็บได้ก้อเก็บไว้ก่อนที่ห้องใต้ดิน แบ่งเงินกันแล้วยังเหลือเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเป็นกองเงินสำรอง

น้องโหยวเหมี่ยวเริ่มจัดการปรับแปลงผักน้ำมันเพื่อมาลงปลูกถั่วลิสงต่อ  น้องโหยวเหมี่ยวขยันหาเงินมาก (พี่เฟิงนี้โชคดีสบายเสียจริง มีเมียขยันขนาดนี้)  น้องโหยวเหมี่ยวเตรียมเก็บเงินเอาไปสร้างยุ้งฉาง เตรียมซื้อโม่ กระด้งฝัดข้าวและอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย

จ้าวเฉาเขียนจดหมายมาคุยปรับทุกข์กับน้องโหยวเหมี่ยว ว่ากำลังตั้งค่ายบริเวณภูเขาฮูเหยียนหมาเอ่อร์ แล้วคุยถึงเรื่องคนเผ่าเฉวี่ยนหรง(เผ่าของสามีน้องแหละ555)
น้องเลยเอาจดหมายให้พี่หลีจื้อเฟิงอ่าน แล้วถามวิธีจะต่อสู้ในบริเวณนั่นยังไงให้ได้เปรียบ อ่านเสร็จพี่หลีจื้อเฟิงเขาก้อวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มในการเปิดศึกกับชาวเกาหลี ว่าอยากชนะต้องอย่าถ่วงเวลา เพราะอาจเจอะเผ่าเฉวี่ยนหรงดักปล้น แล้วถ้าเข้าหน้าหนาวไปแล้ว ทหารอาจจะต้องหนาวตายในเทือกเขานั่นแทน น้องโหยวเหมี่ยวเลยรวบรวมข้องมูลที่สามีวิเคราะห์ศึกรายงานให้จ้าวเฉาไป หวังว่าเขาจะได้ประโยชน์บ้าง

หน้าร้อน อากาศยิ่งร้อนมากจนน้องโหยวเหมี่ยวไม่อยากขยับตัวออกจากบ้าน แต่ว่ามีการเปิดสอบเซียงซื่อในเดือนหก ใช้เวลาสอบสามวันรวด น้องเลยกลับมาอ่านหนังสือเตรียมสอบ พอถึงเวลาสอบพี่หลีจื้อเฟิงขี่ม้ามาส่งน้องโหยวเหมี่ยวสอบที่ในเมืองเจียงเฉิง พี่หลีจื้อเฟิงก้อหยิกแก้มหยอกน้องให้ตั้งใจสอบ น้องโหยวเหมี่ยวก้อมั่นหน้าว่าทำได้อยู่แล้วไม่ต้องห่วง วันนั้นพี่ชายโหยวนฮั่นเกอก้อมาสอบด้วยแถมเอาของขวัญเป็นชุดกาชงชาอย่างดีมาให้ น้องก้อซึ้งใจนะแต่ยังทำใจไม่ชินให้สนิทใจอยู่555 

ถึงเวลาเจ้าหน้าที่ขุนนางคุมสอบตีระฆังเรียกเข้าห้องสอบ น้องโหยวเหมี่ยวก้อเข้าไปสวมกอดพี่หลีจื้อเฟิงเรียกขวัญก่อนไปสอบ555 ในห้องสอบที่ปิดตายคนเข้าสอบต้องกินอยู่นอนอยู่ในที่นั่นสามวัน จะมีการส่งกระดาคำถามที่ปิดผนึกปิดครั่งส่งให้ก่อนจะปิดประตู แต่ละห้องจะมีช่องไว้ส่งอาหาร แต่ชุดอาหารของน้องโหยวเหมี่ยวจะมีไข่ตุ๋นทุกมื้อ(อ่านละอยากได้พี่เฟิงมาเป็นของตัวเองยิ่งนัก) ระหว่างวันสอบ จะมีข้าหลวงประจำเมืองหลิวโจวเดินตรวจตราวันละสองรอบ สามวันให้หลังก้อเปิดประตูปล่อยให้คนออกมา น้องโหยวเหมี่ยวผ่ายผอมลงทันตาออกมาปุ๊ปก้ออ้อนพี่หลีจื้อเฟิงอยากกลับบ้านเลย กลับมาถึงบ้านก้อเจอะจางเอ่อร์ที่ไปสอบมาเหมือนกัน แต่จางเอ่อร์เป็นคนเจียงหนาน ต้องไปสอบเมืองหยางโจวแทน

ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวพอดี น้องโหยวเหมี่ยวชวนพี่หลีจื้อเฟิงไปช่วยกันเกี่ยวข้าว เพราะนี้เป็นข้าวนาแรกของเขา ที่มาบุกเบิกพื้นที่บนเขาเจียงปัว แต่น้องโหยวเหมี่ยวก้อเกิดมาเป็นคุณชายผิวอ่อนบางทำได้หน่อยก้อแผลเต็มตัว น้องเลยไปสร้างโรงโม่พลังน้ำตรงริมคลองส่งน้ำแทน จะได้ลดการใช้ล่อใช้วัวเดินนวดข้าว ผลจากการลงทุนจัดสรรที่ดิน จัดสรรน้ำในการใช้เพราะปลูกอย่างเป็นระบบ ที่เขาเจียงปัวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึงสี่หมื่นสองพันชั่งหักค่าเช่าที่คืนก้อได้ข้าวตั้งสองหมื่นชั่นละ ถ้าเอาข้าวไปขายก้อน่าจะได้สักสี่ร้อยตำลึง ชาวบ้านผู้เช่าล้วนดีใจที่ผลผลิตดีงามเช่นนี้

ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวคิดถึงเวลาเก็บเกี่ยวถั่วลิสง นางเลยอยากสร้างโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ ไว้ในสวนเสิ่น มานั่งดีดลูกคิดเรื่องทุนเรื่องกำไร คำนวนเสบียงที่ต้องตุนไว้ให้คนในเรือนเขาเจียงปัวไว้กินทั้งปี แล้วก็ให้นึกสะท้อนใจว่ามะก่อนตัวเองใช้เงินล้างผลาญมากขนาดไหน555 ก้อพอดีเห็นพี่หลีจื้อเฟิงเดินอ่านจดหมายมา น้องโหยวเหมี่ยวเลยถามทันทีว่าใครส่งจดหมายมาให้พี่เฟิง สรุปเป็นจดหมายของน้องโหยวเหมี่ยวเอง แต่พี่เฟิงจะเปิดอ่านอะ...แล้วจะทำไม555 สรุปเป็นจดหมายจากจ้าวเฉา เล่าว่าข้อมูลที่ได้จากน้องโหยวเหมี่ยว ที่ได้มาจากพี่เฟิงก้อเป็นประโยชน์อยู่ ตอนนี้ศึกกะลังยืดเยื้อเพราะขาดเสบียงอาหารที่ยังไม่ส่งมาสะที ตัวเขาเองไม่มีพวกในราชสำนัก เลยโดนขุนนางดักยื้อเวลาไม่ยอมช่วยเหลือทหาร จ้าวเฉาหวังว่าน้องโหยวเหมี่ยวจะขยันอ่านหนังสือเตรียมสอบเคอจี่ เพื่อจะได้สอบเป็นขุนนางในราชสำนัก จะได้มีคนมาช่วยเหลือดูแลระแวดระวังหลังให้เขาได้ แต่จดหมายฉบับนี้ล่าช้ามาสี่เดือนแล้วกว่าจะมาถึงมือน้องโหยวเหมี่ยว

วันนี้เป็นวันประกาสผลสอบ น้องโหยวเหมี่ยวเลยให้พี่เฟิงขี้ม้าเข้าเมืองไปตรวจดูผลสอบให้หน่อย ยังไม่ทันไปก้อมีคนมาส่งข่าวว่าน้องโหยวเหมี่ยวสอบผ่านไม่พอ ยังสอบได้ลำดับที่หนึ่งเป็นเจี่ยหยวนอีกต่างหาก พี่หลีจื้อเฟิงก้อเดินไปเตรียมหยิบเงินมาแจกอั่งเปารับโชคดี น้าชายวิ่งออกมายินดีว่าที่บ้านเรามีขุนนางจวี่เหรินแล้ว น้องโหยวเหมี่ยวเลยได้เป็นหน้าเป็นตาของสกุลโหยวและสกุลเฉียว นอกจากนี้จางเอ่อร์เองก้อสอบผ่าน ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือพี่ชายโหยวนฮั่นเกอก้อสอบผ่าน(มีแต่คนคิดว่าพ่อใช้เงินซื้อให้แน่ๆ ) น้องเลยเริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองสอบได้เองหรือพ่อแอบยัดเงินช่วย แต่พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าน้องเหมี่ยวอ่านหนังสือขยันขนาดนี้ ทำไมยังไม่เชื่อว่าเป็นผลงานตัวเองอีก น้องเลยได้สติดีใจหันไปกอดพี่หลีจื้อเฟิงแนบแน่นทันที

พี่หลีจื้อเฟิงเอาชุดใหม่มาให้น้องสวมเสร็จ ก้อมีคนทยอยมาแสดงความยินดี ตั้งแต่ขุนพลแซ่หวงแห่งทหารรักษาการเมืองหยางโจว ผู้ใหญ่บ้านทั้งสองหมู่บ้าน ยันนายอำเภอเพ่ยเสี้ยนยังต้องมาแสดงความยินดีกับเขาด้วยตัวเอง พี่ชายโหยวนฮั่นเกอมาแสดงความยินดี ทั้งมาเตือนบอกว่าให้เตรียมตัวไปขอบคุณหัวหน้าผู้คุมสอบด้วย เพราะถือได้ว่าเป็นอาจารย์ในทันทีที่เข้าไปสอบ คืนนี้ที่สวนเสิ่นจัดงานฉลองที่สวนเสิ่นนี้มีจวี่เหรินตั้งสองคน บรรยากาศชื่นมึนทั่วบ้าน

ผ่านไปครึ่งเดือน ขณะนั่นน้องโหยวเหมี่ยวกำลังลงมือเก็บเกี่ยวถั่วลิสงกับบ่าวในบ้าง ก้อได้ยินพี่ชายโหยวนฮั่นเกอให้ตามไปขอบคุณหัวหน้าขุนนางที่คุมสอบพวกเขา พี่ชายโหยวนฮั่นเกอเตรียมชาชั้นดีไว้เตรียมคารวะอาจารย์ให้น้องโหยวเหมี่ยวแล้ว แต่น้องโหยวเหมี่ยวเรียกจางเอ่อร์ให้ไปด้วยกันพร้อมเอาชานั่นให้จางเอ่อร์ไป ส่วนตัวเองตะโกนเรียกพี่หลีจื้อเฟิงเตรียมตัวเข้าเมือง พร้อมให้เอาถั่งลิสงที่บ้านสวนเสิ่นเพิ่งเก็บเกี่ยวได้พร้อมสุราสองไหไปเป็นของฝากแทน แถมนางยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะ ไปแบบชีวิตเปื้อนฝุ่น555

ทั้งหมดนั่งรถม้าเข้าเมืองไปจวนขุนนางซุน แต่ใต้เท้าซุนติดคุยธุระขุนนางไห่มู่หยางอยู่  นั่งรอจนหลังเที่ยงพ่อบ้านก้อมาตามพวกเขาให้เข้าไปพบใต้เท้าซุน สองพี่น้องตระกูลโหยวก้อนั่งโขกคำนับอาจารย์ ขุนนางไห่มู่หยางเห็นเสื้อผ้าน้องโหยวเหมี่ยวเปื้อนดินเลยสอบถาม น้องเหมี่ยวเลยบอกตามจริงว่าก่อนมา ที่บ้านกำลังเก็บเกี่ยวถั่วลิสงอยู่ ดังนั้นจึงนำถั่วลิสงสดใหม่มาฝากท่านอาจารย์ ส่วนพี่ชายโหยวนฮั่นเกอก้อบอกพ่อเตรียมชาชั้นดีมาฝาก

ซุนอวี๋เป็นขุนนางวัยห้าสิบปีเศษ แลเฝ้ามองอาการน้องอยู่ น้องเลยชวนอาจารย์และขุนนางไห่มู่หยางให้ไปเยี่ยมเยือนบ้านสวนเสิ่นที่เขาเจียงปัว ซุนอวี๋เลยกล่าวว่าอย่าได้เสพสุขจนเคยตัว น้องโหยวเหมี่ยวเลยบอกปณิธานตัวเองว่าจะไปสอบฮุ่ยซื่อที่เมืองหลวง หวังว่าที่เล่าเรียนมาก้อเพื่อจะกลับมาสนองบุญคุณของชาติ 

อาจารย์ซุนอวี๋เลยทดสอบถามเรื่องราคาข้าวสารกับสองพี่น้องตระกูลโหยว พี่ชายโหยวนฮั่นเกอตอบไม่ได้เพราะไม่เคยซื้อไม่เคยรู้ราคา แต่น้องโหยวเหมี่ยวตอบได้ เพราะน้องทั้งเป็นคนซื้อและทั้งเป็นคนขาย น้องโหยวเหมี่ยวจะไปชงชาให้อาจารย์ซุนอวี๋ ระหว่างนั้นอาจารย์ซุนอวี๋ก้อมาคุยกับพี่ชายโหยวนฮั่นเกอ บอกว่าข้อเขียนของเขาสู้บทความของน้องชายตัวเองไม่ได้ แต่แนะนำให้เขาขยันหมั่นเรียนอีกสิบปีแล้วให้พูดคุยกับจวี่เหรินคนอื่นๆไว้

หลังน้องโหยวเหมี่ยวชงชาให้อาจารย์ ดูก้อรู้ว่าอาจารย์ซุนอวี๋เอ็นดูตน แต่ก้อเจอะอาจารย์ซุนอวี๋ว่าน้องจะอยู่ที่ปราสาทเขาเจียงปัวชั่วชีวิตรึ น้องเลยพูดถึงหลักการ ครองตน ครองเรือน ครองแผ่นดิน สยบใต้หล้า เลยโดนอาจารย์ซุนอวี๋ถามกลับว่าจะครองแผ่นดินสยบใต้หล้าได้ยังไง น้องเลยตอบว่าครองใจประชาได้ก้อเท่ากับได้ครองแผ่นดิน สรุปอาจารย์ซุนอวี๋รับน้องเป็นศิษย์ แถมยังบอกให้มาเรียนหนังสือกับอาจารย์ที่จวนอีก ก่อนกลับพี่ชายโหยวนฮั่นเกอชวนกลับไปหาพ่อที่บ้าน แต่น้องไม่อยากไป แต่ตัวเองชวนพี่หลีจื้อเฟิงค้างในเมืองอีกคืน พรุ่งนี้จะมากราบอาจารย์อีกรอบ

วันรุ่งขึ้นน้องโหยวเหมี่ยวมารออาจารย์ น้องก้อมาเรื่องบทความที่เขียน พร้อมขอคำชี้แนะแก้ไข พูดคุยว่านางอยากเรียนกลยุทธการศึก การทำสงครามด้วย หลังจากนั้นน้องก้อกลายมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ซุนอวี๋โดยแท้ ทุกอาทิตย์โดนเคี่ยวกรำให้อ่านหนังสือ ตอบคำถามไม่ได้ก้อโดนหนังสือฟาดหัว555 ทั้งยังต้องวิเคราะห์บทความหนังสือมาเป็นการบ้านทุกอาทิตย์ เพื่อเข้าไปตอบอาจารย์ในอาทิตย์ถัดไป ทั้งยังศาตร์แขนงอื่นๆโดยเฉพาะวิชาวางหมาก ขณะที่นางก้อชงชาให้อาจารย์ไปนางก้อแอบดูอาจารย์เล่นไป

ที่บ้านเขาเจียงปัวเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวนาน้ำปลายฤดู เก็บเกี่ยวเป็นเสบียงอาหารได้อีกสี่หมื่นห้าพันชั่ง แถมที่บ้านมีเงินเก็บพันกว่าตำลึง น้าชายอยากเปิดร้านขายข้าวที่เมืองหยางโจวจะซื้อที่ดินเปิดร้านค้าน่าจะใช้เงินสักแปดร้อยตำลึง  นอกจากนี้ยังวางแผนจะขยายเปิดร้านน้ำมัน ร้ายขายน้ำผึ้ง ร้านขายใบชา โครงการณ์มากมายเต็มไปหมด น้องโหยวเหมี่ยวกลัวเงินหมดเลยไปคุยปรึกษากับพี่หลีจื้อเฟิง พี่เฟิงก้อบอกแล้วแต่น้อง มันเป็นเงินน้องโหยวเหมี่ยว น้องเป็นตัดสินใจก้อพอ น้องฉุนเลยถามว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันรึไง555 พี่หลีจื้อเฟิงบอกเขาเชื่อเฉียวเจวี๋ย เป็นคนคิดทำสิ่งใดไม่มีขาดทุนแน่ๆ น้องเลยตัดใจให้เงินน้าชายสองร้อยตำลึงไปแทน555

ฤดูหนาวผ่านไปอีกปี ใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิน้องโหยวเหมี่ยวยังคงไม่ยอมไปปราสาทเขาปี้อวี่อีก แต่ที่ที่เขาเจียงปัวเริ่มเด็ดใบชารอบแรก ปีแรกก้อได้ยอดใบชามาคั่วได้ผลผลิตชามาเก้าชั่ง ส่วนโครงการสร้างสะพานแขวนก้อสำเร็จไปด้วยดี ข้าวก้อเก็บเกี่ยวได้สูง ตอนนี้ทั้งพี่หลีจื้อเฟิงน้องโหยวเหมี่ยว กลายเป็นเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยคนหนึ่งไปแล้ว

จ้าวเฉายังเขียนจดหมายมาระบายทุกข์กับน้องโหยวเหมี่ยวอยู่เสมอ โดยเฉพาะกองทัพยังขาดแคลนเสบียงอาหาร แต่ในราชสำนักยังร้อนระอุเรื่องแบ่งพรรคแบ่งพวกในการสนับสนุนอำนาจของรัชทายาทและองค์ชายสาม แต่น้องโหยวเหมี่ยวอยากบริจาคเสบียงให้กองทัพทหาร โดยตัวเองบริจาคข้าวไปแล้วแสนชั่น รวมกับอีกสี่เมืองใหญ่รวมข้าวได้ห้าแสนชั่น แต่สุดท้ายศึกการรบครั้งนี้ขององค์ชายสามก็พ่ายแพ้เกาหลี แถมยังต้องจ่างค่าเสียหายชดเชยในศึกนี้อีกมามายนับแสนตำลึง

น้องโหยวเหมี่ยวได้ยินข่าวนี้เศร้าเสียใจร้องไห้หนักมาก จนอาจารย์ซุนอวี๋ไล่นางออกนอกห้อง เห็นพี่หลีจื้อเฟิงมาหาพอดี น้องโหยวเหมี่ยววิ่งร้องไห้ไปซบอกพี่หลีจื้อเฟิง บอกจ้าวเฉารบแพ้ แผ่นดินบ้านเมืองโดนยึดไปแล้ว พี่หลีจื้อเฟิงก้อกอดน้องตอบสบายๆว่าไม่เป็นไร เดียวพี่หลีจื้อเฟิงไปตีเมืองคืนมาให้ น้องโหยวเหมี่ยวได้ยินหัวเราะทั้นที ทั้งที่มะกี้ร้องไห้หนักราวใจกำลังจะสลาย555(ซื้อพี่เฟิงมาสองร้อยตำลึงนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก พี่เฟิงเป็นได้ทุกอย่างเพื่อน้องเหมี่ยวจริง)

ช่วงนี้กิจการเขาเจียงปัวทำกำไรดีทุกอย่าง ถึงราคาข้าวตกลง แต่ก้อไม่เดือดร้อนเก็บไว้เป็นเสบียงไม่เทขาย

ผ่านไปสามปีที่อยู่ปราสาทเขาเจียงปัว ในฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง วันนี้น้องโหยวเหมี่ยวมาหาอาจารย์พร้อมมาปรนิบัติชงชา แต่อาจารย์ซุนอวี๋ไม่ได้สอนสั่งอะไรอีกแล้วแค่ถามถึงว่าหลายปีที่มาร่ำเรียนกับอาจารย์ซุนอวี๋ เขาเรียนรู้อะไรไปบ้าง ตอนนี้อาจารย์ซุนอวี๋คิดว่าน้องสำเร็จในการร่ำเรียนแล้ว ตอนนี้อาจารย์ซุนอวี๋อยากให้น้องไปเตรียมตัวสอบเอินเคอ อีกสามวันให้รีบเดินทางไปสอบฮุ่ยซื่อ เตรียมเข้าเมืองหลวงได้แล้ว แล้วไม่ต้องมากราบลาอาจารย์อีก น้องโหยวเหมี่ยวตกใจที่อยู่ๆก้อต้องจากบ้านจากอาจารย์กลับไปเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง ขณะกำลังเดินเหม่อๆเศร้าๆออกจากจวนอาจารย์มา ก้อพบพี่หลีจื้อเฟิงกำลังดื่มชาฟังคนเล่านิทาน นั่งรอน้องที่หน้าจวนพอดี พี่หลีจื้อเฟิง ถามวันนี้ทำไมเรียนเสร็จเร็ว น้องเลยเล่าเล่าเรียนสำเร็จจบแล้ว อาจารย์สั่งให้ไปสอบฮุ่ยซื่อที่เมืองหลวง พี่หลีจื้อเฟิงถามจะพาพี่ไปด้วยรึเปล่า น้องโหยวเหมี่ยวตอบทันทีแน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นใครจะไปกับน้องเล่า อีพี่หลีจื้อเฟิงดีใจหน้าบานชวนน้องกลับบ้านไปเตรียมตัวเก็บของเดินทาง(พี่เฟิงน่ารักอะ ทำตามคำสั่งน้องเหมี่ยวตลอด...ด)

ระหว่างทางกลับบ้านน้องเริ่มคิดถึงว่าถ้าเข้าเมืองหลวงแล้วสอบได้ก้อจะไม่ได้กลับมาบ้านที่นี่บ่อยๆแน่ แต่โชคดีมีเฟิงอยู่ข้างกายคอยปลอบใจน้องได้ทุกเรื่องจนน้องสบายใจอีกครั้ง จางเอ่อร์หลังสอบจวี่เหรินได้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นจางเหวินฮั่น ซึ่งเขาก้อจะเข้าเมืองหลวงไปสอบฮุ่ยซื่อที่เมืองหลวงเหมือนกัน น้องเลยบอกให้จางเหวินฮั่นกลับไปไหว้พ่อแม่ที่หลุมศฟสะ แล้วพรุ่งนี้มารอไปพร้อมหน้าบ้านสวนเสิ่น

ตกดึกคืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยวนอนไม่หลับ ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงก้อวุ่นวายเก็บข้าวของ จนน้องทนไม่ไหวต้องเรียกมาขึ้นเตียง คืนนั้นพี่หลีจื้อเฟิงกล่อมบอกรักน้องไปทั้งคืน(ฉากเลิฟซีนพี่หลีจื้อเฟิงกับน้องโหยวเหมี่ยวในคืนนี้อ่อนหวานมาก พี่เฟิงบอกว่าน้องเหมี่ยวอยู่ไหนที่นั่นคือบ้านของพี่เฟิง  น้องเหมี่ยวบอกว่าเขาจะไม่ตบแต่งภรรยา พี่เฟิงก้อตอบกลับว่าน้องเหมี่ยวคือภรรยาของพี่เฟิง....หวานสะ)

เช้าแล้ว(อันนี้ขำมาก) พี่เฟิงจะลุกไปเก็บของต่อ แต่น้องเหมี่ยวที่นอนงัวเงียไม่ตื่นกลับคว้ากอดเอวพี่เฟิงไม่ปล่อย พี่เฟิงเลยต้องลงไปนอนกอดน้องเหมี่ยวต่อ จนสายมู่เหยียนตะโกนบอกจางเหวินฮั่นกราบพ่อแม่เสร็จแล้วรออยู่ที่ข้างนอก พี่เฟิงก้อไล่ให้จางเอ่อร์รอไปก่อน สักพักเฉินกวนอู่มารายงาน ว่าน้าชายสั่งให้ตั้งโต๊ะอาหารเช้า พี่เฟิงบอกให้น้าชายกินไปก่อน จนตะวันสายโด่งมู่เฟิงมารายงานว่าพี่ชายโหยวนฮั่นเกอมารอ พี่เฟิงสั่งให้รอไปก่อน...อีพี่เฟิงอะไรจะรักน้องห่วงน้องกลัวน้องเหมี่ยวจะนอนไม่พอขนาดนี้....555 (จนสายมากแล้วพี่เฟิงเลยต้องใช้ร่างกายตัวเองมาปลุกน้องเหมี่ยวให้ตื่นสะที555 ส่วนน้องเหมี่ยวหลังตื่นได้สติก้อถามพี่เฟิงว่าเมื่อคืนจัดไปกี่รอบ พี่เฟิงบอกว่าสี่รอบ น้องเลยมารำพึงว่าตั้งกะอยู่กับพี่เฟิงน้องโดนจัดหนักทุกคืน555) กว่าน้องจะตื่น กว่าน้องจะใส่เสื้อผ้า..พี่เฟิงต้องจัดการดูแลน้องก่อนจัดการเรื่องของตัวเอง (เฮ้ออ่านมาสี่ร้อยกว่าหน้าเข้าไปละแล้วก้อรู้สึกคู่นี้รักกันมากเหลือเกิน รักแบบเข้าใจกันและกันมาก รักแบบเวลาอ่านเลิฟซีนไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ นอกจากเอ่อเขาก้อรักกันน่ารักดี555)

ในที่สุดพี่เฟิงก็เก็บของเสร็จ พาน้องเหมี่ยวไปกินข้าวพร้อมกัน วันนี้น้าชายและพี่ชายเตรียมทั้งของขวัญของฝากเพื่อมาส่งน้องเหมี่ยวเดินทางเข้าเมืองหลวง จากนั้นทั้งจางเอ่อร์ และพี่เฟิงก้อจูงน้องเหมี่ยวขึ้นรถพร้อมเดินทาง น้องเหมี่ยวที่นอนอิงพิงอกพี่เฟิงก็เพิ่งนึกถึงเรื่องเงินได้ ถามพี่เฟิงว่าพกเงินไปเท่าไร พี่เฟิงเลยบอกว่าเตรียมตั๋วแลกเงินมาสองพันตำลึงพอไหม ถ้าไม่พอแวะอ้อมไปเอาเงินสดที่ร้านค้าในเมืองได้(อะไรจะรวยขนาดนี้555) พี่เฟิงมีแอบจิกกัดน้องเหมี่ยวว่าเงินสดสามร้อยตำลึงในหีบเพียงพอใช้ในเมืองหลวงได้หนึ่งปี แต่ถ้าจะซื้อบ่าวไพร่ข้าทาสจำไว้ต้องต่อรองราคาด้วย..น้องเหมี่ยวเลยหัวเราะไปทุบตีพี่เฟิงไป555

....จบเล่มหนึ่ง....อ่านมาแค่เกือบห้าร้อยหน้าเองงงง

จากน้องเหมี่ยวอายุ15ปีเด็กน้อยหน้าสวยวัยใส แก่นเซี้ยว เอาแต่โดดเรียน ถนัดผลาญเงินผลาญทองจนพ่อปล่อยผ่านไม่ให้เงินใช้อีกแล้ว ผ่านไปสามปีตอนนี้น้องเหมี่ยวอายุสิบแปดแล้ว ร่างกายสูงขึ้นมาอีกหน่อยเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม แต่ฉายแววผู้ทรงคุณวุฒิมหาบัณฑิต แถมยังเก่งกาจการค้า และเป็นเจ้าของปราสาทเขาเจียงปัวที่เป็นแหล่งทำเงินมหาศาลอีก ที่สำคัญสามีหล่อและเก่งมาก.....กทุกเรื่องXXX

ส่วนพี่เฟิงยังคงหล่อรูปร่างสูงใหญ่กว่าน้องเหมี่ยว จากชายเย็นชา ดูไม่สนใจใคร และไม่มีจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตเพราะโดนทรมานทรกรรมจนไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยว แต่หลังพี่เฟิงมีเมียเด็ก มะก่อนก็หลงเมียมาก ตอนนี้ยิ่งหลงเมียมากกว่าเดิม เพราะชีวิตพี่เฟิงนี้มีเพื่อน้องเหมี่ยวเท่านั้น เพราะเมียพี่เฟิงทั้งงามทั้งแสนเก่งแสนฉลาดแถมรวยมากด้วย555




ชีวิตที่เริ่มก้าวสู่เส้นทางขุนนางของน้องโหยวเหมี่ยว และพี่หลีจื้อเฟิงคนดีที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของผู้กอบกู้ชะตาเมืองแคว้นเที่ยนฉี่

โหยวเหมี่ยวเห็นผู้คนอดอยากมากมาย ที่อพยพมาตั้งกระโจมอาศัยริมทางระหว่างเข้าเมืองหลวง ก็พอดีขบวนรถม้ามาถึงประตูเมืองหลวง ถึงทหารรักษาประตูเมืองตั้งด่านตรวจคนสอบถามก็ผ่านทางได้สบายๆ โหยวเหมี่ยวอยากขับรถม้าเอง ตั้งใจขับรถผ่านแถวหอทิงอวี่เพื่อให้หลิวซาหลิงหญิงงามจำเขาได้ ระหว่างจะไปถึงสำนักศึกษาหลวง ก้อเจอะทหารลาดตระเวน เห็นพี่เฟิงดูเป็นคนเผ่านอกด่านเลยจะเอาพี่เขาไปสอบสวนที่ศาล น้องเหมี่ยวโมโหแต่พี่เฟิงต้องเป็นคนปลอบน้อง พี่เฟิงเลยบอกว่าตัวเองเป็นทาสที่น้องซื้อมาเมื่อสามปีก่อนและโชว์รอยสักหมาป่าเพื่อยืนยันว่าเป็นคนเผ่าเฉวี่ยนหรงไม่ใช่เผ่าหู จนทหารยอมปล่อยตัวไป น้องอารมย์เสียจนพี่เฟิงต้องหอมแก้มน้องเหมี่ยว บอกไม่ว่าใครจะว่ายังไงพี่เฟิงไม่สนใจขอแค่น้องเหมี่ยวไม่ได้มองเขาเป็นทาสก็พอ(น้องเหมี่ยวเลยเริ่มสะกิดใจตัวเอง น้องเลยคิดได้ว่าตลอดมาไม่ได้มองพี่เฟิงเป็นทาสเลย เห็นเขาเป็นคนในครอบครัวเป็นคู่ครองมาตลอด) ส่วนพี่เฟิงตอนนี้เริ่มคิดว่าเมืองหลวงน่าจะเปิดสงครามกะเผ่าหูแล้วละมาง

ถึงสำนักศึกษาหลวงน้องเหมี่ยวสั่งบ่าวที่มาให้แยกไปพักที่โรงเตี๊ยม พรุ่งนี้ก้อให้ไปจัดซื้อของตามสั่งเพื่อเตรียมขนสินค้ากลับปราสาทเขาเจียงปัว ส่วนตัวเองกับจางเอ่อร์เตรียมตัวไปคำนับอาจารย์เจี่ยงเพื่อมอบจดหมายแนะนำตัวอาจารย์ซุนอวี๋ ที่ สั่งให้เขามาเข้าพักที่สำนักศึกษานี้ (น้องแอบอ้างอาจารย์ซุนอวี๋ให้จางเอ่อร์มาพักที่นี้ด้วย555) หลังจากนั้นให้พี่หลีจื้อเฟิงไปจัดของ เก็บรถม้าให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปหาห้องพัก(พี่เฟิงพักห้องเดียวกับน้องอิอิ) ที่นี้มีโรงอาหารแต่อาหารไม่อร่อย เพราะเป็นอาหารฟรีให้นักศึกษา พี่เฟิงกว่าอาหารไม่ถูกปากน้อง จะออกไปซื้ออาหารดีๆมาให้ น้องบอกไม่เป็นไร(ทั้งที่มะก่อนเป็นคุณชายเรื่องมาก แต่เดียวนี้น้องเปลี่ยนเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายไปสะแล้ว) ยิ่งตอนนี้เมืองหลวงห้ามผู้คนออกมาข้างนอกในยามวิกาล กลัวพี่เฟิงจะเดือดร้อน

ในสำนักศึกษาหลวง น้องเหมี่ยวรูปงามโดดเด่นด้วยลักษณะคุณชายผู้สูงส่ง ไม่พอยังมีบ่าวหล่อๆแบบพี่เฟิงมารับใช้ดูแล จางเอ่อร์ที่เป็นจวี่เหรินเหมือนกันก้อยังทำตัวเป็นบ่าวดูแลน้องอีกคน แถมยังมีแต่คนใหญ่คนโตเข้ามาติดต่อเรื่อยๆเริ่มจากพ่อบ้านจวนหลี่ เอาเทียบเชิญของหลี่เหยียน มาเชิญไปงานเลี้ยงต้อนรับเขา โดยมีเพื่อนสนิทเดิมๆเขาที่สมัยเรียนในเมืองหลวงมาร่วมงาน(แผนน้องเหมี่ยวที่โชว์โฉมให้หลินซาหลิงพบ นับว่าได้ผลดีมาก แค่วันเดียวหลี่เหยียนก็รู้ว่าเขากลับมาเมืองหลวงละ แถมได้ทำให้เขามีหนทางกลับสู่วงสังคมไฮโซเมืองหลวงได้เร็วขึ้น)

ไม่นานถังฮุยที่ตอนนี้เป็นทหารรักษาพระองค์แล้ว ก็มาหาเขา จากนั่นก้อเป็นองค์ชายสามที่ตามพบเขาถึงในสำนักหลวง น้องกำลังคิดหาทางจะไปติดต่อขอพบจ้าวเฉา ก็มาหาถึงที่่พอดี

ผ่านไปสามปีที่ไม่ได้พบจ้าวเฉา นอกจากการติดต่อทางจดหมายแล้ว น้องเหมี่ยวดีใจมากที่ได้เจอะ ทั้งสองทักทายกันด้วยความคิดถึง จ้าวเฉาทักทายพี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าจำเขาได้ น้องเหมี่ยวเลยเตรียมชงชาดีๆให้จ้างเฉา ระหว่างนั้นน้องเหมี่ยวรู้สึกว่าพี่เฟิงแอบทำตัวเป็นอริกับจ้าวเฉา (พี่เฟิงน่าจะรับรู้ได้ว่ามีศัตรูหัวใจอยู่ข้างๆ555) จ้าวเฉา ว่าช่วงนี้ทหารลำบาก รบแพ้แล้วยังมีคนตายมากไม่พอ เงินชดเชยให้ครอบครัวทหารที่ตายก้อยังไม่สามารถเบิกมาได้ จ้าวเฉาอยากชวนน้องไปเป็นที่ปรึกษาอยู่ข้างกายเขา เพราะกำลังทำเรื่องโยกย้ายตัวเองไปคุมทหารอยู่ที่เมืองเจียวโจว แต่น้องเหมี่ยวลังเล เพราะที่เข้าเมืองหลวงนี้เพราะอาจารย์สั่งให้มาสอบเคอจวี่ จ้าวเฉาเลยทำท่าโกธรจะกลับละ น้องเหมี่ยวเลยแอบยื่นซองให้ แต่พอจ้าวเฉาฉีกเปิดดูเห็นเป็นตั๋วแลกเงิน ก้อทำท่าโกธรหาว่าน้องเหมี่ยวดูถูกตัวเองเลยต่อยเข้าเบ้าตาน้องเหมี่ยวจนล้มหงายหลังกับพื้น พี่หลีจื้อเฟิงเห็นก็โมโหหน้ามืดวิ่งเข้าไปต่อยตีกับจ้าวเฉา พี่เฟิงที่สู้ไม่ถอยไม่ได้กลัวทหารเลย จนถังฮุยจะเข้ามาจับแยกยังโดนพี่เฟิงซัดสะกระเด็น จนน้องเหมี่ยวต้องวิ่งเข้าไปกอดปลอบพี่เฟิงให้หายคลั่งถึงจะยอมหยุดทุบตีจ้าวเฉา (พี่หลีจื้อเฟิงต่อยเข้าเบ้าตาจ้าวเฉาได้ล้างแค้นให้น้องเหมี่ยวจนได้555 จะไม่ให้พี่เฟิงแค้นได้ยังไง ตั้งกะอยู่กับน้องเหมี่ยว พี่เฟิงดูแลทะนุถนอมมายังดี นี่อะไรมาถึงก้อต่อยน้องเหมี่ยวสะตาเขียวช้ำทันทีขนาดนี้) จ้าวเฉามองพี่หลีจื้อเฟิงอย่างโกธรแค้นก่อนจากไป

พี่หลีจื้อเฟิงหันไปตรวจดูสภาพน้องเหมี่ยวแล้วปวดใจ เดินพาน้องไปทายาแก้ฟกช้ำ แล้วถามน้องว่าเจ็บตรงไหนอีก น้องเหมี่ยวก้อกอดพี่หลีจื้อเฟิงร้องไห้เสียอกเสียใจที่ทำไมเรื่องมากลายเป็นแบบนี้ พี่หลีจื้อเฟิงก้อกอดปลอบอุ้มน้องไปนอน ตกดึกน้องเหมี่ยวก้อตื่นมาบอกพี่เฟิงหิวข้าวละ พี่เฟิงก้อเตรียมไปอุ่นโจ๊กให้น้อง(พี่เฟิงแสนดีละเกิน) น้องยังไม่ทันได้กิน จ้าวเฉาก้อมาหาอีกรอบ พร้อมหิ้วกับข้าวมาด้วย สรุปจ้าวเฉาแกล้งเล่นละครให้คนลือว่าเขาก้อน้องเหมี่ยวแตกคอกันแล้ว เพราะไม่อยากให้น้องเหมี่ยวกับครอบครัวน้องต้องได้รับความลำบากเพราะมาสนิทกับตัวเอง ตอนนี้จ้าวเฉาขอให้น้องเหมี่ยวไปเข้าพวกกับหลี่เหยียน เพื่อจะได้มีโอกาสสืบข่าวฝั่งราชทายาท แล้วน้องเหมี่ยวอย่าทำตัวเด่นแย่งความโปรดปรานเกินหน้าหลี่เหยียน เพราะไม่งั้นน้องจะโดนเล่นงานแทน คือให้เป็นลูกน้องหลี่เหยียนแหละ เขาเสียใจที่ลงมือต่อยหน้าน้องเหมี่ยว ทั้งๆที่น้องเหมี่ยวรักเขาเรียกเขาเป็นพี่มาตลอด จากนั้นก้อพูดถึงเรื่องเงินที่ตึงมือมากขนาดนี้เลยมาขอเงินสดจากน้อง น้องเหมี่ยวเลยให้เงินไปสามร้อยตำลึงทันที ไม่พอให้คนมาขอเพิ่มได้ด้วย(น้องเหมี่ยวสายเปย์555) หลังจ้าวเฉาจากไป น้องเหมี่ยวก้อสบายใจละ ที่สามารถปรับความเข้าใจกับจ้าวเฉาได้ ก็หันไปเจอะพี่เฟิงยืนมองแปลกๆ พี่เฟิงถามว่าจ้าวเฉาเป็นคนที่เชื่อใจได้หรอ แต่น้องเหมี่ยวมั่นใจว่าเขาเชื่อถือได้ หลังจากนั้นพี่เฟิงพาน้องเหมี่ยวกลับไปนอนกอดกันต่อ555

สามวันถัดมาน้องเหมี่ยวไปงานเลี้ยงตามเทียบเชิญ ได้พบเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ก๊วนเดียวกัน พอทุกคนเห็นหน้าตาน้องเหมี่ยวก้อหัวเราะลั่น ตอนนี้เบ้าตาน้องเหมี่ยวม่วงช้ำเป็นแพนด้า หลี่เหยียนเลยวางใจเข้ามาคุยสนิมสนมเหมือนเดิม หลังงานเลี้ยงจบน้องเหมี่ยวที่แกล้งเมาก้อโดนหลี่เหยียนพาไปส่งกลับบ้าน แต่ที่จริงจะจับตัวน้องมาคุยส่วนตัว หลี่เหยียนถามว่าน้องเหมี่ยวได้กราบใครเป็นอาจารย์รึยัง น้องเลยตอบตามจริงว่าได้กราบอาจารย์ซุนอวี๋แล้ว ยิ่งเข้าทางหลี่เหยียน เพราะเป็นอาจารย์ซุนอวี๋อาจารย์เดิมขององค์รัชทายาท หลี่เหยียนเลยวางแผนจะดันน้องเหมี่ยวเป็นขุนนางฝั่งตัวเองในอนาคต

กลับจากงานเลี้ยงน้องเหมี่ยวรู้สึกรังเกียจแวดวงสังคมปลอมเปลือกในเมืองหลวงนัก เลยบ่นว่าจะยกปราสาทเขาเจียงปัวให้พี่เฟิง แต่พี่เฟิงบอกไม่ต้องการ เขาแค่ต้องการตัวน้องเหมี่ยวแค่นั้นพอ(...หวานได้อีกๆ) ทั้งคู่ก้อไปนอนบอกรักกอดกันบนเตียงต่อ

หลังจากนั้นน้องเหมี่ยวก้อเร่งอ่านหนังสือทบทวนเตรียมตัวสอบ พี่เฟิงก้อดูแลข้าวปลาอาหารให้น้องไป จนผ่านไปอีกหลายวัน หลี่เหยียนจัดงานเลี้ยงอีก คราวนี้จัดที่หอทิงอวี่หอคณิกาชื่อดัง พอน้องไปถึง ก้อพบว่านอกจากเพื่อนก๊วนเดิมแล้วยังมีรัชทายาทแฝงกายมาร่วมงานเลี้ยงด้วย หลี่เหยียนจัดงานนี้เป็นการรวมพลคนฝั่งรัชทายาทแท้ๆ ในงานเลี้ยงน้องเหมี่่ยวได้ข่าวน้ำท่วมที่หยางโจวจากฉินเซ่าหนานเพราะพ่อเขาเป็นเสนาบดีกรมพิธีการ

กลับมาน้องเหมี่ยวก้อนั่งกังวลเรื่องน้ำท่วมกับพี่หลีจื้อเฟิง เป็นห่วงกังหันยักษ์ที่ยังไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมหลากมาก่อน กลัวกังหันจะพังเสียหาย แต่จางเอ่อร์ปลอบใจว่าเขาอยู่ที่เขาเจียงปัวเป็นสิบปี เขาเจียงปัวเป็นพื้นที่อยู่สูงไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมมาก่อน น้องเหมี่ยวก้อค่อยสบายใจขึ้น วางใจเตรียมอ่านหนังสือสอบ

เวลาผ่านไปเดือนเจ็ด ถึงวันสอบ น้องโหยวเหมี่ยวได้หัวข้อสอบเป็นบทความที่เคยเรียนเคยถกปัญหากับอาจารย์ซุนอวี๋ เลยทำข้อสอบยังสบายใจ ระหว่างนั่นได้ยินเสียงเฉินกวนอู่แว่วๆมา เลยทำให้น้องเหมี่ยวรีบเขียนตอบข้อสอบเพื่อจะได้ออกมาก่อนไวๆ

หลังออกมาจากห้องสอบน้องโหยวเหมี่ยวก้อรีบซักถามเฉินกวนอู่ถึงสถานการณ์ที่บ้าน สรุปที่เมืองเจียงหนานน้ำหลากแล้ว ที่ปราสาทเขาไม่เป็นไร แต่ฝนตกตลอดเวลาทำให้น้ำในแม่น้ำฉางเจียงท่วมสูง ท่านน้าให้เขามาส่งข่าวว่าไม่ต้องห่วงเรื่องกังหัน ถ้าพังจะสั่งให้คนสร้างขึ้นมาใหม่ และอีกเรื่องจะมาขออนุญาติน้องเหมี่ยวเปิดคลังข้าวเพื่อเอาไปหุงข้าวแจกชาวบ้านเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ น้องเหมี่ยวก้อเห็นด้วยอนุญาติให้ทำ แต่น้องเหมี่ยวกังวลเรื่องกังหันยักษ์ถ้าพังลงมายากจะหาคนมาทำใหม่ เพราะครั้งนี้ที่ทำได้เพราะนายช่างใหญ่หวงสือระดมลูกศิษย์เก่งมาจากหลายเมืองมาทำ พี่หลีจื้อเฟิงเองก้อเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะมีเพียงเขาที่รู้วิธีการดูแลกังหันนี้จากนายช่างหวงสือ พี่หลีจื้อเฟิงเลยจะกลับไปเขาเจียงปังก่อนเพื่อไปดูแลกังหัน แต่น้องเหมี่ยวไม่อยากแยกห่างพี่เฟิงน้องเริ่มงอแงไม่อยากให้พี่เฟิงไป จนพี่หลีจื้อเฟิงสัญญาว่าไปแล้วจะรีบกลับมาก่อนน้องเหมี่ยวจะสอบเตี้ยนซื่อ เลยทิ้งเฉิงกวนอู่ไว้ดูแลน้องเหมี่ยว ส่วนตัวเองจะขี่ม้าเร็วกลับไปคืนนี้เลย น้องเหมี่ยวก้องอแงเดินไปส่งพี่เฟิงขึ้นม้า พูดไปวนมาจนพี่เฟิงต้องก้มลงมาจูบลาถึงจะหายงอนอารมย์ดีขึ้นมาก

หลังพี่หลีจื้อเฟิงจากไป น้องเหมี่ยวก้อซึมๆ คิดถึงแต่พี่หลีจื้อเฟิง เรียกหาแต่พี่หลีจื้อเฟิงจนติดปาก วันหนึ่งก้อมีทหารมาเยี่ยม คือแม่ทัพเนี่ยตัน ตอนนี่เลยยศเป็นแม่ทัพอู่เต๋อละ พี่เขามาหาน้องเหมี่ยวเพราะอยากให้น้องไปสืบข่าวจากทางฝั่งลูกเสนาบดีกรมทหารให้หน่อย พร้อมทั้งชวนน้องเหมี่ยวว่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดให้ไปกินข้าวที่จวนของเขา

น้องโหยวเหมี่ยวรู้ว่าข่าวที่แม่ทัพเนี่ยตันมาหาเขาถึงสำนักศึกษาต้องมีหูตาของหลี่เหยียนแน่ วันนี้เลยทำทีไปเยี่ยมหลี่เหยียนที่จวนหลี่ เพื่อไปบอกว่าแม่ทัพเนี่ยตันมาชวนเขาไปกินข้าวบ้าน เพื่อแสดงความจริงใจกับหลี่เหยียน วันนั้นน้องเลยบุกเข้าไปที่ห้องนอนของหลี่เหยียน เพราะเมื่อก่อนน้องเหมี่ยวยังเคยมุดโป่งผ้าน่วมไปปลุกหลี่เหยียนถึงบนเตียงบ่อยๆ วันนี้ก้อว่าจะไปทำ แต่พอมุดเข้าไปแล้วขึ้นคร่อมหลี่เหยียนกระชากผ้าห่ม แต่กลับได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมาจากผ้าน่วม555 โหยวเหมี่ยววิ่งหนีลงจากเตียงแทบไม่ทันเพิ่งนึกได้ว่าผ่านมาสามปี หลี่เหยียนน่าจะแต่งงานแล้ว น้องเหมี่ยววิ่งหนีกะเซอะกะเซิงออกจากห้องนอนไปชนโต๊ะชนฉาก แต่ก็เจอะหลี่เหยียนวิ่งไล่ตามเอาชามทองเหลืองขว้างกระแทกหัวน้องแทน555

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม โหยวเหมี่ยวกับหลี่เหยียนมานั่งคุยในห้องโถง พร้อมรับคำแนะนำให้รู้จักพี่สะใภ้ถัง ภรรยาของหลี่เหยียน หลี่เหยียนพอรู้ข่าวก้อบอกให้ไปพบแล้วทำตัวปกติแล้วต่อนี้ไปไม่ต้องมาพบเขาบ่อยๆ ตอนนี้ให้ขยันอ่านหนังสือสอบเพราะเขาจะผลักดันให้น้องเหมี่ยวเป็นขุนนางในสำนักตรวจการ

กลับจากวันนั้นน้องโหยวเหมี่ยวยิ่งคิดถึงพี่หลีจื้อเฟิง ไม่มีใครให้มากอดให้นอนอิงซบ เห็นหน้าเฉิงกวนอู่ยิ่งเศร้า จนจางเอ่อร์ต้องมาพูดคุยปลอบใจน้อง

ถึงวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด น้องโหยวเหมี่ยวไปตามนัดที่จวนแม่ทัพเนี่ยตัน พบว่าแม่ทัพเนี่ยตันกำลังทำอาหารให้ แต่ที่จริงแล้วจ้าวเฉาต่างหากที่ตั้งใจมาหาน้องเหมี่ยว จ้าวเฉามาส่งข่าวว่าน้องเหมี่ยวสอบผ่านเป็นก้งซื่อแล้ว รอบต่อไปเตรียมสอบเตี้ยนซื่อ น้องเหมี่ยวเลยเล่าแผนการหลี่เหยียนที่วางให้เขา จ้าวเฉาเลยบอกให้ทำตัวไหลไปกับหลี่เหยียนก่อนตอนนี้ ตอนนี้หวังว่าน้องเหมี่ยวจะสอบได้ในสามอันดับแรก คุยไปนานจ้าวเฉาก้อถามถึงหลีจื้อเฟิง น้องเลยบอกว่ากลับไปเขาเจียงปัวเพื่อดูแลกังหันน้ำ 

จ้าวเฉาเลยจะพาน้องเหมี่ยวไปเดินเล่นในเมืองชมโคมไฟในเทสกาลซีซี ทั้งคู่เดินเล่นจนถึงสะพาน ก้อยืนคู่กันมองดูโคมไฟที่ลอยเต็มแม่น้ำ จู่ๆจ้าวเฉาก้อจับตัวน้องเหมี่ยวมากอด แล้วบอกให้น้องเหมี่ยวมาติดตามเขา เขาจะไม่มีวันหลายใจแบบพ่อตัวเอง เพียงแต่ตอนนี้รอโอกาสตั้งตัว ต่างคนต่างแต่งงานแต่เราทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...(นี่มันอารมย์เมียเผลอแล้วเจอะกันนิน่า555) น้องโหยวเหมี่ยวหัวใจกระตุกเลยบอกว่าอย่ามาล้อเล่นยังงี้ แต่จ้าวเฉาบอกนี้คือเรื่องจริงจัง แถมยังเล่าเรื่องที่เขาได้พบหน้าน้องเหมี่ยวครั้งแรกแล้วติดใจไม่ลืม จนตอนนี้ชวนน้องไปนอนค้างที่จวนตัวเองอีก น้องโหยวเหมี่ยวเลยบอกตามตรงว่าน้องมีคนในหัวใจแล้ว และขอตัวกลับก่อน...(ตอนนี้น้องเหมี่ยวได้รู้หัวใจตัวเองแล้วว่า มีแค่พี่เฟิงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองน้องเหมี่ยวทั้งกายและใจ)

น้องเหมี่ยวกลับมาที่ห้องยิ่งคิดถึงพี่หลีจื้อเฟิง  เลยตั้งใจเขียนจดหมายหาแฟน แต่นั่งเขียนตั้งนานก้อเขียนไม่ได้ดังใจสุดท้ายเขียนได้ประโยคเดียว "คิดถึงเจ้าแล้ว รีบกลับมาเร็วเข้า" แล้วส่งให้เฉินกวนอู่รีบเอาไปส่งม้าเร็วกลับบ้าน แถมคืนนั้นนอนฝันถึงพี่หลีจื้อเฟิงว่ามานัวเนียถึงจนถึงขั้นฝันเปียกอีก555

สามวันหลังจากนั้นไม่นานเฉินกวนอู่ก้อวิ่งมาบอกผลสอบว่าทั้งน้องเหมี่ยวกับจางเอ่อร์ต่างสอบผ่านเป็นก้งซื่อทั้งคู่ พร้อมกับได้รับจดหมายจากพี่หลีจื้อเฟิงอีก คราวนี้เป็นเหยากวนบ่าวในบ้านเป็นคนมาส่งจดหมาย น้องเลยซักถามคนที่บ้านทันที สรุปว่าโชคดีที่พี่หลีจื้อเฟิงกลับไปทัน ทำให้รักษากังหันไว้ได้น้าชายสบายดี ที่เขาเจียงปัวน้ำไม่ท่วม น้องเลยได้อ่านจดหมายพี่หลีจื้อเฟิง เขียนมาว่า"เรื่องทางบ้านยังไม่แล้วเสร็จ แต่จะรีบกลับไปหาเร็วๆนี้ เพราะคิดถึงเจ้าแทบตายแล้ว ถ้อยคำมีเป็นหมื่นแต่ไม่รู้จะเขียนบรรยายเช่นไร ไม่รู้จะพูดกับใคร เห็นจดหมายก็เหมือนเห็นหน้า ดูแลตัวเองให้ดี เฟิง"(...กรีดร้องด้วยความอิจฉาน้องเหมี่ยวอย่างแรง) หลังอ่านจดหมายจบน้องก้ออารมย์ดีจัด จนจางเอ่อร์ต้องขอหยิบมาอ่านสำนวนพี่เฟิง555 ความคิดถึงเมียของพี่เฟิงนั่นทำให้จางเอ่อร์ถึงขั้นร่ายกลอนแซวหยอกน้องเหมี่ยวทันที

เวลาผ่านไปก้อถึงเดือนแปด ได้เวลาสอบเตี้ยนซื่อ หัวข้อสอบมาจากฮ่องเต้เรื่องอรรถธิบายการปกครอง น้องลังเลว่าจะเขียนตอบข้อความเอาใจฮ่องเต้ หรือจะเขียนเรื่องความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง สุดท้ายน้องเลือกตอบในความคิดที่เป็นมุมมองของน้องเอง เรื่องใช้สงครามเพื่อยุติสงคราม แถมยังเขียนข้อเสียของเหล่าขุนนางอีก หลังออกมาจากห้องสอบ น้องเหมี่ยวก้อล้มป่วยไปหลายวันจนแทบลุกไม่ขึ้นด้วยโรคลมแดด ขนาดที่ป่วยหนักน้องเหมี่ยวยังคิดถึงแต่พี่หลีจื้อเฟิง นับวันเมื่อไรพี่เฟิงจะมาหาน้องสะที หลี่เหยียนเองก้อมาหาว่า บ่นว่านี้อุดสาใช้เส้นให้น้องเหมี่ยวได้นั่งใต้ต้นไม้ร่มๆแล้วนะ ยังล้มป่วยหนักขนาดนี้ เลยให้คนส่งอาหารและยาบำรุงมาให้น้องเหมี่ยวมากมาย ระหว่างพูดคุย ก้อพอดีองค์ชายสามก้อเข้ามาเยี่ยมน้องพอดี ทั้งคู่เลยเดินสวนทางกันที่หน้าประตู  จ้าวเฉานั่งลูบหัวน้องด้วยความเป็นห่วง น้องเลยเล่าว่า หลี่เหยียนให้เขารักษาตัวให้ดีๆวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ต้องเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง จ้าวเฉาเลยบอกว่าแปลว่าอย่างน้อยน้องเหมี่ยวก็สอบผ่านเป็นจิ้นซื่อละ น้องเหมี่ยวก้อนั่งซึมๆพิงไหล่จ้าวเฉา เขาเลยนั่งเล่านิทานให้น้องเหมี่ยนฟังแก้เบื่อแทนจนน้องนอนหลับคาเตียงไป...จ้าวเฉาถึงจะเดินจากไป(จ้าวเฉามีการจ้องมองปากน้องด้วย...คิดอะไรอยู่หึ) 

ถึงวันประกาศผลสอบเตี้ยนซื่อ ที่สำนักหลวงมีขุนนางถือราชโองการมาหาน้องเหมี่ยว สรุปน้องโหยวเหมี่ยวได้เป็นบัณฑิตขั่นหนึ่งทั่นฮวา(สอบได้ที่สามจากสามอันดับแรก) ส่วนจางเอ่อร์สอบได้เป็นบัณฑิตขั้นสาม ฉวนหลู ตอนนี้มีแต่คนมายินดีกับน้องเหมี่ยวกับจางเอ่อร์ เฉินกวนอู่กับเหยากวงรีบเอาเงินมาแจกอังเป่าให้ทุกคนที่มาแสดงความยินดี 

แต่น้องเหมี่ยวกลับปวดใจ อารมย์เสีย หงุดหงิดมาก เดินกลับเข้าไปในห้อง เรียกเหยากวงมาด่าท่อระบายอารมย์ "เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ขี่ม้ากลับไปเจียงปัว ไปบอกหลีจื้อเฟิง ถ้ายังไม่รีบมา ข้าจะซื้อคนใหม่ที่เมืองหลวง ไหนบอกจะมาถึงก่อนสอบเตี้ยวซื่อ อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน.."(น้องเหมี่ยวอาละวาดด้วยความน้อยใจที่พี่เฟิงผิดสัญญาถึงขั้นประชดจะซื้อชายบำเรอใหม่เลยเชียว555) เหยากวงเลยต้องรีบบอกความจริงที่ปิดบังไว้ ว่าที่พี่เฟิงมาไม่ได้มา มาไม่ทันนั่น ไม่ใช่ว่าพี่เฟิงไม่รักไม่สนใจน้องเหมี่ยว เพราะพี่เฟิงตอนไปดูแลกังหันน้ำ เกิดผลัดตกหน้าผาลงมาขาหัก ตอนนี้ขายังต่อไม่สนิทเลยต้องพักฟื้นที่บ้านสวนเสิ่น น้าชายกับพี่เฟิงเห็นตรงกันว่าให้ปิดเรื่องนี้ไว้ กลัวน้องเหมี่ยวจะหนีสอบกลับบ้านมาหาพี่เฟิงแทน555 พอน้องโหยวเหมี่ยวรู้ข่าวก้อร้องไห้โฮ่จะกลับบ้านไปหาพี่หลีจื้อเฟิงทันที บ่าวสองคนต้องรั้งตัวไว้ว่าตอนนี้ยังไปไม่ได้ ยังต้องไปงานเลี้ยงฉลองในวังก่อน

ตอนนี้น้องเหมี่ยวนั่งอาบน้ำ เฉินกวนอู่ก็เดินหน้ามุ่ยมาบอกว่าน้องเหมี่ยวไม่มีชุดดีใส่ไปวังหลวง จะให้ไปหาซื้อตอนนี้ไม่รู้จะทันป่าว แต่จางหยวนบ่าวที่สวนเสิ่นมาหาพอดี มาพร้อมกับเงินสามพันตำลึง(น้าชายส่งมาพันตำลึง อีกสองพันพ่อฝากมาให้)พร้อมจดหมายพี่หลีจื้อเฟิงว่าให้ "รอข้ากลับไป เฟิง"พร้อมดอกกุ้ยแห้งแบน น้องเหมี่ยวก้อมีความสุขอบอุ่นหัวใจทันที(ก้อแฟนหวานใส่ขนาดนี้อะนะ) กับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พี่เฟิงสั่งตัดโดยช่างฝีมือที่ดีสุดในเมืองเจียงหนาน(ปัญหาใดหมดสิ้นเมื่อได้ผ่านมือพี่เฟิงอย่างแท้จริง) คืนนั้นน้องเหมี่ยวก้อหล่อหรูหราสมฐานะทั่นฮวา

รถม้าจากวังหลวงมารับส่งน้องโหยวเหมี่ยวถึงหน้าวังหลวง (คืนนี้น้องไม่ได้พกบ่าวไปสักคน) ก็มีขันทีมารับพาเดินเข้าไปข้างใน น้องเลยสอบถามว่าใครสอบได้เป็นจ้วงหยวนปีนี้ สรุปคนที่สอบได้ลำดับหนึ่งคือหลี่เหยียนนะเอง ระหว่างทางผ่านศาลาริมสระไท่เยี่ย น้องเลยเห็นผู้ชายยืนคุยกันสองคน เหมือนจะเป็นแม่ทัพเนี่ยตัน อีกคนดูเหมือนจะเป็นจ้าวเฉา น้องเลยเดินไปทักองค์ชายสาม แต่พอเขาหันมากลายเป็นองค์รัชทายาทจ้าวจั๋ว น้องเหมี่ยวเลยกระอักกระอ่วนใจที่ทักผิด555 แต่แม่ทัพเนี่ยตัน กลับพูดเร่งถึงบางเรื่องที่สำคัญ รัชทายาทเลยรับปากว่าจะรีบบอกฮ่องเต้ แม่ทัพเนี่ยตันจึงรีบขอตัวจากไป รัชทายาทเลยชวนน้องเหมี่ยวเดินไปคุยไปเพื่อไปที่จัดเลี้ยง พร้อมสอบถามถึงอาจารย์ซุนอวี๋ด้วย ทั้งคู่มาถึงงานเลี้ยงแล้ว ตอนนี้รอฮ่องเต้เสด็จมาเป็นประธานงานเลี้ยง

ที่งานเลี้ยงแถวของหัวโต๊ะแรกเป็นของหลี่เหยียน ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งเป็นจ้วงหยวน โต๊ะตัวที่สองเป็นของปั่งเหยียนที่สอบได้ลำดับสอง ชื่อเฉินซิ่งเป็นศิษย์สายนักพรตเต๋า ที่เข้าทางฮ่องเต้ที่ตอนนี้ลุ่มหลงหลอมยาอายุวัฒนะ ส่วนน้องเหมี่ยวได้นั่งโต๊ะเป็นลำดับที่สามของตำแหน่งทั่นฮวา 

สักพักฮ่องเต้ก้อเสด็จมาถึง พร้อมทักทายเหล่าบัณฑิต โดยเฉพาะน้องโหยวเหมี่ยวที่ฮ่องเต้ ถามถึงบิดาที่เศรษฐีและเป็นเจ้าของชาบรรณาการ น้องเหมี่ยวเลยรีบบอกว่าตัวเองโดนตัดขาดจากบิดา ฮ่องเต้บอกว่าเขาชื่นชมบทความที่กล้าหาญดุจเห็นเงาอาจารย์ซุนอวี๋ผ่านบทความข้อเขียนน้องเหมี่ยว ฮ่องเต้เลยสงสัยทำไมน้องเหมี่ยวถึงทำผิดคุณธรรมอกัตญญูเยี่ยงนี้  หลี่เหยียนเลยชิงอธิบายแทนน้องเหมี่ยว ว่าระหว่างน้องมาเรียนเมืองหลวงโดนพ่อยกอนุเข้าเป็นภรรยาเอกมาเป็นใหญ่ในบ้าน แถมตำแหน่งตี๋จื่อก้อโดนพี่ชายต่างแม่แย่งชิงไป ตอนนี้น้องเหมี่ยวอยู่ที่สวนเสิ่นทำงานเลี้ยงตัวที่ปราสาทเขาเจียงปัว เป็นมรดกที่แม่ซื้อไว้ให้ก่อนจะตายไป ฮ่องเต้ฟังแล้วสงสารน้องเหมี่ยวเลยบอกจะจักการพ่อน้องเหมี่ยว....น้องใจหายวาบ ต้องรีบบอกฮ่องเต้อย่าทรงกริ้วทันที

จากนั้นก้อเริ่มงานเลี้ยง สักพักจ้าวเฉาก้อมากระซิบบอกบางอย่างกับฮ่องเต้ ฮ่องเต้ได้ยินก้อรีบลุกออกจากงานเลี้ยงทันที พวกขุนนางก้อรีบเดินตามเสด็จออกไป องค์รัชทายาทจ้าวจั๋วให้สัญญาณเรียกให้น้องเหมี่ยวตามออกมาด้วย องค์รัชทายาทจ้าวจั๋วพาน้องไปยืนแอบฟังฮ่องเต้กับขุนนางปรึกษาเรื่องเผ่ายกทัพใกล้จะมาถึงหน้าด่านฉางเฉิง แม่ทัพเนี่ยตันอยากยกทัพออกไปสู้ต้านพวกเผ่าหู เพราะถ้าด่านนี้แตกก้อเหลือระยะทางอีกไม่ไกลจะเข้ามาถึงตัวเมืองหลวงได้ แต่เจอะพวกขุนนางทัดทานโดยเฉพาะอัครเสนาบดีหลี่ที่ยืนยันว่าเผ่าแค่มาปล้นชิงทรัพย์ไม่เคยเข้ามาตีครองเมืองมาก่อน แล้วอ้างเหตุอุทกภัยที่แคว้นแดนใต้ ทำให้ไม่เสบียงพอจะส่งมาให้กองทัพใช้ ไหนจะศึกเกาหลีที่แพ้แบบยับเยิ่นอีก ตอนนี้คลังหลวงแทบจะเงินไม่พอใช้แล้ว แม่ทัพเนี่ยตันโมโหมากที่โดนคัดค้าน หลี่ไจ่เสนาบดีกรมทหารเลยเสนอให้แม่ทัพเนี่ยกับแม่ทัพหลันแค่ระดมทหารโยกย้ายกำลังพลไปไล่พวกเผ่าหูออกนอกด่านก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยทำเรื่องเจรจาสงบศึก จ้าวเฉาจะเสนอแผนการรบบ้างแต่ฮ่องเต้ไม่ให้โอกาสเขาเลย(ลำเอียงสุดๆ)

ระหว่างจะออกจากห้องประชุม จ้าวเฉาเห็นน้องเหมี่ยว เลยขอตัวน้องเหมี่ยวทันทีจากรัชทายาทจ้าวจั๋ว ให้น้องมาช่วยงานข้างตัวเขา สรุปคืนนั้นน้องเหมี่ยวเข้าจวนจ้าวเฉาเพื่อเขียนฎีกาช่วยเหลือแม่ทัพเนี่ยตัน น้องก้อนั่งทำงานยันเช้าในจวนจนหลับคาโต๊ะ ตื่นมาไม่พบจ้าวเฉา แต่พบเสื้อคลุมตัวนอกของจ้าวเฉามาอยู่บนตัวน้อง....ง พร้อมข้อความว่าพี่เขาต้องไปประชุมเช้าแล้ว ให้น้องอยู่ในวังแล้วจะเข้าไปนอนในห้องนอนพี่จ้าวเฉาก้อได้...แหม เช้ามาเฉินกวงอู่ก้อหอบข้าวของน้องเหมี่ยวจากสำนักศึกษามาไว้ที่จวนแทน 

น้องเหมี่ยวถามถึงจางเอ่อร์ที่ยังคงรอราชโอการที่สำนักหลวงต่อไป ส่วนน้องเหมี่ยวก้อให้เฉินกวนอู่เปิดหีบเงินเอาเงินให้พ่อบ้านจวนจ้าวเฉาไปสองร้อยตำลึงไว้ช่วยเป็นค่าพักค่าอาหาร(น้องสายเปย์จริงจัง มาอยู่ให้เขาใช้งานยังต้องออกเงินเลี้ยงดูคนในจวงทั้งวังอีกอีก555) จากนั่นสั่งให้ไปตามจางเอ่อร์มาเพื่อจะให้จางเอ่อร์เดินทางกลับบ้านที่หยางโจวทำทีไปไหว้หลุมศฟพ่อแม่ แต่ที่จริงให้กลับไปเตือนพี่หลีจื้อเฟิงว่าถ้าจะมาเมืองหลวงให้เลี่ยงเส้นทางเหนือเพราะคิดว่าน่าจะเกิดสงครามแน่ๆ พร้อมฝากจดหมายให้ที่บ้านอีกฉบับ

เย็นนั่นกว่าจ้าวเฉาจะกลับมาก้อเย็นย่ำ เขากลับมาพร้อมกล่องข้าวพระราชทานจากฮ่องเต้ ระหว่างกินก้อเหลือบไปเห็นจางหยวนที่ยืนรับใช้น้องเหมี่ยวอยู่ มีแอบชมว่าบ่าวรับใช้นองเหมี่ยวล้วนหน้าตาดี555 สรุปฎีกาที่น้องเหมี่ยงกับจ้าวเฉานั่งเขียนเสนอแนะไปนั้น ฮ่องเต้รับไปใช้หลายข้ออยู่ แต่ไม่อนุญาติให้จ้าวเฉาออกรบ 

ตอนนี้ผ่านไปครึ่งเดือน น้องเหมี่ยวอยู่อาศัยในวังจ้าวเฉา คอยดูแลเรื่องทางทหาร
ส่วน ออกศึกไม่สามารถจัดการได้เด็ดขาด พวกเผ่าหูใช้การรบกลยุทธทหารม้าแยกย้ายกันจู่โจมทำให้ยากในการจำกัด ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว น้องเหมี่ยวนั่งนับวันนับเดือนคิดถึงพี่หลีจื้อเฟิง นี่มันเดือนเก้าเข้าไปแล้ว เป็นห่วงกังวลถึงพี่หลีจื้อเฟิงทำไมไม่มาสักที ยังไม่หายจากการบาดเจ็บอีกรึไง ว่างจะส่งเหยากวงกลับบ้านไปส่งจดหมายให้พี่หลีจื้อเฟิง ก้อได้ข่าวจากทหารว่าด่าน ตงเป่ย เหยียนเปียน เจิ้งเหลียงโดนตีแตกแล้ว เลยให้เหยากวงเดินเลียบเส้นทางใต้แทน

ผ่านไปอีกเดือนโดยไม่มีข่าวจากทางบ้านกลับมา มีแต่คนทางเหนือหนีตายลงไปแคว้นใต้แทน ในขณะที่กองทัพเผ่าเคลื่อนพลลงมาใกล้เมืองหลวงยิ่งขึ้น จนเวลาผ่านไปเดือนสิบ จ้าวเฉาก็มาบอกข่าวว่าแม่ทัพหลันสิ้นชีพไปแล้ว จ้าวเฉาเร่งให้น้องเหมี่ยวเตรียมเอาตำรากลศึกเพื่อไปเข้าวังพร้อมกับเขา จ้าวเฉาคิดจะเตรียมตัวออกศึกพรุ่งนี้ พร้อมสั่งน้องอย่าเพิ่งบอกใครแล้วจะส่งน้องเหมี่ยวกลับหลินโจว

ที่ตำหนักไท่เหอมีเพียงรัชทายาทอยู่กลางท้องพระโรงพร้อมเหล่าขุนนาง จ้าวเฉาเสนอตัวเป็นคนนำทัพออกไปสู้ แต่รัชทายาทจ้าวจั๋วสั่งคัดค้าน แต่เสนอให้ถังฮุยเป็นคนนำทัพขึ้นเหนือไปสู้รบ น้องเหมี่ยวหลุดปากว่าทำไม่ได้ แต่โดนเตือนด้วยสายตาเลยจำต้องเงียบลงไป รัชทายาทจ้าวจั๋วยืนยันคำสั่งเดิมให้ถังฮุยนำทัพไปเหนือ ส่วนจ้าวเฉาให้ลงมาคุมทหารราชองค์รักษ์ในเมืองแทน

ระหว่างเลิกประชุมรัชทายาทจ้าวจั๋วสั่งให้น้องเหมี่ยวตามเขามา รัชทายาทจ้าวจั๋วเรียกน้องมาถามว่าทำไมถึงทำไม่ได้ น้องเลยบอกว่าที่จริงควรให้องค์ชายสามนำทัพ เพราะกลศึกที่เหล่าขุนนางเสนอวันนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ตอนนี้เข้าหน้าหนาว แม่ทัพเนียตันมีกำลังไม่พอจะต่อสู้ยื้อเยื้อไปถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า รัชทายาทจ้าวจั๋วยังมั่นใจว่าเผ่าหูไม่มีทางอยู่ในด่านในช่วงหน้าหนาวหรอก พร้อมถามถึงหลี่เหยียนว่าเป็นคนยังไง น้องก้อบอกว่าหลี่เหยียนเป็นคนฉลาดมาก รัชทายาทจ้าวจั๋วบอกว่าเขาจะแต่งตั้งน้องเป็นขุนนางตรวจการ คอยตรวจสอบกองทัพตามบัญชาฮ่องเต้

ระหว่างทางที่น้องเหมี่ยวกำลังหอบฎีกาเตรียมกลับจวนจ้าวเฉา ก้อพลันไปเห็นฮ่องเต้ที่ตำหนักฉางเล่อยืนสวดมนต์พร้อมกับเฉิงซิ่งที่ยืนเผ่ากระดาษยัต์ด้านข้าง น้องเหมี่ยวเห็นแล้วสะท้อนใจกับภาพที่เห็น บ้านเมืองกะลังมีศึกสงครามแต่ฮ่องเต้กลับเอาแต่สวดมนต์

พอมาถึงจวนจ้าวเฉา ก้อเจอะจ้าวเฉาไล่น้องเหมี่ยวให้เตรียมเก็บข้าวเตรียมหนีออกจากเมืองหลวง พร้อมยัดตราประทับของเขาให้ไว้เพื่อผ่านทาง แต่น้องเหมี่ยวยืนยันไม่ยอมไป บอกว่าตัวเองเพื่อโดนสั่งแต่งตั้งเป็นขุนนางตรวจการแล้ว ขืนหนีไปตอนนี้ก้อโดนลงโทษไปถึงตระกูลแน่นอน จ้าวเฉายืนยันจะให้น้องหนีไปให้ได้ ดูจากสถานการณืว่าเมืองหลวงแตกแน่ๆ เขาห่วงว่าถ้าเกิดเหตุขึ้นจริงจะชุลมุนวุ่นวายแล้วน้องเหมี่ยวอาจจะ...ตายได้ เลยอยากให้น้องหนีไปก่อน รอให้เขาออกรบเสร็จแล้วจะทูลฮ่องเต้ประทานตำแหน่งขุนนางให้ดังเดิม  น้องโหยวเหมี่ยวเลยโมโหยกมือตบหน้าพี่จ้าวเฉาไปฉาดหนึ่ง แล้วว่าที่น้องลำบากจากบ้านมาเมืองหลวงหลายพันลี้ เพื่ออยากได้ยศอยากเป็นขุนนางรึไง ว่าแล้วน้องก้อเดินดุ่มๆกลับเข้าจวนไป พี่จ้าวเฉาวิ่งตามไปง้อ น้องเหมี่ยวโมโหเลยต่อว่าเขา ว่าที่น้องเหมี่ยวทำทั้งหมดก้อเพื่อพี่จ้าวเฉา พอเมืองหลวงเกิดเรื่องก้อจะให้เขาหนีเอาตัวรอด แล้วยังงี้จะกลับไปมีหน้าพบอาจารย์ได้ยังไง  พี่จ้าวเฉาเลยบอกว่านอกจากทำเพื่อเขาแล้วยังทำเพื่อหลีจื้อเฟิงด้วยละสิ น้องก้อยืนนิ่งไม่ปฎิเสธ พี่จ้าวเฉาเลยคิดอีกวิธีว่าท่าฮ่องเต้จะหลบลงไปทางใต้น้องเหมี่ยวต้องตามเสด็จไปด้วย คราวนี้ห้ามปฎิเสธอีก น้องก้อยอมตกลง

กลับมาถึงจวนก้อพบเหยากวงพร้อมจดหมายทางบ้าน บอกว่าหลีจื้อเฟิงออกเดินทางมาแล้วไล่ๆกับเขาแต่มาเส้นทางเหนือ ส่วนตัวเขามาเส้นทางใต้ ตอนนี้เขามาถึงแล้ว แต่หลีจื้อเฟิงกลับยังมาไม่ถึง น้องเหมี่ยวเป็นห่วงหลีจื้อเฟิงจนปวดหัว ทั้งเรื่องฮ่องเต้เตรียมเผ่นหนีลงใต้ ทิ้งเมืองหลวงให้รัชทายาทจ้าวจั๋วกับจ้าวเฉาและเขาดูแลเมืองหลวงแทน จ้าวเฉาปลอบน้องเหมี่ยวว่าหลีจื้อเฟิงเป็นคนเผ่าเฉวี่ยนหรง ไม่มีใครกล้าทำร้ายพี่เฟิงเขาหรอ ไม่ว่าจ้าวเฉาจะโน้มนาวใจยังไง ตอนนี้น้องเหมี่ยวตัดสินใจแล้วว่าไม่กลับไปไหน แต่จะอยู่รอหลีจื้อเฟิงที่เมืองหลวงเท่านั้น

คืนนั้นน้องเหมี่ยวแวะไปรับหนังสือพร้อมตราประทับที่กรมทหาร จากนั้นแวะไปหาหลี่เหยียนที่จวนหลี่ แต่ไม่เจอะเลยตามไปหาหลี่เหยียนที่หอทิงอวี่ ก้อพบว่าหลี่เหยียนกำลังอยู่หลิวซาหลิง เลยไปบอกว่าเขาได้ตำแหน่งกับตราประทับละ และเล่าว่าจ้าวเฉาให้หนีหลับบ้านปราสาทเขาเจียวปัว หลี่เหยียนเลยดูถูกจ้าวเฉา ส่วนตัวเขาเองก้อรั้งอยู่ในเมืองหลวง แต่พ่อและคนในตระกูหลี่ทั้งหมดเตรียมลงใต้ไปพร้อมกับฮ่องเต้ ตอนนี้ไล่ให้เขากลับไปจวนจ้าวเฉาก่อน ให้ค่อยเฝ้าระวังจับตาดูจ้าวเฉาไว้

ชาวบ้านในเมืองหลวงเริ่มทยอยอพยพออกจากเมืองหลวง แต่ติดที่ต้องมีหนังสือรับรอง น้องเหมี่ยวเลยได้รายได้พิเศษจากการลงประทับตราใบผ่านทางให้พวกเศรษฐีในเมืองหลวง ค่าประทับตราใบผ่านทางทีหนึ่งก็ได้เงินมาเป็นพันตำลึงขึ้นไป ตอนนี้นับรวมคร่าวๆก้อได้เงินมาหมื่นกว่าตำลึงไปแล้ว(น้องหัวไวในการหาเงินมาก พลิกวิกฤตเป็นโอกาสเสมอ555) จ้าวเฉาหน้าเครียดกลับมา บอกว่าพวกตัวเองคงได้อยู่เป็นกลุ่มสุดท้ายในเมืองหลวงนี้ น้องเหมี่ยวเลยเอาเงินมาให้จ้าวเฉาดู ว่าช่วงนี้น้องมีรายได้งามมาก น้องจะแบ่งเงินให้จ้าวเฉาครึ่งหนึ่ง555 แต่จ้าวเฉาไม่เอายกให้น้องทั้งหมด น้องเลยบอกว่าจะส่งบ่าวตัวเอง(พร้อมเงินที่ได้มา)ส่งกลับบ้านลงใต้ทั้งหมด(ทั้งเฉินกวนอู่ จางหยวนและเหยากวง) เลยขอให้จ้าวเฉาช่วยลงตราประทับให้หน่อย สามวันนับจากได้ตราประทับมา ขบวนฮ่องเต้ออกเดินทางลงใต้ทันที

ตอนนี้คนในเมืองหลวงหายไปกว่าครึ่ง น้องเหมี่ยวเริ่มวางแผนจัดวางกองกำลังรักษาเมืองไป แต่พี่หลีจื้อเฟิงยังมาไม่ถึงเมืองหลวงสักที ในเมืองมีรัชทายาทขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ ข่าวจากสนามรบว่าทหารล้มตายมากมาย แถมตอนนี้ทหารม้ากำลังเสริมของเผ่าต๋าต๋ากำลังเคลื่อนพลลงมาอีกห้าหมื่นนายใกล้จะบุกจงหยวนละ ในท้องพระโรง จ้าวเฉาเสนอให้แม่ทัพเนี่ยตันเข้าคุมกองทัพแทนถังฮุย แต่รัชทายาทจ้าวจั๋วยังยืนยันให้ถังฮุยคุมทหารต่อ แต่มีม้าเร็วเข้ามาส่งข่าวว่าขบวนของฮ่องเต้โดนเผ่าหูโจมตีที่อำเภอฮั่นอิน แต่โชตดีที่ได้แม่ทัพเนี่ยตันคุ้มครองกลับมา แปลว่าตอนนี้เส้นทางใต้ก้อโดนตัดขาดไปแล้ว

ผ่านไปอย่างยากลำบากตอนนี้เดือนสิบสองแล้ว ถังฮุยบัญชาการผิดพลาด พาทหารตายไปหลายหมื่นคน ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยทหารบากเจ็บเต็มเมือง ตกดึกคืนหนึ่งจ้าวเฉาก้อมากระชากน้องเหมี่ยวให้รีบไปที่ค่ายทหาร ตอนนี้ทหารถังฮุยรบแพ้แล้ว น้องเข้าไปสำรวจทหารที่บาดเจ็บ พร้อมจัดสรรที่พักให้ทหารบาดเจ็บไปพักก่อน จากนั้นไปหาผิงซีเจอะที่กรมอาการ เพื่อตามเรื่องเบิกเสบียงไว้เลี้ยงข้าวทหาร แต่ผิงซีบอกไม่ใช่ไม่ยอมเบิกให้ แต่มันไม่มีของจะให้เบิกต่างหาก ยังไม่ทันไรก้อมีทหารวิ่งมาส่งข่าวแม่ทัพถังฮุยต้องธนูตกน้ำตายแล้วที่ริมฝั่งตอนใต้แม่น้หวงเหอ ผิงซีส่งตราประทับให้ทหารพร้อมออกคำสั่งปิดประตูเมืองทันทีห้ามคนเข้าออกเด็ดขาด แล้วสั่งให้ทหารราชองค์รักษ์กลับค่ายด่วน

จากนั้นทั้งคู่เตรียมเข้าเฝ้ารัชทายาทจ้าวจั๋ว แต่องค์รักษ์ไม่ยอมให้เข้าพบ น้องไม่สนผลักทหารออกแล้วเดินเข้าไปพบว่ารัชทายาทจ้าวจั๋วกำลังเทาะกับจ้าวเฉาหน้าดำหน้าแดง น้องโหยวเหมี่ยวมาส่งข่าวว่าแม่ทัพถังฮุยสิ้นแล้ว

วันที่ยี่สิบเดือนสิบสอง ทหารพ่ายศึกเดินทางกลับเข้ามาในเมืองหลวง ทั้งเมืองเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ ชาวบ้านอ่อเบียดเสียดกันที่หน้าประตูอยากหนีออกจากเมือง น้องเหมี่ยวต้องให้ทหารข่มขู่กว่าชาวบ้านถึงจะเงียบลง แต่ทันใดนั้นก้อมีคนนำเสียงปลุกระดมให้ชาวบ้านให้ลงมือทำร้ายทหาร น้องเหมี่ยวฉุกนึกขึ้นได้ว่าในนั้นต้องมีไส้ศึกแฝงมาปลุกระดมแน่ๆ เลยสั่งให้ทหารยิงใส่คนนำประท้วงสะ ฝูงชนเงียบสงบทันใด จ้าวเฉามาพอดีเลยชมน้องเหมี่ยวว่าทำดีมาก น้องเลยถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร จ้าวเฉาเลยบอกว่ารัชทายาทจ้าวจั๋วจะให้ระดมกองพลพิทักษ์เมืองหลวงคุ้มครองฮ่องเต้หลบหนีออกจากเมืองไป แต่ถ้าฮ่องเต้หนีไปยังงี้ทหารในเมืองก้อจะหมดกำลังใจจะให้ออกไปได้ยังไง

ขนาดนั้นเองกองทัพต๋าต๋าก้อขยับเข้าใกล้ประตูเมือง พร้อมส่งคนส่งสาส์นให้ฮ่องเต้แคว้นเที่ยนฉี่ยอมแพ้ เปิดประตูเมืองสะ จะได้ไม่โดนสังหารหมู่ทั้งเมือง แต่จ้าวเฉายิงธนูเสียบคนส่งสาส์นตายคาที่แทน น้องหมี่ยววิ่งสั่งให้ทหารเตรียมธนูพร้อมยิงรอบกำแพงเมือง พร้อมสั่งให้ชาวบ้านแยกย้ายวิ่งเข้าหาที่หลบภัย ตัวเองก็รีบวิ่งขึ้นไปขี่ม้าเพื่อกระจายข่าวให้คนอื่นๆเตรียมพร้อมรับศึกที่ใกล้จะเกิด ก้อพอดีกองทัพต๋าต๋ายิงธนูนับหมื่นเข้าใส่เมือง ลูกธนูพุ่งเข้าเสียบคนล้มตายในเมือง รวมทั้งโดนสะโพกม้าที่น้องเหมี่ยวขี่อยู่ น้องเลยตัวกระเด็นตกม้าล้มกลิ้งชนกำแพง ก้อพอดีมีคนพุ่งมาจากด้านข้างเอามาโอบกอดพาน้องม้วนกลิ้งหลบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง จากนั้นก้อได้ยินเสียงหลี่เหยียนเตะโกนด่าใส่หู ว่าไม่รักชีวิตแล้วรึไง555 จากนั้นก้อลากโอ่งมาบังร่างของทั้งคู่หลบลูกธนูต่อ ลูกธนูเผ่าต๋าต๋ายังคงระดมยิงใส่ในเมืองลอยทะลุไปจนถึงในวัง องค์รักษ์พารัชทายาทจ้าวจั๋วไปหลบกำบังตามเสา

ตอนนี้เสียงธนูเงียบหายไปน้องเหมี่ยวนึกถึงกลศึกเผ่าต๋าต๋าที่พี่หลีจื้อเฟิงเล่าให้ฟัง ว่าเผ่าต๋าต๋ามีธนูแพงมีจำกัดไม่สามารถยิงติดต่อกันได้ จะพักรอศัตรูเหนื่อยล้าแล้วถึงจะเข้าบุกกโจมตี น้องเลยวิ่งไปบอกให้อพยพชาวบ้านให้หลบหนีเข้ามาในเมืองชั้นใน จ้าวเฉามอบตราแม่ทัพให้น้องเหมี่ยวขี่ม้าเข้าวังไปรายงานรัชทายาทจ้าวจั๋ว แต่รัชทายาทจ้าวจั๋วไม่อนุญาติให้ชาวบ้านเข้ามาเพราะกลัวสายลับเผ่าต๋าต๋าแฝงกายเข้ามา น้องเลยบอกด้วยความโมโหว่าหลักการครองเมือง "ราษฎรสำคัญสุด รองมาคือบ้านเมือง กษัตริย์รังท้าย" รัชทายาทจ้าวจั๋วถึงได้สติให้องค์รักษ์เปิดประตูให้ชาวบ้านอยู่หน้าประตูวัง

จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวก้อวิ่งไปคุ้มกำแพงเมือง พวกเผ่าต๋าต๋าเริ่มส่งคนบุกโจมตีทั้งธนูทั้งแส้หนัง จ้าวเฉายืนคุ้มเชิงสั่งคนต้มน้ำมันราดจุดไฟเผา โหยวเหมี่ยวเห็นก็บอกว่าที่ตายส่วนมากเป็นทหารเชลยจากแคว้นเที่ยนฉี่  คนจากพวกเผ่าต๋าต๋ายังไม่มีใครตายสักคนตอนนี้ ต้องหาวิธีจัดการใหม่ไม่งั้นของที่ใช้อาจหมดก่อนพวกเผ่าต๋าต๋ามาบุกจริง

ท้องฟ้าใกล้สว่างโหยวเหมี่ยวแทบจะหมดสติ อยู่ๆก้อมีคนมาตะโกนปลุกให้เขารีบหลบหนี เพราะพวกเผ่าต๋าต๋าเริ่มยิงหินเข้าเมือง แต่มีหัวคนนับหมื่นปะปนตกลงมาด้วย โหยวเหมี่ยวถามหาจ้าวเฉา ทหารก็บอกเขาไปคุมที่ประตูตะวันตก

คืนวันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสองฮ่องเต้สละบัลลังก์ ให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เผ่าต๋าต๋ายิงธนูใส่เมืองนับแสนดอก

วันที่ยี่สิบสี่ทหารเชลยที่ถูดส่งมาทำศึกแคว้นเที่ยนฉี่ได้ตายหมด เผ่าต๋าต๋าส่งฑูตเข้ามาเจรจาให้แคว้นเที่ยนฉี่ยอมแพ้ ภายในตำหนักไท่เห่อรัชทายาทฟังเงื่อนไขข้อเสนอในการเจรจาด้วยการจ่ายเงินทองจำนวนมากนับแสนตำลึง นอกจากนี้ยังต้องส่งของบรรณการให้เผ่าต๋าต๋าทุกปี แล้วมอบแบ่งแยกดินแดนภาคเหนือมาเป็นของเผ่าต๋าต๋า และให้ส่งมอบองค์ชายซาน่าตัว แงค์ชายเผ่าเฉวี่ยนหรงกลับมาด้วย ทั้งหมดนี้สร้างความขุ่นเคืองใจฮ่องเต้จ้าวจั๋วเกินจะยอมรับได้ แต่ราชฑูตกลับโยนปลอกแขนและป้ายห้อยเอวของแม่ทัพเนี่ยตันลงกับพื้น สร้างความตกใจให้คนทั้งท้องพระโรง ฮ่องเต้จ้าวจั๋วสั่งให้ราชฑูตไปพักก่อนเพื่อนหันกลับมาปรึกษาความเห็นกับขุนนางที่เหลืออยู่ หลี่เหยียนเห็นว่าควรออกไปเจรจาสงบศึกส่งฑุตไปต่อรองเงื่อนไข แต่จ้าวเฉาเห็นว่าควรรบต่อ แต่ขุนนางทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ผิงซี ฉินเซ่าหนานและขุนนางอื่นอย่างสงบศึกมากกว่า จ้าวเฉาได้แต่เสียใจกลับออกไป ฮ่องเต้จ้าวจั๋วตัดสินใจส่งให้หลี่เหยียนเป็นฑูตเจรจา พร้อมสำรวจเงินคงคลังและคิดหายืมเงินจากพวกขุนนางตระกูลต่างๆ โหยวเหมี่ยวพาจ้าวเฉาไปออกไปสงบสติอารมย์

เช้ารุ่งขึ้นหลังส่งหลี่เหยียนไปเจรจากับเผ่าต๋าต๋า ก้อเงียบหายไปไม่มีคนกลับมาส่งข่าว โหยวเหมี่ยวเริ่มหาแผ่นที่ดูเส้นทางลับกับจ้าวเฉาเพื่อหาหนทางหลบหนีออกเมือง โหยวเหมี่ยวในใจคิดถึงพี่หลีจื้อเฟิงมากละเกิน อยากเจอะพี่เฟิงอีกสักครั้งก็พอใจแล้ว

คืนวันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสอง โหยวเหมี่ยวยังคงง่วนดูแผ่นที่จนจ้าวเฉาบอกให้น้องเหมี่ยวไปนอนพักที่ขวนในวัง โหยวเหมี่ยวมาถึงนอนหลับทันทีก้อฝันถึงพี่หลีจื้อเฟิงในชุดออกศึกสงครามกำลังฟาดฟันศัตรู ฉับพลันก้อมีคนวิ่งมาปลุงเขายังเร่งร้อนแทน เป็นทหารวิ่งเข้ามาส่งข่าวให้เขารีบหนีด่วย ข้าศึกบุกตีเข้ามาในเมืองหลวงแล้วระหว่างวิ่งหนีในอุทยาทหลวงก็เจอะศฟนอนตายเต็มทางเดินไปหมด ก็เจอะผิงซีนำองค์รักษ์เข้าต่อสู้เผ่าต๋าต๋าไป เลยได้พาโหยวเหมี่ยวหนีไปด้วยเพื่อหนีไปที่ประตูด้านหลังออกจากเมืองไป ทุกคนต่างพากันหนีตาย

วันที่ยี่สิบหกเดือนสิบสอง แคว้นเที่ยนฉี่โดนตีแตกและโดนเผ่าต๋าต๋าเผาเมืองจนราบ โหยวเหมี่ยวกับพรรคพวกขี่ม้าหนีออกจากเมือง ท่ามกลางหิมะที่ตกหนักจนมาถึงตีนภูเขาเจียงจวิน ก็มาเจอะทหารกำลังต่อสู้กับทหารเผ่าต๋าต๋า แต่ก้อสู้ไม่ไหวทั้งหมดหันม้าพากันหนีไปทางตะวันตก แต่ก้อเจอะทหารเผ่าต๋าต๋าแยกสายกันเข้าโอบล้อมจนเขาโดนกระชากตกจากหลังม้าจนสลบไป

เวลาผ่านไปยาวนาน โหยวเหมี่ยวฟื้นขึ้นมาด้วยความหนาวและโดนกระบองฟาดทุบตีเขาจนต้องตื่น ฉับพลันเขาได้ยินเสียงจ้าวเฉาตะโกนบอกให้เขาอย่าวู่วาม โหยวเหมี่ยวลืมตาเห็นตัวตัวเองโดนขังในกรง รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนชายหญิงเด็กและคนแก่ ทังหมดโดนทหารเผ่าต๋าต๋ารังแกทุบตี ไม่ก้อยืนปัสสวะรดใส่ จนทุกคนตัวเหม็นคลุ้งไปหมด ยิ่งใครส่งเสียงร้องก้อจะยิ่งโดนทุบตีจนตาย ทาสเชลยทั้งหมดกำลังโดนขนย้ายออกนอกด่านเพื่อนำขึ้นไปทางเหนือ ทั้งหวังจะเอาพวกเขาเป็นตัวประกันเพื่อส่งจดหมายเรียกเงินค่าไถ่ตัวกลับบ้านด้วย อากาศหนาวเย็นเฉียบจนโหยวเหมี่ยวรู้สึกเหนื่อยเพียลง่วงนอนจนลืมตาจะไม่ขึ้น ก้อมีเสียงจ้าวเฉาตะโกนบอกเขามาอย่าหลับให้ฝืนทนไว้ เพราะถ้าหลับก้ออาจตายเพราะความเย็นนั่นได้

ผ่านไปอีกหลายวันขบวนเชลยเริ่มหยุดขบวน พวกทหารเผ่าต๋าต๋าบังคับให้ทุกคนออกมานั่งคุกเข่าเอาเชือกมามัดโยงทุกคนไว้จากนั้นยังใช้แส้เฆี่ยนตีด่าท่อพวกเขา โหยวเหมี่ยวเหลือบไปเห็นจางเอ่อร์อยู่ไม่ไกลที่โดนทุบตีจนเกือบหมดสติ โหยวเหมี่ยวเลยเดินไปหาเลยรู้ว่าขบวนผู้อพยพของจางเอ่อร์ที่จะหนีไปเจียงหนานโดนเผ่าหูโจมตีที่อำเภอฮั่นอิน พวกท่านอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวงล้วนโดนฆ่าตายหมด หนังสือตำราที่ขนไปก้อโดนเผาทิ้งทำลาย...ได้แต่เศร้าใจในชะตากรรม ไม่นานเชลยทั้งหมดโดนบังคับให้ลุกเดินเป็นสองขบวน จ้าวเฉาจงใจเดินมาใกล้แนวเดินของโหยวเหมี่ยวเพื่อกระซิบคุยกัน จ้าวเฉาถามว่าตอนหนีเขาสั่งให้ทหารพาน้องเหมี่ยวลงทางใต้ ทำไมถึงหนีมาทางภูเขาเจียงจวิน น้องเลยบอกว่าประตูจูเชวี่ยโดนข้าศึกปิดล้อมทำให้หนีออกไปไม่ได้...จ้าวเฉาถึงกับล้ม เพราะหมายความว่าคนที่หนีไปทางนั้นคงตายหมดซึ่งก้อคือทางหนีของอดีตฮ่องเต้แล ฮ่องเต้จ้าวจั๋วนะเอง

ระวังเดินทางก้อมีคนเริ่มคิดว่าที่เมืองหลวงแตกเป็นเพราะหลี่เหยียนทรยศ มีแต่เสียงก่นด่าหลี่เหยียนดังไปหมด ทั้งหมดโดนทหารเผ่าต๋าต๋าทุบตีก่อนจะโยนแผ่นแป้งให้พวกเขากินประทังชีวิตเพื่อจะนำพวกเขาไปเมืองต้าอัน เมืองหลวงของเผ่าต๋าต๋า เชลยทั้งหมดนั่งล้อมวงกินแผ่นแป้งพร้อมล้อมพิงกองไฟบรรเทาความหนาวเย็นของอากาศ ทุกคนต่างคิดถึงจะแก้เหตุการณ์นี้ยังไงดีตอนนี้บ้านเมืองกำลังล่มสลายขาดผู้นำแคว้นขนาดนี้ แต่จ้าวเฉาคิดว่าที่แคว้นใต้ยังมีกองทัพเจียงหนานหกมณฑล ต่อให้ชาวต๋าต๋าแกร่งแค่ไหนก้อไม่มีทางข้ามไปถึงแม่น้ำฉางเจียงแน่ๆ โหยวเหมี่ยวพูดเสริมว่ายังมีอาจารย์ซุนอวี๋อยู่ เขาจะต้องรวมกำลังพลอาสาเพื่อควบคุมจัดการแคว้นเที่ยนฉี่ให้อยู่ในควาสงบแน่ๆ ทุกคนถึงได้มีทีท่าสงบลง

ตกดึกจ้าวเฉาแอบกระซิบกับโหยวเหมี่ยวว่าจะหาทางหลบหนีจากขบวนเชลยออกไปให้ได้ ทั้งคู่เริ่มวาดแผ่นที่หาตำแหน่งเมืองที่จะหลบหนีสรุปได้ที่ด่านหลันกวน เมื่อถึงด่านก้อจะชิงม้าแล้วขึ้นขี่หนีไปตามทางภูเขาวิ่งตามเส้นทางหลวงเพื่อลงไปเจียงหนาน ตอนนี้ห้ามบอกใคร ไว้ถึงเวลาค่อยบอกแล้วหาคนสมัครใจหนีก้อพอ เช้าวันต่อมาทุกคนโดนบังคับให้เดินทางต่อไป

หลายวันผ่านมาใกล้ถึงด่านหลันกวน ในตัวเมืองหน้าด่านล้วนถูกเผาไหม้จนเหลือแต่ตอดำๆ พวกเชลยถูกผลักให้เข้าไปพักในหมู่บ้านร้าง มีทหารต๋าต๋าเฝ้าไม่กี่คน จวนเที่ยงคืนจ้าวเฉามองเขาแล้วส่งสัญญาณเตรียมลงมือ จ้าวเฉาเอามีดสั้น(ของโหยวเหมี่ยวที่หลี่เหยียนให้ไว้นะเอง)มาตัดเชือกให้โหยวเหมี่ยว แล้วไปช่วยจางเอ่อร์ ทั้งหมดพร้อมเล่นละครทะเลาะกันเพื่อให้ทหารยามต๋าต๋าเข้ามาดู จากนั้นทั้งหมดก้อลุกไปฆ่าทหารยามต๋าต๋าไปสองคน จากนั้นต่างช่วยกันปลดเชือกเชลย จ้าวเฉาลุกไปปลดเสื้อผ้าทหารยามต๋าต๋ามาใส่ แล้วจุดไฟเผาบ้าน จากนั้นทั้งหมดเตรียมไปชิงม้าเพื่อขึ้นขี่หลบหนี โหยวเหมี่ยวขึ้นม้าได้แล้วก็ดึงจ้าวเฉาให้ขึ้นมานั่งด้วยกันควบหนีทันที แต่หนีได้ไม่นานทหารต๋าต๋าก้อควบม้าตามมาไล่จับพร้อมยิงธนูสกัด พวกเขาไม่มีอาวุธตอบโต้ได้แต่ควบม้าหนีตาย แต่น้องเหมี่ยวโชคร้ายโดนยิงธนูปักไหล่จนตกม้าลงมา จ้าวเฉาได้แต่ตะโกนเรียกเขาแต่ม้ายังคงวิ่งต่อไป ส่วนโหยวเหมี่ยวได้แต่นอนมองจ้าวเฉาขี่ม้าจากไป ตัวเองเองโดนทหารต๋าต๋าทุบตีลากกลับไปค่ายเชลยอีกครั้ง

โหยวเหมี่ยวฟื้นอีกครั้งเพราะกำลังโดนทรมานจนใกล้หมดลมหายใจ เพราะเขาอยู่ในกลุ่มเชลยที่คิดหลบหนีออกไป ตอนนี้เขากำลังโดนแขวนคอก้อมีเสียงขอร้องขอชีวิตเขาไว้ พร้อมโขกศรีษะจนแตกเลือดไหลแดงบนพื้น โหยวเหมี่ยวโดนปล่อยลงพื้น เขาถึงได้เห็นว่าคนที่ร้องขอชีวิตให้เขาคือหลี่เหยียนนะเอง จากนั้นเมื่อหันไปมองอีกก้อพบอดีตฮ่องเต้และ ฮ่องเต้จ้าวจั๋วคุกเขาต่อหน้าแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ จากนั้นโหยวเหมี่ยวก้อสลบไปสามวัน

โหยวเหมี่ยวฟื้นเพราะเสียงกระซิบของหลี่เหยียน ตัวเขาเองโดนขังคุกอยู่ ทั้งคู่กระซิบคุยกันโหยวเหมี่ยวถึงรู้ว่าตอนนี้ตังเองอยู่ที่เมืองต้าอันเรียบร้อยแล้ว หลี่เหยียนมาสอบถามข่าวถึงองค์ชายสามว่ายังอยู่รอดหรือไม่ จากนั้นหลี่เหยียนก้อโยนแผ่นแป้งให้เขาไว้กินประทังชีวิตต่อ โหยวเหมี่ยวดีใจแอบคิดว่าตอนนี้จ้าวเฉาน่าจะรอดแน่ๆ

เช้าวันต่อมา โหยวเหมี่ยวโดนจิกหัวลากตัวพามาที่ลานสนามซ้อมรบของเมืองต้าอัน เขาโดนจับไปรวมกลุ่มกับขุนนางที่โดนต้อนมาจากเมืองหลวง ในที่สุดโหยวเหมี่ยวก็รู้แล้วว่าพวกขุนนางกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่หลบหนีออกจากมืองไปก่อนคืนวันที่เมืองหลวงแตกนะเอง จ้าวเฉาเห็นฮ่องเต้จ้าวจั๋วคิดหลบหนี เขาถึงได้สั่งทหารตัวเองให้หาโหยวเหมี่ยวแล้วพาเขาหลบหนีออกจากเมืองแต่ทุกคนก้อหนีไม่พ้นโดนจับกุมมาหมด ตอนนี้แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์มานั่งที่กลางสนามรบ พร้อมให้เล่าเชื้อพระวงค์โขกคำนับ เริ่มแต่อดีตฮ่องเต้ที่ก้มกราบโขกคำนับอย่างไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆจากนั่นถึงจะได้รับแผ่นแป้งโยนมาให้กิน พวกเหล่าทหารชั้นต่ำล้วนหัวเราะขบขันสนั่น จนมาถึงตาฮ่องเต้จ้าวจั๋วก้มกราบโขกคำนับ โหยวเหมี่ยวโกธรจนตัวสั่นจนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาด่าท่อฮ่องเต้จ้าวจั๋ว ว่าบ้านเมืองล่มสลายแม้กระทั้งความหยิ่งในศักดิ์ศรีก้อตายไปด้วยรึไง

สรุปกลุ่มเชลยเงียบกริบ มีแต่เสียงหัวเราะของแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ โหยวเหมี่ยวกล่าวอย่างมั่นใจองค์ชายสามหนีไปได้แล้ว เขาจะกลับมาแก้แค้นให้เรา ถ้าจะตายก้อควรจะตายอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่ามีชีวิตรอดอย่างน่าสมเพจแบบนี้ แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์สั่งให้เขาคุกเข่า แต่โหยวเหมี่ยวปฎิเสธจะก้มหัวให้พร้อมด่าท่อ น้องเหมี่ยวเลยโดนทหารรุมทุบตีจนล้มพร้อมจับแขนกางเอาหอกแทงมือน้อง...เพื่อบังคับให้น้องคุกเข่าโขกคำนับ แต่น้องยังคงปฎิเสธเลยโดนแส้พาดจนเลือดอาบไปทั้งตัวจนน้องสลบไปคากองเลือด ถึงโดนลากเอาตัวไปขังต่อ น้องโดนทรมานต่อหน้าเชื้อพระวงค์และเหล่าขุนนางที่นั่งดูเฉยๆ(อ่านแล้วน้ำตาจะไหลสงสารน้องจริงวุ้ย)

น้องโหยวเหมี่ยวฟื้นขึ้นมาเพราะเสียงหลี่เหยียนมาปลุก น้องทรมานจนแทบขยับตัวไม่ได้ หลี่เหยียนเข้ามากล่อมว่าเขาอย่าไปแข็งขืน ให้อดทนเพื่อรอวันกลับไปล้างแค้นที่หลังก้อได้ แต่โหยวเหมี่ยวผิดหวังกับฮ่องเต้อ่อนแอโง่เขลา ไม่เคยคิดจะลุกสู้ เอาแต่หนีหาทางเอาตัวรอดอย่างเดียว เขาไม่มีทางจะก้อหัวยอมรับใช้คนแบบนี้อีกต่อไป แต่ยังพูดไม่ทันจบ น้องโหยวเหมี่ยวก้อโดนทหารลากออกไปกลางสนามซ้อมรบอีกครั้ง คราวนี้โดนจับใส่ถุงกระสอบแล้วเอาท่อนเหล็กทุบตี...หน้องคิดว่าตัวเองคงใกล้จะตายแล้ว ทหารจับน้องมัดเชือกติดม้า กะทรมานให้ม้าลากวนกลางสนามจนตาย น้องโหยวเหมี่ยวนอนแหงนมองฟ้าดีใจที่จะได้หลุดพ้นจากความทรมานเสียที...เสียดายแค่ก่อนจะตายก็ยังไม่อาจได้พบหน้าหลีจื้อเฟิงอยู่ดี(อ่านแล้วตาร่วง)

อยู่ๆม้าก็หยุดวิ่ง ท่ามกลางสติเลือนรางน้องเหมี่ยวได้ยินเสียงว่ามีคนบอกว่ามาตามหาทาสชาวฮั่น พวกทหารจิกหัวน้องเหมี่ยวขึ้นมา ก้อมีเสียงตอบรับว่าใช่ ทาสคนนี้แหละที่ตามหาฝากขอบใจแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ด้วย จากนั่นน้องโหยวเหมี่ยวก้อรู้สึกว่าตัวเองโดนห่อด้วยผ้าน่วมและถูกอุ้มพาออกไป น้องรู้แล้วว่าคนที่มาช่วยคือพี่หลีจื้อเฟิงนะเอง(อ่านมาอีกเกือบสองร้อยหน้า..กว่าพี่เฟิงจะโผล่ตัวมาเฮ้อ)

ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวค่อยๆได้สติ แต่ยังพูดไม่ได้ น้องเห็นพี่หลีจื้อเฟิงกำลังป้อนแกงโสมใส่ปาก ที่คอก้อมีจี้หยกโชคดีที่น้องเหมี่ยวเคยมอบให้พี่หลีจื้อเฟิงใส่ไว้ เมือตอนที่พามารักษาตัวที่ห้องนอนเขา ตอนนี้พี่หลีจื้อเฟิงเข้ามาเกาะกอดตัวน้องไว้แน่นจนตัวสั่นสะท้านด้วยความปวดใจ จนน้องต้องบอกว่าตอนนี้ตัวน้องสกปรกมาก พี่หลีจื้อเฟิงเลยถอดเสื้อผ้าทำความสะอาดให้น้องเหมี่ยวเสร็จแล้วก้อป้อนยาต่อจนน้องเหมี่ยวหลับไป

น้องโหยวเหมี่ยวตื่นมาด้วยความระบมจนต้องครางออกมา พี่หลีจื้อเฟิงก้อรีบวิ่งมาดูน้องพร้อมอุ้มโอบน้องเหมี่ยวมากอดแนบอก พร้อมถามว่าน้องเหมี่ยวดีขึ้นบ้างรึยัง น้องเหมี่ยวว่าดีขึ้นแล้วแล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่ายังอยู่ท่ามกลางกองทัพ น้องเหมี่ยวแค่เห็นพี่เฟิงก้อรู้สึกปลอดภัย เลยบ่นว่าตัวเองหิวแล้ว555 พี่เฟิงเลยไปทำน้ำแกงโสมใส่เนื้อแห้งให้น้องกิน น้องเลยถามพี่เฟิงว่ามาหาน้องเจอะได้ยังไง พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าเขามาเส้นทางใต้ แต่เจอะชาวหูทำลายสะพานแถมเผาเรือ พี่เฟิงเลยเปลี่ยนไปใช้เส้นทางเหนือแล้วหาทางหลบพวกเผ่าต๋าต๋า กว่าจะถึงเมืองหลวงก้อปาไปวันที่ยี่สิบเก้า เมืองหลวงโดนเผาโดนยึดไปแล้ว ตอนนั้นพี่เฟิงเกือบจะคลุ้มคลั่งแล้วก็พอดีเจอะนิมิตเทพหมาป่า บอกว่าพวกน้องอยู่ทางเหนือ พี่เฟิงเลยตามขึ้นเหนือมาจนพบน้อง น้องเหมี่ยวนั่งน้ำตาไหล ตัดพ้อว่าวันนั้นน้องไม่อยากให้พี่เฟิงไปแต่พี่เฟิงก้อตัดสินใจกลับไปเอง...(โธ่น้องเหมี่ยวเอ้ยห่างหายจากแฟนไปครึ่งปี..ตอนนี้แฟนมาตามหาจนรอดตายก้อดีแล้วน่า) จากนั้นน้องก้อถามพี่เฟิงไปทำไรมาถึงขาหัก สรุปพี่เฟิงตกน้ำแต่ว่ายน้ำไม่เป็น เลยโดนน้ำซัดไป น้องเลยขำพี่เฟิง

ผ่านไปหลายวันน้องโหยวเหมี่ยวอาการดีขึ้น ได้อยู่กับพี่เฟิงยิ่งรู้สึกอบอุ่นใจ น้องพยายามหาวิธีหนีแหกค่าย แต่พี่เฟิงบอกให้ใจเย็นๆต้องรอหาโอกาสก่อน ตอนนี้น้อง เริ่มประมวลข้อมูล ถึงได้รู้ว่าพี่เฟิงนั้นรู้จักกับแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ แล้วพี่เฟิงยังเป็นองค์ชายสามชื่อองค์ชายซาน่าตัวของเผ่าเฉวี่ยนหรงอีก...

หลังจากที่น้องเหมี่ยวอาการดีขึ้นมากแล้ว น้องก้อส่งสัญญานว่าน้องคิดถึงพี่เฟิมมากจะตายแล้ว พี่เฟิงจัดการทันที(ที่สำคัญตอนที่พวกเขากำลังซั่มกัน) อีแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ดันโผ่ลมาขัดจังหวะอีก(โธ่น้องเอ๋ย)  น้องเหมี่ยวเลยโดนพี่เฟิงแกล้งตบหน้าแล้วจิกใช้เยี่ยงทาส(แต่พี่เฟิงที่จริงแสนปวดใจ) แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ตามให้พี่เฟิงไปคุยที่กระโจม พี่เฟิงเลยต้องพกน้องเหมียวไปด้วย ระหว่างทางน้องเหมี่ยวพยายามจดจำเส้นทางไปด้วย

จากการเข้าไปนั่งฟังพี่เฟิงคุยกับแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์นั่น ก้อได้พบกับองค์หญิงแคว้นเที่ยนฉี่จนถึงหลินซาหลิงและเมียหลี่เหยียนด้วย ทุกคนกลายมาเป็นนางกำนัลในค่ายแทน ระหว่างที่พวกนางมาเติมเหล้า หลินซาหลิงก้อเข้ามากระซิบพร้อมแอบให้เขาดูมีดสั้นที่นางแอบซ่อนไว้ใต้แขน หลังจากนั้นนางก้ออกไปร่ายรำที่กลางลานต่อ ฟี่เฟิงเห็นเลยถามว่าใคร น้องเหมี่ยวเลยบอกว่านางเป็นหญิงที่หอทิงอวี่คงกำลังวางแผนจะฆ่าแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ พี่เฟิงเลยบอกว่ายาก ขนาดพี่เฟิงยังไม่มั่นใจว่าจะล้มเขาได้เลย

หลังจบงานเลี้ยงพวกขุนพลทหารต๋าต๋าต่างก้อลากหญิงงานกลับกระโจมตัวเอง...น้องเหมี่ยวได้แต่ปวดใจ แต่จู่ๆแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ก้อถามถึงตัวน้องเหมี่ยวว่าพี่เฟิงไปหามาจากไหน พี่เฟิงเลยบอกว่าน้องเหมี่ยวมีฝีมือปรนนิบัติดีแถมมีฝีมือชงชา พี่เฟิงเลยให้น้องเหมี่ยวโชว์ฝีมือชงชา แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เลยสั่งให้ลุกน้องไปเตรียมอุปกรณ์ชงชา ระหว่างนั้นแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ก้อชวนให้พี่เฟิงกลับเผ่า เพื่อไปยึดตำแหน่งราชาคืนจากพี่ชาย แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะมอบทหารห้าร้อยนายให้ไปช่วยรบ แต่พี่เฟิงบอกไม่พอ ว่าแค่ห้าร้อยไว้ฆ่าคนได้แต่สยบคนไม่ได้ พี่เฟิงเลยยังไม่ตกลง จากนั้นจึงแยกย้ายกลับกระโจม ระหว่างทางเดินกลับ น้องเหมี่ยวเดินสะดุดเกือบล้ม พี่เฟิงก้อโอบน้องเดินจากนั้นก้อโน้มหลังให้น้องขึ้นไปขี่หลัง(....แมน...น...มาก...ก)

ระหว่างนั่งบนหลังพี่เฟิง น้องเหมี่ยวเริ่มคิดถึงประวัติเผ่าต๋าต๋า ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าเผ่าต๋าต๋าเกิดจากหารรวมตัวของหลายหมู่บ้าน คนที่จะได้ขึ้นครองเป็นกษัตริย์ไม่ได้รับการสืบทอดจากพ่อถึงลูก แต่จะดูว่าหมู่บ้านไหนได้รับการสนับสนุนจากคนนอกเผ่า ตอนนี้กษัตริย์เผ่าต๋าต๋าล่าสุดคือหูรื่อฉาใกล้จะตายแล้ว ตอนนี้น่าจะมีปัญหาของผู้สืบทอดบัลลังก์ ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรกับแผนการรบของแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์รึป่าว แต่พี่เฟิงกลับบอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการวางแผนของหูรื่อฉาต่างหาก

ตอนนี้น้องเหมี่ยวเปิดใจอ้อนพี่เฟิงว่านางอยากกลับบ้าน แล้วพี่เฟิงอยากกลับบ้านที่เผ่าเฉวี่ยนหรงไหม พี่เฟิงบอกเผ่าเฉวี่ยนหรงไม่มีบ้าน น้องเลยบอกว่าเหมือนถึงกลับไปอยู่เผ่าตัวเอง น้องเหมี่ยวบอกถ้าพี่เฟิงจะกลับไปที่เผ่าน้องก้อไม่ห้าม เพราะมะก่อนน้องไม่รู้ว่าพี่เฟิงเป็นถึงองค์ชาย พี่เฟิงเลยถามกลับว่าแล้วถ้ารุูว่าเปนองค์ชายเล่า น้องบอกไม่รู้เหมือนกันอาจจะทำตัวเหมือนเดิมอยู่ดี555 ตอนนี้น้องเป็นชาวฮั่น พี่เป็นคนเผ่าเฉวี่ยนหรงแต่ตัวน้องไม่เคยคิดว่าพี่เป็นทาสเลย ซีนสวีต น้องเหมี่ยวรำพันว่าตั้งกะที่ช่วยพี่เฟิง น้องก้อไม่คิดถึงเรื่องนายบ่าวทาสอะไรนี่ ยิ่งตอนกลับไปเจียงหนานด้วยกัน ข้างกายน้องมีแต่พี่เฟิงคนเดียว นอกจากพี่เฟิงแล้วน้องก้อไม่มีใคร ตอนไปสอบที่เมืองหลวงก้อคิดว่า...พี่เฟิงยิ้มแซวว่าพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง น้องเลยบอกว่าตอนอยู่เมืองหลวง น้องคิดว่าชั่วชีวิตนี้ คงจะอยู่ห่างจากพี่เฟิงไม่ได้แล้ว น้องชอบพี่เฟิงถึงขั้นอยากแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป พี่เฟิงฟังหน้านิ่งน้ำตาซึมเชียว ใกล้ถึงกระโจมแล้วพี่เฟิงปล่อยน้องลงเดินเข้ากระโจมไป พี่เฟิงตอบน้องเหมี่ยวว่าเจ้าไปเถอะ แต่น้องเหมี่ยวก้าวเข้าไปกอดเอวพี่เฟิงแล้วตอบว่าไม่  น้องเหมี่ยวบอกว่าจะไม่เหนี่ยวรั้งพี่เฟิงถ้าพี่เฟิงอยากกลับเผ่า แต่น้องเหมี่ยวเป็นบุรุษ ความแค้นของชาติบ้านเมืองมิอาจไม่แก้แค้นได้ พี่เฟิงบอกว่าพี่รู้แล้ว(ตอนนี้กลายเป็นปัญหารักข้ามเผ่าพันธ์ไปสะแล้ว)

กลับถึงกระโจมต่างก็นอนกอดกัน จู่ๆพี่เฟิงก้อพูดว่าพี่ชายเขาอยากฆ่าเขา ตอนนั้นถึงขั้นวางกับดักส่งพี่เฟิงไปอำเภอเมิ่งเหอจนปะทะกับชาวฮั่น จนถูดจับเป็ยเชลยแล้วส่งขายเป็นทาส วันที่น้องเหมี่ยวปล่อยพี่เฟิ้งที่เมืองเหยียนเปียน ถ้าพี่เฟิงกลับเข้าเผ่าแล้วพี่ชายรู้เขาต้องโดนสั่งฆ่าแน่นอน สรุปพี่เฟิงยังกลับไม่ได้อยู่ดี...

ก้อพอดีสะใภ้ถังเมียหลี่เหยียนเข้ามาเพราะโดนสั่งให้เขามารับใช้พี่เฟิง สะใภ้ถังเข้ามาบอกแผนการฆ่าสังหารขุนพลทหารต๋าต๋าในคืนนี้ และมาขอร้องให้น้องโหยวเหมี่ยวหาวิธีช่วยเหลือหลี่เหยียนสามีนางด้วย พร้อมได้มอบจดหมายเลือดของตัวเอง ก่อนเดินออกจากกระโจมไป แต่น้องเหมี่ยวกลัวนางจะเดินไปหาเรื่องตาย เลยให้พี่เฟิงสับคอนางจนสลบไปแทน ไม่นานเริ่มมีเสียงแผดร้องดังมาจากที่ไกลๆ พี่เฟิงเลยออกไปดูลาดเลา สรุปแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ปลอดภัยแต่สาวงามตายแทน

วันรุ่งขึ้นน้องโหยวเหมี่ยวก็เริ่มวางแผนหลบหนี พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าน่ารอให้แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เดินทางไปเมืองเหยียนเปียนก่อน เพราะถ้าแม่ทัพไป กองทัพใหย่ย่อมเคลื่อนพลไปด้วย แล้วค่อยหาทางหลบหนี น้องโหยวเหมี่ยวเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ พี่เฟิงเลยบอกว่าแม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะให้ไปพบหูรื่อฉา เพื่อให้เขาเป็นคนนำทัพไปบุกเมืองเจียงโจว น้องโหยวเหมี่ยวได้ฟังถึงกับอึ้งใจสั่น แต่พี่เฟิงบอกว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจ ตอนนี้พี่เฟิงรู้ตำแหน่งที่คุมขังของหลี่เหยียนละ พี่เฟิงจะพาน้องเหมี่ยวไปดู พร้อมบอกว่ตอนแรกพี่เฟิงจะพาน้องเหมี่ยวหนีไปคนเดียวก่อนที่แม่ทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะกลับมา แต่ดูจากตอนนี้แล้วคงต้องเปลี่ยนแผนเพราะน้องเหมี่ยวคิดช่วยพาเพื่อนหนีออกมาด้วย

ที่หลังเขาลูกหนึ่งทาสเชลยชาวฮั่นโดนสั่งให้ขนศฟชาวฮั่นที่ตายไป โยนลงหลุมเพื่อรอการจุดไฟเผาร่างทิ้ง น้องเหมี่ยวเห็นเหล่าบรรดาคุณชายที่รู้จักโดนใส่โซ่ตรวน พร้อมโดนสั่งให้ทำงานหนักจนเนื้อตัวมอมแมมสกปรก น้องเหมี่ยวเลยถามพี่เฟิงยังแค้นหลี่เหยียนอยู่หรือป่าว พี่เฟิงบอกไม่ได้แค้นอะไร น้องเหมี่ยวว่างั้นจะช่วยพวกเขาได้ไหม พี่เฟิงก้อบอกว่าได้(ตามใจเมียละเกิน...น) น้องเหมี่ยวเลยให้พี่เฟิงดูต้นทาง ส่วนตัวเองลงไปหาเพื่อนๆ น้องเหมี่ยวเอากำไลหยกให้หลี่เหยียน แล้วบอกว่าพี่เฟิงกำลังคิดหาวิธีหนีอยู่ แต่หลี่เหยียนบอกว่าต้องมีม้าเพื่อให้ม้าวิ่งพาหนีทั้งวันทั้งคืนเพื่อออกทางด่านเจิ้งเหลียง ออกไปทางตงเหลียง ไม่งั้นหนีไม่พ้น น้องเหมี่ยวเลยนัดเวลาพรุ่งนี้ยามสามจะหาวิธีขโมยม้ามา แต่หลี่เหยียนบอกว่าเขาไม่ได้ถูกขังกับผิงซี ให้พวกเขาหนีไปก่อน น้องเหมี่ยวเลยบอกจะให้พี่เฟิงไปขอตัวหลี่เหยียนไว้ใช้งาน จากนั้นแยกย้ายกันไป

พี่เฟิงหันมามองน้องแล้วถามว่า นี่พี่ต้องช่วยคนทั้งหมดนี้ใช่ไหม?(555) น้องเหมี่ยวเลยให้พี่เฟิงแยกไปขโมยม้า น้องเหมี่ยวไปช่วยผู้ชายที่ถูกขังคุก แล้วพี่เฟิงตามไปช่วยเชลยผู้หญิงแล้วนัดเจอะกัน คืนนั้นทั้งคู่กินข้าวเย็นด้วยกัน แต่น้องโหยวเหมี่ยวรู้สึกเศร้าจนกินไม่ลง เพราะหลังมื้อนี้ที่ทั้งคู่อาจจะต้องแยกจากกันชั่วชีวิต พี่หลีจื้อเฟิงเองก้อนั่งเงียบไป สุดท้ายก็ดึงตัวน้องเหมี่ยวเข้าไปกอด น้องโหยวเหมี่ยวถอดสร้อยหยกโชคดีกลับไปใส่ข้อมือให้พี่หลีจื้อเฟิง บอกว่าพี่เฟิงต้องออกไปช่วยคนน้องเหมี่ยวกลัวพี่เฟิงจะเป็นอันตราย พี่หลีจื้อเฟิงตาแดงกล่ำ จากนั้นทั้งคู่ก้อแยกย้ายไปลงมือ พี่เฟิงไปขอตัวหลี่เหยียนตามแผน แต่เขาโดนทุบตีจนแทบยืนไม่ไหว ได้ขอร้องให้น้องเหมี่ยวไปช่วยนางถังเมียตัวเอง แต่น้องเหมี่ยวบอกว่าช่วยไม่ไหวจริงๆไม่งั้นแผนหนีจะพังกันไปหมด ระหว่างนั้นก้อมีเสียงผิวปากส่งสัญญาณต้องรีบไปแล้ว  น้องเหมี่ยวให้หลี่เหยียนเปลี่ยนใส่ชุดทหารต๋าต๋า

จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวพี่เฟิงไปแอบแหกคุกช่วย เพื่อนออกจากห้องขังนักโทษชาย จากนั้นพากันวิ่งไปที่โรงม้าที่ขโมยมาได้ยี่สิบตัว ทุกคนรีบขึ้นม้า ในตอนนี้เพิ่งเห็นว่าหลี่เหยียนโดนตีจนขาหัก เลยต้องตัดไม้เอาไปด้ามกระดูกชั่วคราวก่อน ตอนนี้พร้อมหนีละ แต่บางคนอยากพาผู้หญิงหนีไปด้วยจนทะเลาะกัน แต่สุดท้ายกลายเป็นพี่เฟิงที่กลับมาเลือดท่วมตัว เพราะไปช่วยพวกผู้หญิงออกมาได้ส่วนหนึ่ง ถึงได้เริ่มต้นเฆี่ยมม้าหลบหนีกันสุดชีวิต พี่หลีจื้อเฟิงบอกจะไปส่งน้องเหมี่ยวจนถึงด่านหลันกวน ทั้งหมดบังคับม้าวิ่งทั้งวันทั้งคืน จู่ๆพี่เฟิงหยุดม้าเพราะเห็นบนฟ้ามีเหยี่ยวของพวกต๋าต๋าบินวนดูอยู่ เลยให้ทุกคนแอบหลบ และถือโอกาสนั่งพัก หลังจากนั่นพี่เฟิงจะแยกออกไปหลอกล่อพวกทหารต๋าต๋า เพื่อให้พวกน้องเหมี่ยวหนีไปต่อ...ก่อจะจากไป น้องเหมี่ยวลงจากหลังม้า พร้อมก้มลงคุกเข่าโขกคับนับคารวะพี่เฟิง พวกคนอื่นๆที่เห็นต่างก้อลงจากหลังม้า เพื่อโขกศรีษะคำนับขอบคุณพี่เฟิงสามครั้งด้วย จากนั่นทุกคนเตรียมขึ้นม้าหนีตายกันต่อ จากนั้นพี่หลีจื้อเฟิงแผดเสียงคำรามดุจหมาป่าโหยหวนดังก้องกังวาน น้องโหยวเหมี่ยว ขี่ม้านำทุกคนมายังด่านหลันกวน ส่วนพี่เฟิงขี่ควบไปบนที่สูงเพื่องยิงธนูฆ่าเหยี่ยว แต่ถูกพวกกองทหารต๋าต๋าตามไล่สังหาร

นอกด่านหลันกวน น้องโหยวเหมี่ยวหาที่หลบได้ที่ถ้ำในหุบหนึ่ง ปล่อยให้ม้าได้พักกินหญ้า ส่วนคนก้อกองไฟล้อมหาความอบอุ่น พวกผู้หญิงนั่งด้านในถ้ำ พวกผู้ชายเฝ้าปากถ้ำ หลี่เหยียนขาม่วงช้ำนอนอยู่ข้างกองไฟ เขาร่ำไห้ออกมาจนเสียงดังสะท้านไปทั้งถ้ำ สุดสะเทือนใจเพราะกำไลนั้นเป็นของหลิวซาหลิง นางถังภรรยาตัวเองที่โดนข่มเหงย่ำยี แต่ไม่อาจช่วยเหลือนางได้อีก น้องโหยวเหมี่ยวได้แต่โอบกอดหลี่เหยียนเอาไว้ พลางคิดแผนหนีพรุ่งนี้ที่จะต้องหนีข้ามแม่น้ำหวงเหอ ผ่านภูเขาเจียงจวิน ยังแม่น้ำฉางเจียงเพื่อจะไปให้ถึงเจียงหนาน จนเขาผล่อยหลับไป

อยู่ๆผิงซีก้อเข้ามาปลุกน้องโหยวเหมี่ยว บอกว่าเหมือนจะมีทหารต๋าต๋าอยุ่แถวนี้ น้องเหมี่ยวรีบลุกไปแอบส่องดู บอกว่าน่าจะเป็นเผ่าหูมากกว่า เลยตกลงตัดสินใจยังไม่ขยับหนีวันนี้  เพื่อรอหนีในพรุ่งนี้อีกที ตอนนี้ทุกคนเริ่มเหนื่อย ล้มป่วยเป็นไข้ แต่ต้องแข็งใจเพราะต้องขี่ม้าข้ามเขาฉินหลิ่งอีกสามวัน จนถึงตีนเขาก้อได้ยินเสียงต่อสู้ข้างหน้า น้องโหยวเหมี่ยวให้คนอื่นหลบซ่อนตัวก่อน ส่วนตัวเองจะออกไปดูลาดเลารีบ สรุปเป็นทหารเซียนเปยยี่สิบนายสู้กับทหารชาวฮั่นสิบสองนาย น้องโหยวเหมี่ยว เลยให้ผิงซีไปตามพวกผู้ชายมาช่วยชาวฮั่น โดยใช้ธนุยิงขนาบอีกด้านรบ ไม่งั้นจะพากันตายหมด ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มมออกคำสั่งให้บรรดาเพื่อนคุณชายเตรียมธนูรอยิง จากนั่นรอจังหวะทหารเซียนเปยที่กะลังไล่ตามทหารชาวฮั่น เพื่อลอบโจมตียิงใส่หลังพวกมัน จังหวะนั้นทหารชาวฮั่นก้อหันกลับไปโจมตีซ้ำ...ตอนนั้นถึงรู้ว่ากลุ่มนั่นคือกองกำลังของจ้าวเฉานะเอง

เมื่อสู้จนชนะ น้องโหยวเหมี่ยวลงจากม้า ส่วนจ้าวเฉาเดินโซเซแล้ววิ่งตรงเข้ามากอดน้องเหมี่ยวจนล้มกลิ้งตรงริมลำธาร น้องโหยวเหมี่ยวบอกว่ากลับมาแล้ว จ้าวเฉาก้อบอกว่ากลับมาก้อดีแล้ว...ในที่สุดก้อหาเจ้าจนเจอ..(อึม..เนื้อหอมมากน้องเหมี่ยว) หลังจากนั่นกองกำลัง จ้าวเฉาก้อพาทุกคนลงเขา ระหว่างทางน้องเหมี่ยวเลยได้รู้ว่า จ้าวเฉาเขารวมกำลังตามหาน้องเหมี่ยวอยู่แถวเขาฉินหลิ่นกับด่านกวนหลันตลอดมา ส่วนน้องเหมี่ยวก้อบอกว่าที่หนีได้ เพราะพี่หลีจื้อเฟิงช่วยทุกคนเอาไว้ ตอนนี้คงไม่อาจจะได้พบพี่หลีจื้อเฟิงอีกแล้ว  จ้าวเฉาก้อปลอบน้องเหมี่ยวว่าไม่แน่ ถ้าสามารถควบคุมกำลังไล่ทหารต๋าต๋าออกจากเขตแดนได้ อาจจะมีทางสืบหาพี่หลีจื้อเฟิงพบก้ออาจเป็นได้ แต่ตอนนี้ยังไม่พ้นอันตราย ขอให้ทุกคนระมัดระหว่างตัว ส่วนจ้าวเฉาได้เจอะองค์หญิงที่หนีมาได้ ก้อกอดกันร้องไห้ในชะตากรรม คืนนั้นยังค้างอยู่ตีนเขาฉินหลิ่น

เช้าวันต่อมาทหารเข้ามาปลุก บอกมีทหารไล่ตามมา ทุกคนเตรียมขึ้นมาหลบหลีลงทางใต้จนเจอเส้นทางหลวง มองท้องฟ้าไม่มีเหยี่ยวแล้ว คงไม่น่าจะเจอะกับพวกทหารต๋าต๋า ทุกคนขี่ม้าลงใต้เพื่อข้ามแม่น้ำฉางเจียง

รัชศกหนานจ้าวปีที่หนึ่ง เดือนสองวันที่ยี่สิบสาม ทุกคนขี่ม้าเลียบแม่น้ำลงมาเจอะกองกำลังทหารต๋าต๋าห้าสิบคนคุมปลายแม่น้ำอยู่ พวกน้องโหยวเหมี่ยวกับจ้าวเฉาหาวิธีรับมือทหารต๋าต๋า เพราะตอนนี้ทหารฝั่งเขาที่พอสู้ได้มีสิบห้าคนที่เหลือไม่กี่คนพอสู้ได้นิดหน่อย ผิงซีไปสำรวจเจอะวัดร้างริมทาง ทั้งคู่เลยคิดวางแผนกับดักที่วัดร้างแทน โดยน้องโหยวเหมี่ยวจะเป็นคนวางกับดัก ส่วนกองกำลังจ้าวเฉาจะเป็นตัวล่อแยกย้ายไปทำงาน ตอนนั้นเองมีคนตะโกนให้ไปดูด้านบนว่ามีศฟทหารต๋าต๋านอนตายเรียงราย จากที่พวกเขาโดนทหารต๋าต๋าหนึ่งกองร้อยตามไล่ฆ่า อยู่ดีๆทหารพวกนั้นกลับทยอยตายลดลงไปเรื่อยๆ เลยยกเลิกแผนการชั่วคราวแต่พาทุกคนไปหลบที่วัดร้างแทน ตอนนี้อาหารไม่มีกิน หลี่เหยียนต้องไปขุดหารังหนู หาทุกอย่างที่พอกินได้แบ่งปันกันกิน จ้าวเฉากลับบอกน้องเหมี่ยวว่าจะออกไปหาเสบียงอาหารอาจได้กระต่ายมาสักตัว ยิ่งใกล้จะถึงที่หมายพวกของหลี่เหยียนก้อแสดงท่าทีกับจ้าวเฉาผิดแผกไป โหยวเหมี่ยวเองก้อเพิ่งนึกได้ว่าถ้ารอดถึงแดนใต้ ตอนนี้เชื้อพระวงค์ที่สามารถอัญเชิญเป็นฮ่องเต้ได้ก้อคือจ้าวเฉา  แต่ตอนนี้โหยวเหมี่ยวกลับคิดถึงพี่หลีจื้อเฟิง ถ้าให้น้องเหมี่ยวแลกได้ น้องเหมี่ยวจะยอมทุกอย่างกับการที่จะได้มีพี่หลีจื้อเฟิงอยู่ข้างกาย(..สงสารน้องจริงเน้อ)

ผ่านไปสักพัก จ้าวเฉากลับมาพร้อมถุงเสบียงของพวกทหารต๋าต๋าที่นอนตายริมแม่น้ำข้างนอกนั่น ทุกคนเริ่มเอาน้ำมาต้มแล้วใส่เนื้อแพะแห้ง หนีตายกันมาสิบกว่าวันตอนนี้ก้อมีอาหารพอต่ออายุกันได้อีกพักละ

ทันใดนั้นเองก้อมีเสียงดังที่ประตูด้านหลัง จ้าวเฉาเตรียมชักกระบี่ออกมา แต่น้องเหมี่ยวรับรู้อะไรได้บางอย่าง เลยเดินเข้าไปหาจนพบผู้ชายที่เลือดท่วมตัวคนหนึ่งที่กำลังจะล้มลง น้องโหยวเหมี่ยวร้องไห้วิ่งเข้าไปกอดรับพร้อมซบหน้าลงร่างนั้นทันที ในที่สุดพี่หลีจื้อเฟิงก้อตามมาหาน้องเหมี่ยวจนเจอะ พี่หลีจื้อเฟิงที่กรำศึกมาตลอดทาง ยกมือขึ้นแตะตัวน้องพร้อมยื่นมือที่มีเขี้ยวหมาป่าใส่มือน้องโหยวเหมี่ยว แล้วยิ้มให้น้องเหมี่ยวอย่างเหนื่อยอ่อน(ฮื่อนิยายบรรยายสะน้ำตาไหลตามเลย)

คืนนั้นพี่หลีจื้อเฟิงปิดตาหลับสนิท ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวก้อเฝ้าเช็ดคราบเลือดบนตัวพี่เฟิง พร้อมนั่งมองหน้าพี่หลีจื้อเฟิงไป ทนไม่ไหวก้อชะโงกหน้าเข้าไปจุมพิตริมฝีปากพี่หลีจื้อเฟิงไป จนพี่เฟิงรู้สึกตัวก้อยกแขนกอดน้องเหมี่ยวเข้าแนบอ้อมอกสะ จากนั่นน้องเหมี่ยวก้อนอนกอดเฝ้าพี่เฟิงทั้งคืน (ที่ทำทั้งหมดนี้ไม่ได้แคร์สายตาเพื่อนๆเลยใช่ไหมน้องเหมี่ยวของพี่...ฮือ)

พอรุ่งเช้าพวกเขาก็เตรียมตัวเดินทาง จ้าวเฉาขอบคุณพี่เฟิงที่ช่วยพวกเขา(พี่จ้าวก้อรู้ว่าถ้าไม่มีน้องเหมี่ยว พี่เฟิงหรือจะลงทุนช่วยเหลือ555) จากนั่นเริ่มต้นเดินทางออกจากเหลียงชี ข้ามแม่น้ำหวงเหอต่อไป ระหว่างเดินทางน้องเหมี่ยวก้อเกาะกอดถูไถพี่เฟิงไป ลูบไล้มือกันไปสักพักพี่เฟิงทนไม่ไหวก้อจูบสักทีแล้วกันคุยกันไป...(เพื่อนๆคงเข้าใจ555)

จ้าวเฉาวางเส้นทางเพื่อหลบเลี่ยงพวกเผ่าหู เลยวางแผนฆ่าทหารเอาชุดเผ่าหูมาใส่แล้วทำทีเป็นคนคุมเชลยมา ถ้าเจอะทหารเผ่าหูก้อให้พี่หลีจื้อเฟิงเป็นคนเจรจา จนหลบมาสองครั้ง จวนจนเข้าเขตหลิวโจว เห็นภูเขาโดนเผาไหม้ควันดำลอยกระจาย ใกล้ถึงอำเภอเพ่ยเสี้ยน ถิ่นของน้องโหยวเหมี่ยวเลยพาทุกคนไปหลบเลี่ยงเส้นทางไปทางเส้นค้าชา แล้วพาพรรคพวกไปหาที่ซ่อนตัวที่ร้านขายอาหารก่อนทางขึ้นเขาปราสาทปี้อวี่ ร้านนี้เป็นร้านที่น้องเหมี่ยวพาพี่เฟิมมากินข้าวก่อนกลับบ้านพ่อนะเอง เพียงแต่ตอนนี้คนในร้านล้วนถูกฆ่าตายจนเกลี้ยงร้านไปสะแล้ว แถมทรัพย์สมบัติโดนรื้อค้นปล้นไปหมดแล้ว พี่หลีจื้อเฟิงอุ้มร่างเถ้าแก่เนี๊ยไปฝังที่สวนหลังร้าน ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวพาทุกคนไปซ่อนที่ห้องใต้ดินของที่ร้านแทน จ้าวเฉาจัดเวรยามเฝ้าระวัง คืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยวรู้สึกใจไม่สงบแต่พี่เฟิงรู้ดีจึงเข้าไปกอดปลอบน้องเหมียวไว้ รอเช้าก่อน พวกเขาจะขึ้นไปสำรวจบนภูเขา

เช้ามาน้องโหยวเหมี่ยวบอกให้ทุกคนซ่อมตัวที่เดิมก่อน ส่วนตัวเองกับพี่เฟิงขึ้นม้าตัวเดียวกันไปเพื่อสำรวจบนภูเขา น้องโหยวเหมี่ยวเห็นไร่ชาของพ่อโดนเผาวอดวายคาตายรู้สึกเป็นห่วงพ่อและคนในบ้าน พี่เฟิงกอดน้องแน่นพลางปลอบใจ น้องเหมี่ยวเลยถามถึงพ่อแม่พี่เฟิง เลยเพิ่งรู้ว่าแม่พี่เฟิงเป็นชาวฮั่นหลังคลอดเขาไม่นานก้อตายไป

เมื่อมาถึงบ้านปราสาทเขาปี้อวี่ สภาพโดนทำลาย มีคนตายเรียงรายภายในบ้าน ส่วนห้องทั้งหลายล้วนโดนรื้อค้น น้องเหมี่ยวตะโกนเรียกหาท่านพ่อ...แต่ก้อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ในห้องของพ่อสภาพโดนรื้อกระจายแต่ไม่ศฟ น้องเลยไปสำรวจรอบบ้านก้อไม่พบพ่อ เลยคิดว่าพี่ชายโหยวนฮั่นเกอน่าจะพ่อหนีออกไปได้ทัน น้องเลยเดินย้อนไปที่ห้องพ่อ เพื่อสำรวจดูที่เก็บสมบัติพ่อแต่ไม่เจอะ คาดว่าพ่อคงเก็บเอาไปหมดแล้ว

ตอนนี้น้องก้อสบายใจละ เลยไปสำรวจทางเดินด้านหลังภูเขา ไม่พวกพวกชาวเผ่าหู ก้อไปตามทุกคนให้ออกเดินทางต่อ เพื่อออกไปทางหมู่บ้านอันลู่ ระหว่างทางกลางคืนก้อไม่กล้าจุดไฟ พยายามรีบเดินทางทั้งคืนจนกระทั้งเจอะทหารกลุ่มใหญ่ที่เดินสวนทางมาด้านหลัง พวกโหยวเหมี่ยวเลยเข้าไปหลบซ่อนตัวก่อน  ก้อพลันได้ยินเสียงคนพูดภาษาชาวฮั่น จ้าวเฉาเลยเข้าไปแสดงตัว แต่เจอะทหารเอาธนูเล็งมาพร้อมร้องสั่งให้วางอาวุธ ก้อพอดีทหารคนนั้นกลายเป็นคนรู้จักของผิงซี เลยโชคดีได้เจอะพวกเดียวกันสะที

หวังหย่งคือลูกน้องเก่าผิงซี เลยรายงานองค์ชายสามว่าตอนนี้แม่ทัพเนี่ยตันกำลังออกไปต้านศึกที่แนวหน้า คืนนี้พวกเขาเตรียมลอบโจมตีค่ายทหารชาวเจี๋ย จากข่าวนี้สร้างความยินดีให้กับทุกคน โดยเฉพาะจ้าวเฉาต้องการพบแม่ทัพเนี่ยตันด่วน

หวังหย่งนำทางเดินไป ก้อเล่าไปว่า ชาวหูห้าชนเผ่ารุกรานเข้ามาที่แม่น้ำฉางเจียง เวลานี้กระลังเข้าต่อสู้กับชาวฮั่น เพื่อแย่งชิงพื้นที่กว้างใหญ่ของหลิวโจว เลยปะทะกับกองทหารชาวฮั่นไปสิบกว่าครั้ง ราชสำนักอพยพลงมาที่หยางโจว แม่ทัพเนี่ยตันกำลังเตรียทำลายแนวป้องกันทางเหนือ เพื่อหาเชื้อพระวงค์ที่รอดชีวิต ชาวหูคิดครองเจียงหนาน นายอำเภอเพ่ยเสี้ยนกลับสั่งทหารยอมจำนน แต่เมืองหยางโจวมี่อาจารย์ซุนอวี๋ค่อนดูแล ถึงโน้มน้าวใจผู้คนให้ลุกสู้โดยมีแม่ทัพเนี่ยตันออกต้านศัตรู

ฟ้าใกล้สว่างแล้ว พวกเขาเดินทางมาจนถึงกองกำลังหลักทหารแคว้นเที่ยนฉี่ หวังหย่งคำรามร้องว่าองค์ชายกลับมาแล้วๆ จ้าวเฉาเองก้อตะโกนกู่ร้องเข้าไปร่วมสู้กับทหารแคว้นเที่ยนฉี่ เพื่อออกไปกำจัดทหารเผ่าเจี๋ย ส่วนพวกน้องโหยวเหมี่ยวก้อเข้าไปใกล้ตัวค่ายทหาร เลยมีเหตุการณ์วุ่นวายจนต้องตะโกนบอกว่าคนกันเองอย่ายิงๆ สุดท้ายก้อได้ยินเสียงตะโกนของแม่ทัพเนี่ยตันสะที

แม่ทัพเนี่ยตันพาทุกคนเข้ามาในกระโจม ถึงตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวก้ออ่อนเพียลจนตาจะปิด แต่ต้องฝืนพูดคุยถึงสถานการณ์ศึกต่อ จ้าวเฉาอยากให้พวกเขาพักสักครู่ แต่แม่ทัพเนี่ยตันบอกพักไม่ได้ เพราะทหารเผ่าเจี๋ยกำลังจะบุกเข้ามาแล้ว แต่โหยวเหมี่ยวที่เอนพิงร่างพี่หลีจื้อเฟิงตอนนี้หมดสติไปแล้ว

โหยวเหมี่ยวหลับยาวจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร รู้แต่ตอนนี้อยู่อ้อมแขนพี่เฟิง ตอนนี้ทหารในแนวหน้ายังสู้กันไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่จ้าวเฉาบอกว่าจะส่งโหยวเหมี่ยวกับพรรคพวกคนอื่นกลับไปที่เจียงหนานก่อน โหยวเหมี่ยวรู้จะได้กลับไปที่ปราสาทเขาเจียงปัวก้อดีใจ จ้าวเฉาส่งน้องเหมี่ยวขึ้นรถม้าไปพร้อมกับพี่เฟิง จากนั้นมุ่งหน้าลงใต้ ขึ้นเรือข้ามฟาก เนี่ยตันขึ้นม้ากระโดดขึ้นเรือมาด้วย จากนั้นเรือก้อล่องไปตามกระแสน้ำ ฉับพลันน้องเหมี่ยวก้อนึกถึงสะพานแขวนของตัวเอง เลยได้ทางกลับบ้านที่ไม่ต้องผ่านหยางโจว ทุกลงที่ท่าเรือข้ามฟากหมู่บ้านอันลู่ขึ้นไปห้าลี้ แล้วขี่ม้าขึ้นที่สูง จากนั้นก้อเดินทางผ่านผู้คนแถวปราสาทเขาเจียงปัว

โหยวเหมี่ยวดีใจขี่ม้านำทุกคนพุ่งเข้าไปในบ้านสวนเสิ่น พร้อมตะโกนก้องว่าข้ากลับมาแล้ววว(55ขำน้องดีใจจัด) น้องรีบลงจากม้าพุ่งเข้าไปในบ้าน พลันบ่าวไพร่ก้อมารุมล้อมพร้อมร้องไห้ระงม พี่หลีจื้อเฟิงจูงม้าไปเก็บถึงเดินเข้ามาก็เจอะบ่าวไพร่รุมล้อมด้วยเช่นกัน โหยวเหมี่ยวดีใจสั่งให้เรียกบ่าวไพร่มาให้หมด เลยได้รู้น้าชายหลบไปพักที่เมืองหยางโจวแล้ว ที่บ้านมีแต่บ่าวไพร่ที่ไม่ยอมย้ายไปอยู่เมืองหยางโจวกับน้าชาย

ตอนนี้ จ้าวเฉากับเนี่ยตันมาถึงบ้านแล้ว โหยวเหมี่ยวเลยจัดแจงให้แม่บ้านเตรียมทำอาหาร ระหว่างนั่นน้องเหมี่ยวก้อเอาแผนที่ของปราสาทเขามาดู เพื่อวางแผนลอบโจมตีเผ่าเจี๋ยที่ยึดอำเภอเพ่ยเสี้ยนไว้ ว่าบ้านน้องมีสะพานแขวนลอบให้ทหารข้ามแม่น้ำเข้ามาอย่างลับๆได้ พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าตรงหน้าผาแถวบ้านน้องเหมี่ยวมีกองหินเยอะนับหมื่นชั่ง สามารถหลอกล่อทหารเจี๋ยมาริมน้ำแล้วผลักหินถล่มลงทับได้ น้องเลยถามก้อนหินมาจากไหน พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าน้ำท่วมคราวที่แล้วพัดพาก้อนหินลงมา น้าชายเลยให้คนขนไปไว้ริมผาว่าจะทำสันเขื่อน(น้าหลานฉลาดพอกันเลยวุ้ย) จากนั้นบ่าวก้อส่งบะหมีสี่ชามมาให้พวกน้องได้กินไปคุยงานกันไป
หลังกินบะหมี่เสร็จ น้องเหมี่ยวสั่งพี่เฟิงหยิบชามา แล้วลงมือชงชาชั้นเลิศให้ทุกคนได้ทาน

จวบจนสรุปแผนการได้ครบทุกด้านแล้ว จ้าวเฉาจะพาทหารไปเฝ้าตรงสะพานแขวน พร้อมถือโอกาสสร้างกับดักด้วย พี่หลีจื้อเฟิงเลยจะไปด้วย แต่จ้าวเฉาอยากให้ทั้งสองคนได้พักผ่อน อุดสากลับมาถึงบ้านแล้ว แต่พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่านี้คือบ้านเขา ศัตรูมาถึงหน้าบ้าน เขาต้องปกป้องบ้านเขาสิ โหยวเหมี่ยวเลยจะตามไปด้วย แต่โดนพี่หลีจื้อเฟิงสั่งให้อยู่บ้าน พร้อมสั่งจางหยวนให้ดูแลอาบน้ำให้น้องเหมี่ยวให้ดี ทั้งสั่งให้กวนอู่ไปตามคนเช่าให้กลับมาที่เขาเจียงปัวให้หมด เพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบถัดไป ถ้ายังไม่ยอมกลับมาจะโอนที่ให้คนอื่นเช่า เส่าเหวยไปส่งหมายให้น้าชายที่เมืองหยางโจว พี่หลีจื้อเฟิงสั่งรัวๆเชียวจนน้องเหมี่ยวอดอมยิ้มไม่ได้(วิญญาณพ่อบ้านเข้าสิง555)

น้องเหมี่ยวดีใจที่ได้กลับบ้านแสนสุข ได้อาบน้ำอุ่นจากนั้นปีนเตียงหลับยาวไป ตื่นมายามดึกก้อได้ข่าวจากหวยเจิน ว่าพี่หลีจื้อเฟิงเฝ้าสะพานแขวนอยู่ น้องเลยถามหาจ้าวเฉาก้อได้ข่าวว่าข้ามไปฝั่งเจียงเป่ยแล้ว จากนั่นบ่าวตั้งโต๊ะจัดกับข้าวให้น้องเหมี่ยวได้กินข้าวเย็น...ฉับพลันน้องก้อเห็นไข่ตุ๋นแสนรัก..เลยรู้ว่าพี่เฟิงกลับบ้านมารอบหนึ่งแล้ว พร้อมลงครัวทำไข่ตุ๋นให้น้องเหมี่ยวได้กินมื้อเย็น(สองร้อยตำลึง...ค่าตัวพี่เฟิง น้องซื้อมานี่โคตรจะคุ้มเลย)

หลังจากอิ่มหนำน้องก้อให้บ่าวต้มน้ำเพื่ออาบน้ำสระผม ร่างน้องตอนนี้เยิ่นจนบ่าวยังต้องถามว่าไปทำอะไรมา สางผมเป็นนานกว่าจะสางผมออกมาได้555 น้องโหยวเหมี่ยวเลยนั่งคิดว่าจะให้จ้าวเฉาช่วยเหลือฐานะของพี่เฟิงให้หลุดพ้นจากทาส แล้วยังต้องไปตามสืบหาครอบครัวของท่านพ่ออีก ก้อพอดีจางหยวนรายงานว่าปราสาทเขาปี้อวี่โดนทำลายไร่ชาโดนเผาวอดวาย นายท่านหนีไปหยางโจว น้าชายเลยยกบ้านในเมืองให้ครอบครัวท่านพ่อพักอาศัยไปก่อน ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวก้อสบายใจ เลยไปนั่งเล่นที่หน้าห้องโถงพูดคุยกับบ่าวไป เฝ้ารอฟังข่าวพี่หลีจื้อเฟิงไป

กลางดึกได้ยินเสียงแผดร้องตะโกนแว่วๆมาแต่ไกล ว่ารบชนะแล้ว ตรงปลายแม่น้ำมีทหารชาวหูถูกฆ่าตายเป็นเบือ น้องเหมี่ยวเลยว่าจะออกไปดู แต่เหวยเจินรีบเข้ามาห้ามก่อน ว่าพี่หลีจื้อเฟิงสั่งว่าไม่ต้องมา เพราะพี่เฟิงกำลังจะกลับเข้าบ้านแล้ว น้องเหมี่ยวเลยสั่งบ่าวไปต้มน้ำเตรียมอาบน้ำให้พี่หลีจื้อเฟิงแทน ในที่สุดพี่หลีจื้อเฟิงก้อกลับถึงบ้าน พร้อมเล่าว่าสังหารศัตรูไปได้สามพันคน ส่วนจ้าวเฉากลับหยางโจวไปแล้ว ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวเลยบอกให้พี่เฟิงอาบน้ำเตรียนอน พี่ก้อทำตามสั่งเลยวุ้ย จากนั้นน้องเหมี่ยวก้อนอนรอพร้อมกอดพี่เฟิงบนเตียงจนหลับไป แต่พี่หลีจื้อเฟิงมาจัดหนักน้องเหมี่ยวในตอนเช้าแทน555

เช้าวันรุ่งขึ้นแขกทยอยมาเยือนน้องโหยวเหมี่ยวมากมาย คนแรกที่เข้ามาคือน้าชายเฉียวเจวี๋ยนะเอง ทั้งคู่วิ่งเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง น้าชายเล่าว่าตอนนี้ผู้คนในเมืองหยางโจวกำลังเล่าวีรกรรมที่น้องเหมี่ยว ที่บุกเดี่ยวพาพรรคพวกหนีการไล่ล่าจากทหารต๋าต๋าออกมาจากเมืองต้าอัน โหยวเหมี่ยวเลยรู้แล้วว่าคงเป็นเพราะพวกหลีเหยียนและผิงซีเดินทางเข้าเมืองหยางโจวแล้ว ถึงได้มีเรื่องราวออกมาได้เร็วเช่นนี้ โหยวเหมี่ยวเลยเล่าให้น้าชายฟังไปคร่าวๆ ข้ามเรื่องที่โดนทำทารุณโหดร้ายไปบ้าง เพราะแค่เล่าให้ฟังแค่นี้น้าชายยังตาแดงน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว

จากนั่นโหยวเหมี่ยวก้อถามถึงท่านพ่อบ้างว่าเป็นยังไร แต่ที่น่าตกใจคือตอนนี้คนมาเยี่ยมเกือบหมดราชสำนัก คนมากมายหลั่งไหลจะมาเยี่ยมน้อง จนน้าชายต้องจัดการส่งกลับไปก่อน เพราะอ้างว่าน้องเหมี่ยวยังป่วยอยู่ น้องเลยรู้ว่าเป็นเพราะจ้าวเฉาใกล้ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แน่ๆ สถานการณ์ตอนนี้คืออาจารย์วุนอวี๋รวมมือเจ้าเมืองหยางโจวกับเจ้าเมืองหลิวโจวเป็นกำลังหลัก ตอนนี้จ้าวเฉาเขาไปพักที่เมืองหยางโจวแล้ว พวกนั้นถึงพยายามจะชวนเขาเข้าเมืองหยางโจวตอนนี้ แต่โหยวเหมี่ยวฉลาดมาก วิเคราะห์แล้วว่าอาจารย์ยังไม่ส่งสัญญาณให้เขาเคลื่อนไหว ดังนั้นเขาจะต้องเก็บตัวที่ปราสาทเขาเจียวปัวไปก่อน

ตอนนี้คนที่รออยู่ในห้องโถงเหลือเพียงจางเอ่อร์กับพี่ชายโหยวนฮั่นเกอ  จางเอ่อร์ตะโกนเสียงดังพร้อมเข้ามาสวมกอดน้องเหมี่ยว ส่วนพี่ชายโหยวนฮั่นเกอก้อลุกขึ้นยืนมองน้องชาย น้องเหมี่ยวเลยเรียกพี่ชาย พร้อมตบไหล่เขาเบาๆ จางเอ่อร์หยิบหนังสือมาให้ บอกว่านี้เป็นราชโองการปลดปล่อยพี่หลีจื้อเฟิงให้เป็นราษฎรธรรมดา ที่ทำตั้งแต่ปีที่แล้ว และพร้อมคำสั่งจากจ้าวเฉามาฝากมาว่า ให้น้องเหมี่ยวพักผ่อนให้ดีๆแล้วรีบเข้าเมืองหยางโจว น้องเหมี่ยวเลยส่งราชโองการให้พี่หลีจื้อเฟิง แล้วถามว่าตอนนี้พี่เฟิงจะทำยังไงต่อ พี่เฟิงบอกไม่ทำไม เขาจะเป็นพ่อบ้านของเจ้าของปราสาทเจียงปัวต่อไป5555

น้องเหมี่ยวเลยถามจางเอ่อร์ถึงท่าทีของราชสำนักในตอนนี้ จางเอ่อร์ตอนนี้อยู่ช่วยอาจารย์ซุนอวี่ น้องเลยถามว่าอาจารย์ฝากข้อความอะไรมารึเปล่า แต่จางเอ่อรืบอกว่าอาจารย์ยังไม่ได้ฝากกว่าวคำอะไรมา น้องเลยรู้ว่าที่น้องคิดหมกตัวบนเจียงปัวนะทำถูกละ จากนั้นจางเอ่อร์ก้อลาจากไป

พี่ชายโหยวนฮั่นเกอมาขอร้องให้น้องเหมี่ยวไปหาพ่อสักหน่อย แต่น้องเหมี่ยวคิดว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะสมจะเดินทาง (แต่ที่จริงคือฐานะตอนนี้ของน้องเหมี่ยววางตัวลำบาก เพราะตัวเองนับเป็นขุนนางท้องถิ่น แต่ก้อมีตำแหน่งขุนนางตรวจการณ์เมืองหลวงยังเป็นทั่นฮวาอีก ต้องรอให้ราชสำนักจัดการค้านอำนาจระหว่างขุนนางเมืองหลวงผลัดถิ่น และขุนนางท้องถิ่นที่คุมอำนาจปกครองในมือ ให้ตกลงเงื่อนไขให้ตกสะก่อน ทางที่ดีรออาจารย์เรียกแล้วค่อยเข้าไปน่าจะดีสุด) แต่พี่ชายไม่เข้าใจสถานการณ์ เลยเซ้าซี้ให้เขาเข้าเมืองหยางโจว น้องเหมี่ยวเลยตัดรำคาญบอกท่าจัดการที่นี้เรียบร้อยจะเข้าเมืองเอง พี่ชายโหยวนฮั่นเกอถึงจะยอมจากลาไป จากนั้นน้องก้อไปเดินเล่นในสวน ปล่อยให้พี่เฟิงนั่งตรวจบัญชีกิจการของบ้านไป555

ยังนั่งเหม่อไม่ทันไร มู่เหยียนเดินมาบอกว่าท่านพ่อมาเยี่ยมเขาที่บ้านละ ที่ห้องโถงพี่หลีจื้อเฟิงนั่งรับรองท่านพ่อตาอยู่555 พ่อทำหน้าไม่สบอารมย์เปรยๆว่าที่บ้านนี้ยอมให้บ่าวเป็นใหญ่ในบ้านรึ...แต่พอพี่เฟิงหันไปสบตา ท่านพ่อตาก้อไม่กล้าพูดต่อ ได้แต่กล่าวขอบใจพี่เฟิงที่บุกเดียวเดินทางหลายพันลี้ไปช่วยน้องเหมี่ยวกลับมา บอกว่าช่างเป็นบ่าวที่ภักดีซื่อสัตย์ยิ่งนัก ลำบากเจ้าแล้ว(ชมพี่เฟิงแต่กดฐานะให้ดูต่ำไม่คู่ควร ร้ายนักนะพ่อตา) แต่เจอะพี่เฟิงตอบว่า นับเป็นเรื่องสมควรเพราะโหยวจื่อเชียนอยู่กับพี่เฟิงมาเกือบห้าปีแล้ว ทั้งยังเคยช่วยชีวิตพี่เฟิง ลูกผู้ชายยอมตายได้เพื่อนคนรู้ใจคือเป็นเช่นนี้เอง(เป็นไงละคารมลูกเขย555) หลังจากนั้นบรรยากาศเงียบกริบ555

น้องเหมี่ยวกำลังเดินมาถึงครึ่งทาง เฉินกวนอู่ยืนจดหมายมาให้ บอกว่ามาจากจวนเจ้าเมืองหยางโจว สรุปเป็นข้อความจากอาจารย์ซุนอวี่ บอกให้เขาไม่ต้องรีบร้อนเข้าเมืองหยางโจว ให้ดูท่าทีของอีกฝ่ายก่อน ลูกศิษย์อาจารย์นี้ทันกันทุกเรื่องจริงๆ

ในที่สุดน้องเหมี่ยวก้อเดินเข้ามาที่ห้องโถง เจอะกันครั้งนี้นางหวังเปลี่ยนท่าที รีบลุกเรียกน้องทันที ท่านพ่อก้อเกริ่นเรื่องที่น้องเก่ง สามารถซ่อมบ้านออกมาได้ดีมาก แถมนางหวังยังมายกย่อว่าเขาเก่งที่พัฒนาเขาเจียงปัวออกมาได้ขนาดนี้ น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของพี่หลีจื้อเฟิงทั้งนั้น ทุกอย่างถึงออกมาดีแบบนี้ แถมยังเรียกพี่เฟิงให้มาอยู่ต่อหน้าพ่ออีก ท่านพ่อทำหน้ากะอักกะอ่วน นางหวังเสแสร้งหัวเราะชมว่าน้องเหมี่ยวกลับมาคราวนี้ คงได้เป็นขุนนางใหญ่ น้องเหมี่ยวก้อรู้แล้วว่าพ่อตัวเองจะพูดอะไรต่อ แต่พ่อก้อทำทีจะไปออกไปชมสวนข้างนอกห้อง ปล่อยให้นางหวังมาพูดกับน้องเหมี่ยวแทน นางหวังกรีดน้ำตาขอโทษน้องเหมี่ยว ที่เมื่อก่อนทำตัวไม่ดีกับน้องเหมี่ยวที่ผ่านมา ตอนนี้ปราสาทเขาปี้อวี่โดนทำลาย ไร่ชาโดนเผาวายวายไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้ได้แต่หวังว่าน้องจะช่วยหาตำแหน่งงานให้พี่ชายโหยวนฮั่นเกอ เพราะตอนนี้ครอบครัวนี้มีแต่รายจ่ายมากมาย

ถึงตอนนี้พ่อก็เข้ามานั่งคุยด้วย บอกก่อนหน้านี้ส่งคนมาตามน้องเหมี่ยวกลับบ้าน แต่ถนนโดนตัดขาด โดนยึดครองจากคนเผ่านอกด่าน แล้วถามถึงครึ่งปีที่น้องไปโดนอะไรมา น้องโหยวเหมี่ยวก้อเล่าให้ฟังว่าตัวเองโดนทารุณกรรมอะไรมาบ้าง จนพ่อหน้าซีดเมื่อรู้ความจริงที่น้องเหมี่ยวโดนทำร้ายมา พ่อได้แต่รำพึงว่าคงเป็นดวงวิญญาณแม่น้องเหมี่ยวที่ค่อยคุ้มครองเขาอยู่

ตกเย็นน้องโหยวเหมี่ยวชวนท่านพ่อกับนางหวังนั่งกินข้าวเย็นพร้อมหน้าทั้งน้าชายและพี่เฟิงก้อมานั่งร่วมโต๊ะ(ที่จริงคือลูกเขยมาแบบเนียนๆ555) ตกดึกให้บ่าวจุดโคมส่งพ่อกลับเมืองหยางโจว

คืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยวถามเรื่องเงินเก็บในคลัง ตอนที่น้องเหมี่ยวเข้าเมืองหลวง น้าชายก้อทำการค้าได้เฟื่องฟู ขยายกิจการไปมากมาย แถมเงินที่น้องเหมี่ยวได้จากการประทับตราก่อนเมืองหลวงแตกด้วย รวมเงินที่มีสี่หมื่นตำลึง น้องเหมี่ยวเตรียมวางแผนซื้อเมล็กพันธุ์ เตรียมเพาะในฤดูที่กำลังจะมาถึง

น้องโหยวเหมี่ยวเดินจูงมือพี่เฟิงไปดูดาวริมระเบียง พี่หลีจื้อเฟิงก้อบอกว่าเนี่ยตันชวนเขาไปเป็นขุนนางในราชสำนัก น้องเหมี่ยวตกใจ พี่เฟิงเลยบอกไปว่าเขาปฎิเสธไปแล้ว น้องเหมี่ยวโล่งใจทันที น้องเหมี่ยวอ้อนถามพี่เฟิงว่า วันนั้นพี่เฟิงกลับมาทำไม คิดถึงโหยวเหมี่ยวรึ พร้อมเอนตัวซบอกแล้วจูบพี่หลีจื้อเฟิง(อึม...มิน่าพี่เฟิงถึงหลงเมีย) พี่เฟิงบอกครึ่งหนึ่งเพราะคิดถึงอีกครึ่งหนึ่งเพราะพวกเขาคุกเข่าให้พี่เฟิงที่ด่านหลันกวน ตอนนี้พี่เฟิงอยากขับไล่เผ่าเจี๋ยออกไป เพราะพวกมันยังอยู่อีกฝั่งแม่น้ำตรงข้าม น้องเหมี่ยวเลยว่าจะชวนพี่เนี่ยตันกับจ้าวเฉามาคุยที่บ้านสวนเสิ่นเพื่อจัดการเรื่องนี้ พี่เฟิงบอกว่าต้องนี้ต้องเตรียมสร้างกองกำลังของตัวเองไว้ป้องกันปราสาทเขา ต้องเลี้ยงคนไว้สักสองร้อยคน พี่เฟิงจะเป็นคนจัดการเรื่องฝึกสอนเอง เดียวพี่เฟิงจะไปจัดการซื้อคนที่หยางโจว น้องโหยวเหมี่ยวอนุมัติตามข้อเสนอสามี555

วันผ่านไปน้องโหยวเหมี่ยวและพี่หลีจื้อเฟิงเตรียมตัวเข้าเมืองหยางโจว ระหว่างผ่านแปลงนา ก้อเจอะคนเช่าที่ออกมาทักทาย จากการเข้าตัวเมืองตอนนี้ น้องเหมี่ยวเลยรู้ว่าราคาข้าวปลาอาหารสูงขึ้นมาก ดีที่ปราสาทเขาเจียงปัวมีทุกอย่างเลยไม่ขาดแคลนอะไร ส่วนเมืองหยางโจวตอนนี้กลายสภาพเป็นค่ายผู้อพยพขนาดใหญ่ พี่เฟิงเริ่มจัดการเลือกซื้อคนงานจนครบ แล้วให้บ่าวนำคนพวกนั้นไปที่ปราสาทเขาเจียงปัว

พี่หลีจื้อเฟิงพาน้องเหมี่ยวเดินชมเมือง โหยวเหมี่ยวเลยได้เห็นร้านค้าของตัวเองที่น้าชายจัดการซื้อมาขยายกิจการสะใหญ่โต บนถนนเส้นหนึ่งสองข้างร้านเป็นร้านของเขาเกือบทั้งเส้นถนน น้องเหมี่ยวเดินเข้าไปร้านข้าว เถ้าแก่บอกไม่มีของขายแล้วให้ออกไปร้านอื่น แต่พอเงยหน้าเห็นพี่เฟิงเปลี่ยนท่าทีทันที555 เพราะเถ้าแก่ไม่เคยเห็นน้องโหยวเหมี่ยวเจ้าของที่แท้จริงนะเอง น้องเลยไปเดินสำรวจร้านค้าแต่ละร้านแทน จากนั่นก้อแวะไปหาบ้านที่ท่านพ่อพัก ก้อพบว่าครอบครัวพ่อพักที่หลังร้านค้าแห่งหนึ่ง น้องเหมี่ยวเลยเดินไปหาพ่อ แต่พี่เฟิงเดินออกไปซื้อเป็ดต้มเจ้าดัง  น้องเหมี่ยวเลยไปเจอะนางหวังกำลังนั่งซักผ้า นางหวังดีใจเลยไปเรียกพี่ชายโหยวนฮั่นเกอมาคุย พี่น้องก้อนั่งคุยกันไป ตอนนี้ครอบครัวใหม่ของพ่อต้องมาอยู่ห้องอย่างคับแคบ ก้อให้รู้สึกเวทนา ตัวน้องเหมี่ยวเองก้อรู้สึกซาบซึ้งที่พี่ชายมอบทองให้เขาในวันนั้น พี่ชายโหยวนฮั่นเกอเลยเอ่ยปาก ขอให้น้องเหมี่ยวรับพ่อไปอยู่ที่เขาเจียงปัว ส่วนตัวเขากับแม่อยู่ที่นี้ได้

ตกค่ำเตรียมจัดเตรียมอาหารเพื่อกินข้าวเย็นพี่เฟิงเอาเป็ดมา แต่ยังคงเข้าครัวไปทำไข่ตุ๋นให้น้องเหมี่ยว(...โว้ยอิจฉา น้องเหมี่ยวทำบุญด้วยอะไร สามีรักสามีหลงขนาดนี้) พ่อกลับมายังคงพูดจาไม่เข้าหูน้องเหมี่ยวตามเคย นางเลยเดินหนีไปอ้อนกอดเอวพี่เฟิงในครัว พี่เฟิงถามเป็นอะไร น้องโหยวเหมี่ยวบอกมีเรื่องหนักใจ สุดท้ายพี่เฟิงก้อพูดให้น้องเหมี่ยวคิดได้ เรื่องพ่อของน้องเหมี่ยวเอง  ระหว่างที่นั่งกินข้าว น้องเหมี่ยวก้อบอกให้พ่อย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ปราสาทเขาเจียงปัว รวมทั้งนางหวังและพี่ชายด้วย ย้ายไปอยู่ด้วยกันให้หมด พี่หลีจื้อเฟิงก้อพูดรับรองให้พ่อน้องเหมี่ยวย้ายไปอยู่ด้วย สุดท้ายพ่อก้อลดทิฐิยอมไปอยู่ด้วย จากนั้นก้อให้บ่าวไปจัดที่ทางเตรียมรับรองไว้ก่อน

วันรุ่งขึ้นเฉินกวนอู่ก้อขับรถม้ามารับครอบครัวพ่อ ขนย้ายข้าวของไปอยู่ที่เขาเจียงปัว ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมืองหยางโจว พูดถึงความกตัญญูของน้องโหยวเหมี่ยว พี่หลีจื้อเฟิงจัดการให้ครอบพ่อน้องเหมี่ยวไปอยู่ที่เรือนพักทางตะวันตก นอกจากสงบแล้วยังห่างมาก กว่าพ่อจะเดินมาห้องโถงหลักกินเวลาตั้งสองเค่อ555 (ไว้กันพ่อน้องเหมี่ยวแอบเดินมาหาตอนกลางคืนนะเอง555) แถมพี่เฟิงยังมอบเงินสองร้อยตำลึงให้พี่ชายโหยวนฮั่นเกอ พร้อมทั้งบ่าวไพร่ไว้ดูแล และน้าชายเองจ้างคนครัวแยกออกมา เพื่อแยกเรือนกินจะได้ไม่ต้องมารอกินข้าวพร้อมกัน(ทั้งน้าชายทั้งพี่เฟิงช่างร้ายกาจยิ่งนัก)

คืนนั่นมีแขกมาพบน้องเหมี่ยวที่ห้องโถง มีพี่หลีจื้อเฟิงคอยรับรองแขก เป็นผิงซีที่มาตามน้องเหมี่ยวให้เข้าเมืองหยางโจว แถมพี่เฟิงก้อหลุดจากการเป็นทาสแล้ว น้องเหมี่ยวถามพี่เฟิงจะไปไหม พี่เฟิงบอกเจ้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไป(โว้ยสามีดีเด่น) สรุปผิงซีมาเพราะอยากให้น้องเหมี่ยวเข้าราชสำนัก ตอนนี้มีการถกเถียงเรื่องย้ายเมืองหลวง แถมยังอยากได้พี่เฟิงไปเป็นแม่ทัพขุนศึกช่วยกันกับแม่ทัพเนี่ย แต่น้องโหยวเหมี่ยวปฎิเสธ บอกปัดไปว่ายังไม่อยากเข้าราชสำนักตอนนี้ สุดท้ายผิงซีก้อหักใจเอ่ยปากขอยืมเงินน้องเหมี่ยวสะที555 น้องเหมี่ยวหยิบตั๋วเงินสองร้องตำลึงห้าใบให้ผิงซีไป ผิงซีเขียนสัญญาเงินกู้ไว้ให้ แล้วรีบจากไปเพราะพรุ่งนี้เช้ามีงานต้องรีบจัดการ

หลังจากวันนั้นบรรดาคนรู้จักก้อทยอยมาขอยืมเงิน น้องเหมี่ยวก้อให้ยืมไปเท่าที่มี จนวันที่ห้าหลี่เหยียนก้อมาหาน้องเหมี่ยวด้วยตัวเอง เขามาขอยืมเงินหนึ่งหมื่นตำลึง เพื่อหวังจะไปไถ่ตัวนางถังภรรยา เพราะอีกไม่นานเขาจะโดนส่งไปเป็นฑูตเจรจาเพื่อขอสงบศึก น้องโหยวเหมี่ยวก้อยินดีให้ยืม หลีเหยียนตอนนี้หลังจากโดนตีขาหักแล้วไม่ได้รับการรักษาที่ดีตอนแรก แถมยังต้องหนีระหกระเหินขนาดนั้น กลับมารักษาขาตอนหลังก้อไม่อาจทำให้ขาเป็นปกติได้อีกแล้ว ได้แต่เดินกระเผกไปตลอดชีวิต ก่อนจากไปหลี่เหยียนถามว่าทำไมไม่ยอมเป็นขุนนาง น้องเหมี่ยวได้แต่บอกว่าเหนื่อยอยู่ แต่หลี่เหยียนดูเหมือนจะเข้าใจ เลยว่าน้องช่างร้ายกาจไม่ธรรมดา

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ชาวบ้านบนเขาเจียงปัวเริ่มหว่านเมล็ดเตรียมเพาะปลูกอีกครั้ง ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงก้อพาเหล่าคนงานร้อยกว่าคน ไปฝึกซ้อมวรยุทธบนที่ราบทางเหนือของแม่น้ำ พร้อมทั้งไปหลอมทำอาวุธที่หมู่บ้านกัวจวง และซื้อม้ามาเพิ่มไว้ใช้งานออกศึกป้องกันอาณาเขตบ้านเขา ค่าใช้จ่ายต่างๆมากมายน้องเหมี่ยนปล่อยให้พี่เฟิงเบิกใช้อย่างอิสระ555 ชีวิตประจำวันพี่เฟิงตอนเช้าพาคนไปฝึกยุทธ เที่ยงกลับมากินข้าวกะเมีย บ่ายไปฝึกต่อ ตอนเย็นกลับบ้านเข้าครัวเพื่อทำของโปรดให้น้อง(ชีวิตดีดี้ของน้องเหมี่ยว)

ผ่านมาอีกเดือนจ้าวเฉาใกล้จะได้รับสถาปนาเป็นฮ่องเต้แล้ว วันนั้นน้องเหมี่ยวเลยบอกพี่เฟิงจะเขียนจดหมายหาจ้าวเฉา พี่หลีจื้อเฟิงยืนฝนหมึกให้น้องเหมี่ยวเหมือนเคย พอกำลังจะเขียนถึงจ้าวเฉา บ่าวก้อมารายงานว่ามีแขกมาขอพบ พี่เฟิงเลยออกไปรับรองแขก ปล่อยให้น้องเหมี่ยมเขียนจดหมายไป ยังเขียนได้ไม่กี่ถ้อยความ จ้าวเฉาก้อมายืนข้างกายถามว่าน้องเหมี่ยวกำลังเขียนอะไร จนน้องตกใจที่จู่จ้าวเฉาก็มาทันที สรุปคืนนี้จ้าวเฉามากับแม่ทัพเนี่ยตัน จ้าวเฉาบอกว่าอาจารย์ซุนอวี่เป็นคนสนับสนุนเขา และเขาเข้าใจแผนการของอาจารย์ซุนอวี๋ที่จะเก็บตัวเหมี่ยวไว้ก่อน ทั้งคู่มาเพื่อจะชวนให้พี่เฟิงเข้าราชสำนัก รับเขาเป็นแม่ทัพช่วยออกศึกให้แแคว้นเที่ยนฉี่ เพราะจะมีศึกกับชาวหูครั้งใหญ่ ก่อนที่จะเริ่งทำสัญญาสงบศึกชั่วคราว และตอนนี้จ้าวเฉากำลังมายืมเงินน้องเหมี่ยวเป็นคนล่าสุด จ้าวเฉาอยากได้เงินแสนตำลึงแต่น้องไม่มีต่อรองไปมาเลยได้ที่สองหมื่นหน้าพันตำลึงเท่านั้น แต่พอน้องเหมี่ยวยกหีบมานับเงิน ก้อโดนปะเลาะไปอีกสามพันตำลึงขาดตัว น้องเลยให้จ้าวเฉาเขียนสัญญาเงินกู้ด้วย555

คืนนั้นทั้งสี่คนกินดื่มภายในสวนอย่างอารมย์ดี พูดถึงแผนการรบกับเผ่าหู แม่ทัพเนี่ยตันมาคืนนี้เพื่อขอยืมตัวพี่เฟิงจากน้องเหมี่ยว(ให้รู้ว่าสะบ้างว่าใครใหญ่สุดในบ้านนี้555) น้องเหมี่ยวมองหน้าพี่เฟิงก็รู้ว่าเขาอยากไปรบก้ออนุญาติสามี อิอิ ระหว่างกำลังกรึมได้ที่แม่ทัพเนี่ยตัน ก้อชวนให้ทั้งสี่คนมาสาบานเป็นพี่น้องกัน เพื่อรวมพลังกอบกู้ราชสำนึกเที่ยนฉี่ ให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม พี่ใหญ่คือแม่ทัพเนี่ยตัน พี่รองคือพี่หลีจื้อเฟิง พี่สามคือจ้าวเฉา น้องสี่คืโหยวเหมี่ยวตามลำดับอายุนะเอง

สามวันต่อมา น้องโหยวเหมี่ยวพาพี่หลีจื้อเฟิงเข้าเมืองหยางโจว เพื่อไปรายงานรับตำแหน่งและตราประทับของพี่หลีจื้อเฟิง เลยไปที่กรมปกครองแต่คนมาอ่อกันมากมาย น้องเหมี่ยวจัดการหาคนให้ไปตามหลินลั่วหยางเสนาบดีมาพบ เพราะเขาขี้เกียจรอ แต่เจอะเจ้าหน้าที่ผู้น้อยตวาดว่าน้องเหมี่ยว ก็พอดีมีขุนนางจำน้องเหมี่ยวได้ เลยไปตามหลินลั่วหยางออกมา ขุนนางคนนั้นเลยโดนตบสั่งสอนไปที จากนั้นเชิญน้องเหมี่ยวเข้าไปด้านในกรม พร้อมจัดการเรื่องพี่หลีจื้อเฟิงจนเสร็จ แต่น้องเหมี่ยวไม่ชอบชื่อฉายาของพี่เฟิงที่ได้รับแต่งตั้งว่าแม่ทัพหยาเหมิน น้องว่าชื่อฟังดูไม่ดี น้องเลยตั้งชื่อใหม่ให้สามีว่าเป็นแม่ทัพหูเวยแปลว่าแม่ทัพพยัคฆ์เดชา ฟังดูองอาจกว่าเยอะ(มีเมียดีเป็นยังงี้นี่เอง) หลินลั่วหยางทำอะไรไม่ได้เลยจัดการตามใจน้องเหมี่ยว เพราะตอนนี้ทุกคนในราชสำนักเป็นลูกหนี้น้องทั้งนั้น555 นอกจากนี้น้องเหมี่ยวก้อหาตำแหน่งขุนนางให้พี่ชายโหยวนฮั่นเกอ เลยได้ตำแหน่งขุนนางตรวจสอบคลัง จากนั่นไปที่กรมทหารเพื่อรับตราประทับตำแหน่งเลยได้เจอะกับผิงซี เสร็จแล้วพี่เฟิงก็ออกมาเลือกคนมาเป็นทหารสองพันนาย เพื่อเป็นกองทหารขึ้นตรงกับเขา ได้คนครบแล้วก้อพาพลทหารกลับไปที่เขาเจียงปัว

กลับถึงบ้าน น้องเหมี่ยวจดหมายบอกพี่ชายโหยวนฮั่นเกอ ให้รีบไปรายงานตัวที่กรมอากร ส่วนตัวน้องเหมี่ยวมาช่วยพี่หลีจื้อเฟิงสอนกองทหาร พร้อมกับดูแลบริหารจัดการเขาเจียงปัวต่อ เพื่อขยายพื้นที่เกษตรให้เพียงพอกับคนมากมายที่เข้ามาอยู่ที่เขาเจียงปัว น้องอาศัยเส้นสายไปล้อมพื้นที่รกร้างใกล้เคียงให้เป็นพื้นที่ของตัวเองเพื่อเอามาจัดสรร แถมคิดค่าเช่าตามระดับความยากง่ายของพื้นทีทำเกษตร ได้ฉลาดจริงๆ (อึมคู่นี้คือคู่สร้างคู่สม อยู่ด้วยกันแล้วยิ่งส่งเสริมกันตลอด) ส่วนน้าชายเน้นค้าขายขยายกิจการต่อไป แถมยังมีญาติที่หลิวโจว กำลังลำบากเพราะเมืองหลิวโจวเผ่าโจมจีโดนบุกทำลาย น้องเหมี่ยวก้อแบ่งพื้นที่ให้ญาติๆมาช่วยบริหารกิจการจากที่ดินที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแม่น้ำ ที่น้องเหมี่ยวไปล้อมที่มาใหม่ พร้อมสร้างบ้านไว้ด้วย...กิจการขยัยขยายไปด้วยดี

ช่วงนี้น้องโหยวเหมี่ยวก้อขี่ม้าตรวจไร่นาไปพร้อมกับไปตรวจกองกำลังของพี่เฟิงไป วันนี้น้องเหมี่ยวชวนพี่เฟิงไปสำรวจที่หน้าผาภูเขาฉวนซาน มีแม่น้ำขวางกันอีกฝั่งเป็นอำเภอเพ่ยเสี้ยน สามารถมองเห็นกระโจมค่ายทหารเผ่าหูลิบๆ น้องก้อคิดแผนการได้อันหนึ่ง บอกรอตอนเย็นให้พี่เฟิงยิงธนูที่ผูกเชือกยาวไปไปปักที่ต้นสนตรงข้ามแล้วผูกดึงให้เป็นเชือกไว้ข้ามฝั่ง น้องเหมี่ยวจะเหนี่ยวเชือกข้ามไปเอง พี่หลีจื้อเฟิงตอนแรกไม่ยอมบอกอันตรายไป แต่น้องจะไปเลยพี่เฟิงเลยเอาเชือกผูกเอวน้องเหมี่ยวไว้กันเหนียว เพื่อน้องพลาดพลั้งพี่เฟิงจะดึงเชือกช่วยน้องไว้ (อ่านแล้ว...ทำตามองบนทันที) น้องเหมี่ยวใช้ตะขอกับลูกรอกในการโรยตัวข้ามฝั่งอย่างปลอดภัย จากนั้นพี่เฟิงก้อข้ามมาด้วยวิธีเดียวกัน จากนั้นแฝงการสอดแนมฝั่งศัตรูเสร็จ ก้อข้ามกลับไป พี่หลีจื้อเฟิงบอกพรุ่งนี้จะเข้าเมืองไปวางแผนกับพี่เนี่ยตันต่อ

ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวก้อรับหน้าที่ไปผลิตอุปกรณ์โรยตัวให้เหล่าพลทหารไว้ข้ามหน้าผาเอง ไม่พอน้องเหมี่ยวยังคิดกระบอกลุกดอกอาบยาพิษไว้ให้ทุกคนพกเป็นอาวุธลับอีก(ผัวหาบเมียคอนมาก)

สามวันต่อมาพี่หลีจื้อเฟิงวางแผนกับพี่เนี่ยตันจนครบถ้วนละเอียดดีแล้วเริ่มทำแผนโจมตี ของพลบค่ำวันที่สิบเจ็ดเดือนห้า อาจารย์ซุนอวี๋สั่งให้หลี่เหยียนนำกองทหารไปเคาะประตูเมืองเพ่ยเสี้ยนทำทีมาขอเจรจา จากนั้นให้ทหารหนึ่งพันสองร้อยนายแอบขึ้นเขาฉวนซานเพื่อข้ามฝั่งไปโดยวิธี่การของน้องเหมี่ยว แล้วเดินเท้าแทรกซึมเข้าเมืองเพ่ยเสี้ยนแล้วจัดการฆ่าทหารชาวเซียนเป่ย จากนั้นเข้าบุกที่ว่าการอำเภอ งานนี้น้องเหมี่ยวตามพี่เฟิงมาลงมือด้วย ระหว่างที่เฟิงนำทหารบุกโจมตีศัตรูด้านหลังค่าย พี่เนี่ยตันก้อพาทหารบุกโจมตีด้านหน้าค่ายทหารเซียนเป่ย ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวก้อนำกองกำลังตัวเองเข้าค้นทรัพย์สินที่ทหารชาวเซียนเป่ยปล้นชิงชาวฮั่นแล้วนำมาเก็บไว้ที่นี้ น้องเหมี่ยวกวาดเงินสดตั๋วแลกเงินและของมีค่าแล้วจัดให้กองกำลังตัวเองขนไปเก็บไว้ที่คลังบ้านเขาเจียงปัว(หึๆน้องเหมี่ยวไม่ได้ใสๆซื่อนะจ๊ะ) คืนนั้นการรบประสบผลสำเร็จงดงาม ส่วนหลี่เหยียนมาถึงก้อรู้ว่าตัวเองกลายเป็นหมากหลอกของแผนการณ์นี่แท้ๆ ผลสำเร็จจากศึกครั้งนี้ ชื่อเสียงพี่หลีจื้อเฟิงก้อดังกระจายไปทั่วเมือง แต่พี่เฟิงยังเข้าครัวทำให้อาหารให้น้องกินเหมือนเดิม ส่วนน้องเหมี่ยวก้อเข้ามากอดเอวกอดหลังเกาะแกะพี่เฟิงไป แถมถามพี่เฟิงเรื่องไม่ว่าน้องหรอที่น้องแอบขโมยเงินเขามา555 พี่เฟิงบอกตามใจเจ้าแล้วใครหน้าไหนจะกล้าว่าเจ้าได้เล่าอิอิ

ใกล้ถึงวันจ้าวเฉาใกล้จะได้รับสถาปนาเป็นฮ่องเต้ เช้าวันหนึ่งพี่เฟิงบอกอาจารย์ซุนอวี๋ส่งจดหมายมาหา เป็นสัญญาณเรียกน้องเหมี่ยวกลับเข้าสู้เส้นทางราชสำนักละ น้องเหมี่ยวเลยจัดการกิจการเขาเจียงปัวให้เรียบร้อย พร้อมเก็บข้าวของเตรียมเข้าเมืองหยางโจวเพื่อจะได้เข้าไปทำงานในราชสำนัก ขนของมากมายจนน้าชายต้องทัก555

ยามบ่ายวันที่สี่เดือนหก ที่วังของจ้าวเฉาที่กองเต็มไปด้วยฎีกามากมายพาลให้อารมย์ขุ่นมัว ก้อมีทหารเข้ามารายงานว่าคนของเขาปราสาทเจียงปัวต้องการเข้าพบ แต่ไม่ยอมบอกชื่อผู้มา แต่จ้าวเฉารู้ว่าเป็นน้องโหยวเหมี่ยวแน่ๆ เลยเดินไปหาน้องที่ตำหนักด้านข้าง พบน้องโหยวเหมี่ยวนั่งอยู่บนกองหีบแล้วพูดจาหยอกเย้าว่าน้องเอาเงินมาซื้อตำแหน่งขุนนาง พอเปิดหีบจ้าวเฉาก้อตาลายกับเงินมากมายจนต้องถามว่านี้มันเท่าไร น้องเลยบอกว่าแค่แปดหมื่นตำลึงเอง จ้าวเฉาดีใจเข้ากอดน้องเหมี่ยวแถมชวนให้น้องค้างที่วังอีก(แนะๆ) น้องปฎิเสธบอกแค่เอาเงินมาส่งแล้วออกไปหาพี่เฟิงที่ยืนรอด้านนอก(นี่สิตัวจริง555) พี่หลีจื้อเฟิงบอกจะเลี้ยงน้องพาไปลงเรือกินอาหารล่องชมแม่น้ำ

ระหว่างที่นั่งเรือทานข้าว พี่เฟิงมอบของขวัญจากพี่เนี่ยตันฝากมาให้น้องเหมี่ยว เป็นพัดพร้อมกลอนหนึางประโยคที่เป็นอักษรพู่กันพี่เนี่ยตันพร้อมตราประทับ" เผชิญหน้าในทางคับแคบ ผู้หาญกล้าย่อมมีชัย" ส่วนของพี่หลีจื้อเฟิงนั่นก้อได้รับพัดเช่นกัน"ผู้ชำนาญศึกไร้ซึ่งผลงานเกรียงไกร" น้องเหมี่ยวตอนแรกดีใจชอบของตัวเอง แต่พอเห็นของพี่เฟิงก้องอแงจะแลกพัดเอาพี่เฟิงให้ได้แต่พี่เฟิงถามว่าทำไมถึงชอบพัดของเขามากกว่า น้องเหมี่ยวเลยอธิบายความหมายของพัด พอใช้ความคิดถึงความหมายทั้งสองประโยคแล้ว น้องก้อได้คิดว่าความตั้งใจของพี่เนี่ยตันที่ให้พัดมานั่นคู่ควรกับคนที่ได้รับแล้ว เลยไม่อยากได้ของพี่เฟิงละ...(นิสัยนะน้องเหมี่ยว555) น้องเลยนึกได้ว่าแล้วของจ้าวเฉาละ พี่เฟิงเลยบอกว่าได้ประโยต"ธานีสิ้นคีรีธารยังดำรง" ก้อเป็นกลอนที่เหมาะกับจ้าวเฉาจริงๆ น้องเลยถามของพี่เนี่ยตันละ พี่เฟิงบอกไม่รู้ให้น้องเหมี่ยวไปถามพี่เนี่ยตันด้วยตัวเอง อาหารบนเรือล้วนไม่ถูกปากน้องเหมี่ยวแถมนางมีบ่นอาหารแพงอีก555

ระหว่างที่เรือยังไม่ออกท่า ก้อมีขุนนางคนสกุลถังมาวางอำนาจจะขอเรือที่น้องเหมี่ยวนั่ง น้องโหยวเหมี่ยวเลยโชว์เหนือให้พี่เฟิงดู แล้วเบ่งบารมีตัวเองใส่กลับไปยังคนที่อยู่บนฝั่งนั้นว่าเรือนี้ทั่นฮวาใช้งานอยู่ เรื่องถึงได้จบ พี่เฟิงได้แต่อ่อนใจ555 หลังเรือล่องไป มีเสียงพิณดังแว่วคลอเสียงเพลงจากหญิงงามลอยมา น้องเหมี่ยวที่นั่งเอนซบอกพี่เฟิง ก้อเริ่มลูบไล้สามีไป พี่หลีจื้อเฟิงเลยเล่าให้ฟังว่าเขาไปทำข้อตกลงกับจ้าวเฉาไว้สองข้อ ในการช่วยเพื่อตีทำศึกกับเผ่าต๋าต๋าเพื่อชิงแผ่นดินแคว้นเที่ยนฉี่กลับคืนมา ข้อแรกคือหลังชนะศึกทวงแผ่นดินได้แล้ว จ้าวเฉาต้องมอบทหารให้เขายืมหนึ่งแสนนายให้พี่เฟิง เพื่อนำขึ้นไปทางเหนือ จะได้มีกองกำลังไว้ต่อสู้กับพี่ชายเขาเพื่อเขาจะขึ้นปกครองเผ่าเฉวี่ยนหรง ข้อสองคือจะต้องยอมมอบน้องโหยวเหมี่ยวให้เขาพากลับไปอยู่ด้วยกันที่เผ่าเฉวี่ยนหรง พี่หลีจื้อเฟิงถามน้องเหมี่ยวว่ายินดีจะติดตามเขากลับไปที่เผ่าเฉวี่ยนหรงไหม(รอคำตอบด้วยใจระทึกสินะพี่เฟิง5555เห็นน้องเหมี่ยวเงียบไปสักครู่)...แต่สุดท้ายน้องเหมี่ยวยิ้มบอกว่าเต็มใจมาก ถึงตอนนั้นพี่เฟิงก้อเป็นกษัตริย์ของชาวเฉวี่ยนหรงแล้วอิอิ (แต่ที่น้องเหมี่ยวดีใจนั้น ที่จริงคือน้องเหมี่ยวพยายามหาวิธีที่จะให้พี่เฟิงหลุดพ้นจากราชสำนักหลังเสร็จภารกิจทวงแผ่นดินแคว้นฉี่ เพราะตามประวัติศาสตร์หลังเสร็จงานใหญ่ ฮ่องเต้มักประทานความตายให้กับผู้ร่วมงานสำคัญทั้งนั้น โทษฐานรู้เรื่องความลับลึกซึ้งของฮ่องเต้มากไปทั้งนั้น ดังนั้นนี่นับว่าเป็นทางรอดที่ดีมากเลย) พี่เฟิงเห็นน้องเหมี่ยวก้มหน้าคิดอะไรอยู่นาน เลยถามว่าน้องคิดอะไร...น้องโหยวเหมี่ยวบอกไม่คิดอะไรแต่กระชากผ้าคาดเอวพี่หลีจื้อเฟิงออกเอง...จากนั้นทังคู่ก้อนัวเนียบนเรือชมบรรยากาศเคล้าเสียงเพลงและเสียงตัวเองไป...(ในห้องเริ่มไม่เร้าใจ..คราวนี้บนเรือส่วนตัวเลยที่เดียว555)

วันที่ห้าเดือนหก ฮ่องเต้ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ พร้อมประกาศนิรโทษกรรมทั่วแคว้น จ้าวเฉาจัดตำแหน่งที่ยืนของน้องโหยวเหมี่ยวอยู่ข้างตำหนักไท่เหอ รอบกายล้อมด้วยคุณชายตระกูลใหญ่ ที่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ แต่น้องเหมี่ยวไม่สนใจ555

หลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมไหว้ฟ้าดินแล้ว น้องโหยวเหมี่ยวก้อขี้เกียจอยู่ต่อเลยเดินออกนอกวังไปเดินเล่นหาน้ำท่ากินคลายความร้อน แต่ร้านขายน้ำชาคนแน่นไม่ว่างสักร้าน จนเดินผ่าหน้าประตูหนึ่ง เห็นชายขอทานนอนหายใจรวยริน แต่ไม่มีคนให้ความช่วยเหลือ น้องเหมี่ยวสงสารเลยแบกชายชราไปนั่งหลบแดดที่สำนักว่าการที่ประตูเปิดอ้าทิ้งไว้ พร้อมไปตักน้ำที่เรือนด้านหลังมาให้ชายชราดื่ม ก้อโดนคนในนั่นเข้ามาตะคอกไล่ใส่น้องเหมี่ยว แถมจะให้คนลากน้องไปศาลกรมอาญาด้วย ด้วยความโมโหน้องหมี่ยวเลยหันไปตอบว่า อย่าว่าแต่ที่นี่เลย ต่อให้หกกรมการปกครอง ค่ายทหารของแม่ทัพเนี่ยตันยังวังหลวงของฝ่าบาท น้องอยากเข้าเมื่อไรก้อเข้าได้เมื่อนั่นแหละ555(โชว์กร่างเต็มที่ ที่สำคัญทุกคนที่กล่าวถึงล้วนเป็นลูกหนี้ของน้องเหมี่ยวทั้งน้าน555) ระหว่างมีคนฮื่อฮาก้อพอดีหลี่เหยียนเดินสวนมาด้วย น้องเหมี่ยวเลยได้รู้ว่าคนที่มีเรื่องกะน้องชื่อถังปั๋วเป็นน้องเขยของหลี่เหยียนนะเอง หลี่เหยียนสั่งถังปั๋วให้ไปหยิบรายงาน ส่วนตัวเขาเองพาน้องโหยวเหมี่ยวออกไปส่งขึ้นรถม้าพร้อมขอทานชายชรา

เช้าวันรุ่งขึ้นน้องโหยวเหมี่ยวไปสำนักสภาที่ปรึกษาอีกครั้ง หวังจะไปหาอาจราย์ซุนอวี๋ แต่เห็นมีเวทีอภิปรายก้อเลยเข้าไปเดินชม ก้อเห็นถังปั๋วกับกลุ่มเพื่อนนั่งเตรียมถกข้อเสนอโอรสสวรรค์ต้องการฟังเสียงราษฎร ก้อมีคนเดินเวทียกหัวข้อเรื่องการสนัยสนุนให้กองทัพบุกขึ้นเหนือเื่อช่วยเหลือเหล่าเชื้อพระวงค์และอดีตฮ่องเต้กลับมาแต่ปัยหาเรื่องความบอบช้ำจากศึกสงครามยังไม่ได้พื้นฟู ความอดอยากยังไม่ได้รับการบรรเทา ประชาเองก้ออดอยากอยู่อย่างยากแค้น กลายเป็นการโต้วาทีของฝ่ายสนับสนุนให้ระงับสงคราม กับฝ่ายสนับสนุนให้ทุ่มทำศึกต่อไป ทางฝั่งถังปั๋วที่เป็นหัวหน้าแกนคัดค้านทำสงคราม(น่าจะถือเป็นตัวแทนขุนนางแดนใต้เจ้าของถิ่น) ก้อโต้คารมจนได้เสียงเชียรค่อนข้างมาก

น้องโหยวเหมี่ยวที่เริ่มทนดูไม่ได้ก้อพอดีหลิวลั่วหยางกับผิงซีพร้อมพรรคพวกเก่า(ตอนนี้ล้วนเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนักกันละ)เดินมาร่วมกลุ่มแล้วดันน้องโหยวเหมี่ยวให้ขึ้นไปโต้คืน(น่าจะเป็นตัวแทนขุนนางฝ่ายเหนือที่เสียดินแดนอพยพหนีมาพึ่งคนทางใต้) ผิงซีบอกเดียวเพื่อนๆจะขึ้นไปช่วยสนับสนุนเอง555 น้องเหมี่ยวขึ้นไปพร้อมเพื่อนบนเวที พร้อมร่ายยาวว่า"บ้านเมืองล่มสลาย รังนกพลิกคว่ำ ไหนเลยจะเหลือไข่ที่สมบรูณ์...ปฐมกษัตริย์สร้างชาติบ้านเมืองบนหลังม้า การค้าเจริญรุ่งเรืองจนเผ่านอกด่านจ้องตาเป็นมัน ถ้าไม่รบมั่วแต่เจราจาสงบศึกก้อนั่งรอเป็นก้อนเนื้อให้คนเผ่านอกด่านเข้ามาตัดเชือดกันง่ายๆ หรือจะอพยพหนีจนสุดแดนชายทะเลนั่นคงถ่วงเวลาไปได้สักหน่อย..." เรียกเสียงฮื่อฮามากมายจนถังปั๋วหน้าดำทันที

น้องโหยวเหมี่ยวเดินลงเวทีปุ๊ป ก้อมีขุนนางเดินมาประกบแล้วพาน้องเหมี่ยวเดินเข้าไปที่ประตูเล็กด้านข้าง ก้อพบอาจราย์ซุนอวี๋กับจ้าวเฉากำลังนั่งเล่นหมากล้อม พร้อมฟังการอภิปรายที่ดีงข้ามกำแพงไปด้วย น้องเหมี่ยวคุกเข่าให้อาจารย์ด้วยความคิดถึงและดีใจที่ได้พบกันสักที แต่เจอะอาจารย์ซุนอวี๋สาดน้ำชาใส่หน้าหลอกด่าหาว่ามาถึงตั้งนาน กลับไม่รู้จักรีบกลับมารับใช้ราชสำนักเอาแต่สุขสบายในบ้านตัวเอง จนจ้าวเฉาต้องรีบพูดออกตัวให้น้องเหมี่ยวว่าไม่ได้อยู่บ้านเปล่าๆ น้องช่วยการศึกที่อำเภอเพ่ยเสี้ยนด้วย อาจราย์ซุนอวี๋เลยชิงถือโอกาสเรียกน้องเข้าสำนักสภาที่ปรึกษาของตัวเองทันที(อาจารย์ช่างวางแผนการได้ายการมาก55) น้องเหมี่ยวเลยติดตามรับใช้อาจารย์นับแต่บัดนี้ วันนี้ก้อโดนเรียกให้ช่วยอาจารย์อ่านฎีกาที่ล้วนมีปัญหามากมาย...ถึงเจอะอาจารย์ด่าน้องก้อหัวเราะคิกเข้าสู้...ตอนนี้น้องเหมี่ยวยังไม่มีพรรคพวกในสภาที่ปรึกษา เวลาฎีกามีปัญหาเลยโดนเจ้าถิ่นถังปั๋วและพรรคพวกคอยเตะตัดขา โดยเฉพาะกฎหมายใหม่เรื่องการจัดสรรที่ดินที่คนเจ้าถิ่นแดนใต้ไม่เห็นด้วยแต่น้องตัวคนเดียวก้อสู้ไม่ถอย ถึงสุดท้ายเหล่าขุนนางฝ่ายใต้จะคัดค้านปัดตกลงในที่สุด

ทุกวันที่พี่หลีจื้อเฟิงว่างจะมารอน้องโหยวเหมี่ยวไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ก้อมาพร้อมมีของฝากจากจ้าวเฉา เป็นชามทองลงอักษรว่าโอรสสวรรค์พระราชทานเลยที่เดียว(หรูเกินเบอร์มาก555) ให้ไว้เป็นชามข้าวส่วนตัวของน้อง นี่เป็นการประกาศให้รู้สินะว่าเป็นเด็กของใครใหญ่เบอร์ไหนละ55 พี่เฟิงบอกอาหารที่นี้ไม่อร่อยจะเอาแม่ครัวลงมาไหมจะได้กินข้าวได้เยอะๆหน่อย น้องเหมี่ยวต้องรีบห้ามแค่นี้คนก้อหมั่นไส้จะแย่ละ พี่เฟิงเลยจะให้บ่าวมาไว้รับใช้สักคนเพราะน้องเหมี่ยวซักผ้าไม่เป็นน้องเหมี่ยวเลยยินยอมรับบ่าวมาใช้555 จากนั่นพี่เฟิงพาน้องไปอาบน้ำที่ค่ายทหารตัวเองแล้วนอนพักที่ค่ายทหาร

กิจวัตรช่วงนี้น้องโหยวเหมี่ยวคอยติดตามรับใช้อาจารย์ซุนอวี๋ สลับคนละวันกับถังปั๋วเพื่อเข้าไปฟังประชุมเช้าของเหล่าขุนนางมา ครึ่งเช้าเฝ้าศึกษาตำรา ครึ่งบ่ายนั่งอ่านฎีกา กลางคืนก้อต้องช่วยจัดเตรียมฎีกาไว้ให้อาจารย์ซุนอวี๋ ใช้ตอนประชุมขุนนางตอนเช้า หลังเลิกงานตอนเย็นน้องเหมี่ยวก้อจะแวะไปหาพี่หลีจื้อเฟิงที่ค่ายทหารบ่อยๆ

เย็นวันหนึ่งพี่หลีจื้อเฟิงมาหาน้องโหยวเหมี่ยวและมารับไปอาบน้ำด้วยกัน พี่เฟิงเห็นน้องเหมี่ยวซึม เลยถามไถ่ได้ความว่าน้องเริ่มท้อเหมือนตัวเองทำได้ไม่ดีพอจนอาจารย์จะผิดหวังในตัวน้องเหมี่ยว พี่เฟิงเลยตัดสินใจให้บอกงั้นก้อเลิกทำ กลับไปเขาเจียงปัวกันตอนนี้เลย น้องเลยหัวเราะพร้อมคิดตก ว่ายังไงก้อต้องอยู่สุ้ต่อไป ถึงจะมีแค่เสียงเดียวก้อตาม เย็นนั่นบ่อน้ำหลังห้องพักพี่เฟิง ทั้งคู่ต่างผลัดอาบน้ำถูไถให้กันจน....อึม...ได้กัน จากนั้นพี่หลีจื้อเฟิงก้อพาน้องเหมี่ยวกลับไปส่งที่สำนัก ก่อนจะจากก้อจูบปากร่ำลากัน แต่พี่เฟิงเครื่องติด เลยจับน้องเหมี่ยวกดติดกำแพง จัดหนักไปอีกรอบ(ช่วงนี้พี่เฟิงเน้นทำกิจกรรมนอกสถานที่จัง555) ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงก่อนแยกจากไปก้อสั่งน้องเหมี่ยวอย่าลืมจัดการเรื่องฎีกาของกรมทหารของพี่เฟิงด้วย(หมู่นี้ใช้เมียเก่งละเกิน)

น้องโหยวเหมี่ยวนึกได้ก้อรีบไปที่ห้องโถง จะไปรื้อฎีกากรมทหารมาดู ก้อไปเจอะถังปั๋วนั่งตรวจฎีกาให้อาจารย์ซุนอวี๋อยู่หันมามองน้อง ทำให้น้องเหมี่ยวเพิ่งรู้สึกตัวว่าคราบหลักฐานความรักพี่เฟิงเลอะทั้งเสื้อเลอะทั้งขา แต่ยังคงต้องก้าวไปนั่งโต๊ะตรงข้ามเพื่ออ่านฎีกาที่กองค้างอยู่ แถมต้องเดินผ่านถังปั๋ว(555ขำฉากนี้มาก น้องกะอักกะอ่วนใจแต่ยังต้องมานั่งทำงานต่อ) ถังปั๋วเห็นแล้วทนไม่ไหวเลยถามว่าน้องเหมี่ยวมีครอบครัวแล้วรึยัง ส่วนตัวเขาเมียหนึ่งลุกหนึ่งไปแล้ว น้องเหมี่ยวรู้สึกร้อนตัว คิดว่าเหตุการณ์ริมกำแพงมะครู่ คนในห้องโถงไม่น่าจะได้ยินเสียง แต่ก้อตอบกลับไปว่ายังไม่มี555 แล้วเลยถามถังปั๋วถึงฎีกาของกรมทหาร บอกว่าอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ซุนอวี๋ละ น้องเลยหยิบไปดูพร้อมขอแลกวันเข้าประชุมเช้าพรุ่งนี้กับ ซึ่งถังปั๋วก้อตอบรับตกลง

เช้าวันต่อมาท่ามกลางอากาศอบอ้าวร้อนระอุ น้องโหยวเหมี่ยวยืนดูแม่ทัพเนี่ยตันทะเลาะกับขุนนางในราชสำนักหน้าดำหน้าแดงตามคาด เรื่องการขอเพิ่มกำลังคนกำลังทหารเพื่อบุกขึ้นเหนือไปจัดการเผ่าต๋าต๋าเพื่อทวงแผ่นดินตงเหอ ซูเป๋ยกับสวีโจว แต่โดนคัดค้านในเรื่องเสบียงที่ไม่พอให้กองทัพ ภัยแล้งกำลังมา ไหนจะกลัวว่าขุนพลเฮ่อมั่วเถี่ยเอ่อร์นำเผ่าต๋าต๋าจะโจมตีกลับคืนแล้วกำลังทหารอาจไม่พอจะสู้รบอีก ฮ่องเต้สั่งเลิกประชุมแทน สรุปฎีกานี้ถูกเลื่อนไปคุยในวาระอื่นต่อไป

ออกจากท้องพระโรง พี่หลีจื้อเฟิงก้อถามน้องโหยวเหมี่ยวทำไมจ้าวเฉาถึงไม่สนับสนุนแม่ทัพเนี่ยตันละ น้องบอกว่ายังมีเหตุผลไม่แน่ชัดแต่จากที่น้องดูแล้ว หลังศึกนี้ผ่านพ้นไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ๆ พี่หลีจื้อเฟิงเลยพาโหยวเหมี่ยวขึ้นม้าคิดจะพาไปเที่ยวหย่อนใจ แต่แวะไปที่สภาที่ปรึกษาก่อน เลยเจอะแม่ทัพเนี่ยตันกับนั่งคุยกับอาจารย์ซุนอวี๋อยู่ แต่ดูแล้วอาจารย์ซุนอวี๋ไม่อาจช่วยแม่ทัพเนี่ยตันได้ แม่ทัพเนี่ยตันเลยจะเคลื่อนพลเองแต่โดนอาจารย์ซุนอวี๋สั่งห้ามเคลื่อนพลโดยพลการ แต่หันไปถามว่าน้องเหมี่ยวสามารถกล่อมฮ่องเต้ได้ไหม น้องเหมี่ยวเลยรับอาสาไปคุยกับจ้าวเฉาให้ แต่น้องเหมี่ยวขอไปแต่งตัวที่ค่ายทหารพี่เฟิงก่อน

คืนนั้นที่ตำหนักเหรินเต๋อ จ้าวเฉานั่งดูฎีกาพร้อมตราสั่งการกองทัพบนโต๊ะ นางกำนัลเข้ามารายงานว่าน้องเหมี่ยวมาขอเข้าพบ จ้าวเฉารู้จุดประสงค์การมาเลยไม่อนุญาติให้เข้าพบ แต่นางดำนัลบอกน้องเหนี่ยวจะนั่งรอจนกว่าจะยอมให้เข้าพบทำให้จ้าวเฉาฉุนเลยสั่งให้เข้ามาทันที พอเห็นหน้าน้องก้อตกตะลึงเพราะวันนี้น้องเหมี่ยวแต่งชุดทหารพร้อมออกรบ น้องเหมี่ยวมาในนามของตัวแทนเหล่าบัณฑิตแห่งสำนักไท่เสวียและชาวบ้านในจงหยวน เพื่อนำทัพไปล้างแค้นที่พวกเขาต้องตายอย่างโหดร้ายและทารุณ ทั้งคู่จ้องตากันนานต่างฝ่ายต่างรู้ว่ากำลังคิดอะไร น้องโหยวเหมี่ยวให้สัญญากับจ้าวเฉาหลังจบศึกครั้งนี้ น้องเหมี่ยวจะยืนอยู่เคียงข้างจ้าวเฉาไม่ทิ้งเขาไปแน่ๆ จ้าวเฉาจึงมอบตราสั่งการกองทัพให้น้องเหมี่ยวไป


โหยวเหมี่ยวขึ้นม้าแล้วไปที่กรมทหาร ไปพบผิงซีที่รออยู่เพื่อมอบหนังสือกับตราเสนาธิการ เลยถามว่าศึกครั้งนี้ใครเป็นเสนาธิการ น้องยิ้มเป็นน้องเหมี่ยวนะเอง พร้อมฝากฝั่งผิงซีให้ช่วยยันการคัดค้านฎีกานี้ในท้องพระโรงไว้จนกว่าน้องเหมี่ยวจะกลับมา จากนั้นน้องก็ขี่ม้าไปค่ายทหารด้านตะวันออกเพื่อไปสบทบกับพี่หลีจื้อเฟิง แล้วเคลื่อนพลทหารออกจากเมือง อาจารย์ซุนอวี๋ยืนมองฟ้ายามค่ำ แล้วหันไปสั่งลูกศิษย์ว่าพรุ่งเขาไม่เข้าประชุม ขอลาป่วย

ที่ราบกว้างพันลี้นอกตัวเมืองเม่าเฉิง พี่หลีจื้อเฟิงกับโหยวเหมี่ยวพร้อมทหารทั้งกองขี่ม้าฝ่าสายลมกรรโชก เพื่อเร่งเดินทางเข้าสู้อำเภอเพ่ยเสี้ยน พร้อมแม่ทัพเนี่ยตันนำกำลังพลแสนนายตามมาสบทบ จากนั่นกระจายกองกำลังเข้าโอบล้อมโจมตีค่ายทหารชาวต๋าต๋าในท่ามกลางพายุไต้ฝุ่นที่กำลังก่อเค้าเริ่มพัดรุนแรงยิ่งขึ้น จากนั้นคำสั่งฆ่าก้อตะโกนออกมาจากแม่ทัพทั้งสอง ทหารเผ่าต๋าต๋าไม่เคยเจอะพายุไต่ฝุ่น แถมเจอบุกโจมตีฉับพลัน ทำให้กองทัพระส่ำระสายพ่ายแพ้ให้กับสองแม่ทัพแคว้นเที่ยนฉี่ โหยวเหมี่ยวเตรียมขี่ม้าเข้าเมืองด่วน

ในท้องพระโรงยามเช้า จ้าวเฉาเข้าประชุมพร้อมเหล่าขุนนาง ที่ตอนนี้กำลังโต้แย้งกันอย่างดุเดือด หัวหน้าสำนักตรวจการลุกชี้หน้าด่าทอผิงซี ที่กล้าอนุญาติให้เคลื่อนพลทหารไปออกรบ จะขออนุญาติให้จับผิงซีไปลงโทษให้ได้ ส่วนได้แต่นั่งยิ้มเย็นชาอยู่บนบัลลังก์ น้องโหยวเหมี่ยวก้อเข้ามาทูลรายงานพอดี ว่าศึกนี้กองทัพแคว้นเที่ยนฉี่ชนะอย่างเด็ดขาดสามารถสังหารทหารต๋าต๋าได้หมดทุกคน ท้องพระโรงเงียบกริบทันใด จ้าวเฉาสั่งเลิกประชุมทันที ผิงซียืนผิงเสาปาดเหงื่อ...555

คืนนั่นโหยวเหมี่ยวนั่งรอข่าวจากพี่หลีจื้อเฟิงในที่พัก ก็มีทหารเข้ามารายงานว่าหลีจื้อเฟิงกำลังนำทัพกลับเข้าเมืองหยางโจว ส่วนแม่ทัพเนี่ยตันได้รับชัยชนะก้อพาทหารรุกไล่เข่นฆ่าจนยึดแผ่นดินทางตะวันออกของหลิวเป่ยกับซูหนานกลับคืนมาได้แล้ว น้องเหมี่ยวถึงได้หลับตาลงนอนพักได้สะที

เช้าวันรุ่งขึ้นโหยวเหมี่ยวนั่งอ่านฎีกาสูงท่วมหัวเหมือนเดิมจนอยากร่ำไห้ ก้อเจอะอาจารย์ซุนอวี๋แซวว่าอยากก่อเรื่องเอง น้องเลยตัดพ้อว่าที่จริงเป็นแผนการอาจารย์แท้ๆ น้องไม่ได้เป็นคนคิดเองสะหน่อย55 อาจารย์อมยิ้มด่าว่าเหลวไหลแล้วจากไปให้น้องเหมี่ยวสะสางฎีกาคนเดียวต่อไป555

หลังจบศึกที่แม่น้ำตงเหอ พี่หลีจื้อเฟิงกลายเป็นขุนศึกชื่อดังสะท้านเมืองได้ฉายาหมาป่าเกราะเหล็กน้องเหมี่ยว นักเล่านิทานมากมายเอาเรื่องเขาไปทำเป็นเรื่องเล่าในโรงน้ำชากระจายวีรกรรมไปทั่ว วันนี้พี่หลีจื้อเฟิงมารับน้องเหมี่ยวไปเที่ยวหย่อนใจ น้องมองพี่เฟิงแล้วนึกถึงเมื่อห้าปีก่อนพี่เฟิงยังเป็นหนุ่มน้อยผู้แสนยโสเย็นชา แต่ตอนนี้พี่เฟิงกลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์ที่ดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวแถมมีมาดแม่ทัพใหญ่(จาก22ปีมาตอนนี้27ปีละ ส่วนน้องเองจากเด็ก15วันใส มาเป็นขุนนางเต็มตัวในวัย20ปีตอนนี้) น้องมองพี่เฟินจนต้องถามว่ามองอะไร น้องก้อบอกว่าพี่เฟิงเปลี่ยนไปเยอะมาก(เข้าสู่โหมดหลงสามีของน้องเหมี่ยว) ตอนนี้น้องเหมี่ยวเริ่มกังวลที่พี่เฟิงโดนเด่น อาจโดนขุนนางใส่ร้ายเล่นงานได้ง่ายๆแต่ก้อไม่อยากบอกความคิดนี้กับพี่เฟิง พอดีพี่เฟิงบอกได้วันลาหยุดสามวันว่าจะชวนน้องกลับปราสาทเขาเจียงปัว น้องก้อตาใจพี่เฟิง ทั้งคู่ขี่ม้าชมเมืองกลับขึ้นเขาเจียงปัวอย่างสบายใจ

กว่าจะถึงปราสาทเขาก้อค่ำมืดแล้ว ทั้งคู่ก้ออาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่พี่เฟิงไม่ยอมนอน...จึงกวนน้องโหยวเหมี่ยวจนถึงเช้ากว่าทั้งคู่จะได้นอนกัน555 ก้อพอดีตอนเช้านั้นพ่อน้องเหมี่ยวได้ข่าวลูกชายกลับบ้านมะคืน เขาเลยถือวิสาสะบุกเข้าห้องนอนน้องเหมี่ยว...เลยได้เห็นภาพพี่หลีจื้อเฟิงนอนกอดแนบสนิทลูกชาย....แต่ก้อพูดไม่ออก...เพราะพี่เฟิงเป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว...ว555 พี่หลีจื้อเฟิงทำอะไรไม่ถูก ส่วนโหยวเหมี่ยวได้แต่หัวเราะคิกๆ

หลังจากทั้งคู่จัดการแต่งตัวกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว ก้อไปห้องโถงที่ท่านพ่อนั่งรออยู่ พ่อก้อทำเป็นไม่รับรู้เรื่องนี้ แต่ตั้งใจมาถามข่าวเรื่องเมืองหลิวโจวว่ากองทัพสามารถไล่ข้าศึกออกไปได้หมดแล้วใช่ไหม เพราะเขาอยากจะกลับไปดูแลที่ดินไร่ชาที่เขาปราสาทปี้อวี่ แต่น้องโหยวเหมี่ยวก้อตอบตามจริงว่าถึงยึดที่กลับคืนมาจากข้าศึกแล้ว แต่ก้ออาจจะได้ได้ที่ดินคืน อาจมีการจัดสรรที่ดินใหม่ สร้างความไม่พอใจให้ท่านพ่อยิ่งนัก ระหว่างที่ยังคุยไม่ทันจบ ก้อมีบ่าวมารายงานว่ามีคำสั่งให้ให้แม่ทัพหลี่กลับเมืองเม่าเฉิงด่วนเพราะมีเรื่องจะปรึกษาด่วน น้องโหยวเหมี่ยวได้ยินก้อแทบคลั่ง สามีอุดสาได้หยุดตั้งสามวัน นี้อะไรยังไม่ทันข้ามวันโดนสั่งกลับอีกแล้ว เลยสั่งตะโกนบอกบ่าวให้ตอบไปว่าท่านแม่ทัพหลี่ไม่อยู่(โหมดเมียรักคุ้มคลั่ง55) แต่พี่เฟิมให้ไปถามว่าคำสั่งจากใคร บ่าวก้อบอกว่าคำสั่งมาจากตำหนักใน

สรุปเป็นขันทีชรามาตามน้องเหมี่ยวให้เข้าวังด่วนแต่ไม่พบ เลยให้มาตามพี่เฟิงที่ค่ายก้อไม่เจอะอีกเลยทำให้ฮ่องเต้กริ้วจนมะคืนไม่ได้นอนเลย พี่เฟิงบอกขันทีชราว่าจะเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ แต่น้องเหมี่ยวดูอาการแล้วไม่ควรทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธ ทั้งคู่เลยจำใจขึ้นรถม้ากลับเข้าเมือง

ภายในวังยามค่ำ น้องเหมี่ยวก้อเข้าไปรายงานตัว กลับโดนฎีกาขว้างปาใส่เขา พร้อมเสียงตวาดลั่นของจ้าวเฉา ด่าว่านี้มันเรื่องอะไรกัน น้องเหมี่ยวฉุนขาดทันทีทันที เริ่มด่าฮ่องเต้ในใจว่าตัวข้านั่นทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อประคองราชสำนักให้เจ้าจนข้าไม่มีเวลาขึ้นเตียงกับพี่หลีจื้อเฟิงด้วยซ้ำ ยังกล้ามาแสดงท่าทีบัดซบใส่ข้าอีก(555น้องเหมี่ยวของขึ้นโดนเฉพาะไม่มีเวลาขึ้นเตียงกับพี่เฟิงนี้เหตุผลใหญ่ที่ทำให้น้องปรี๊ดแตกเลยนะ) จ้าวเฉาเริ่มรู้สึกตัวหลังเห็นสีหน้าน้องเหมี่ยว แต่น้องเหมี่ยวข่มสติดับแค้น บอกไปว่ามีอะไรค่อยๆพูดจากันก้อได้ พร้อมปาฎีกากลับไปที่โต๊ะฮ่องเต้จนแท่งหมึกกระเด็นใส่ชุดจ้าวเฉา (น้องเหมี่ยวรู้สึกสบายใจขึ้นทีที555)แต่น้องแกล้งเข้าไปเช็ดเสื้อพร้อมร้องว่า"โปรดระงับโทสะๆๆ"พร้อมนัวเนียเข้าถึงตัวจ้าวเฉา จนจ้าวเฉาอารมย์ดี จ้าวเฉาตบหัวพร้อมถีบน้องเหมี่ยวไปหนึ่งทีกลับไป(นี่เป็นการแสดงความรักหรอ555)ก่อนเล่าว่าทำไมเขาถึงได้ตามตัวเรียกกลับมาด่วน

สรุปว่าจ้าวเฉากำลังเครียดกับฎีกาที่ฟ้องร้องพี่หลีจื้อเฟิงตามที่น้องเหมี่ยวเคยกังวลจริง คนที่ฟ้องร้องก้อพวกที่ไม่สามารถเล่นงานแม่ทัพเนี่ยตันได้ เลยมากลั่นแกล้งพี่หลีจื้อเฟิงแทน ส่วนตัวน้องเหมี่ยวก้อเจอะศัตรูในราชราชสำนักยื่นฎีกาสารพัดความผิด ทั้งยึดที่หลวงเอามาทำกินส่วนตัว(อันนี้น้องทำจริง555แต่ที่ดินตอนนั่นมันเป็นดินหน้าชายแดนที่ยังรบกันอยู่555) แถมยังรวมมือกับขุนนางใหญ่หกกรมกอง(อันนี้เขาเป็นเพื่อนกันตั้งเมืองหลวงยังไม่แตกก้อสนิทกันดิ) แถมเจอะคนในสำนักสภาที่ปรึกาาฟ้องร้องอีก(อันนี้เป็นถังปั๋วแอนเดอะแก็งค์แน่นอน) แต่ฎีกาทั้งหมดนั่นจ้าวเฉาจัดการสกัดไว้หมดละ ที่เรียกน้องเหมี่ยวมาเพื่อตักเตือนว่าอย่าทำอะไรให้พวกนั้นเล่นงานได้นะเอง สรุปเย็นนั้นน้องเหมี่ยวนั่งกินข้าวกับจ้าวเฉา เพื่อคุยวิธีแก้ขจัดการเรื่องพวกนี้ ระหว่างนางกำนัลยกอาหารมาวางบนโต๊ะ น้องเหมี่ยวเห็นหน้าตาอาหารแล้วสงสารทนดูไม่ได้ ล้วงตั๋วแลกเงินสี่ร้อนตำลึงให้จ้าวเฉาไว้ แล้วบอกบ่าวไพร่ให้ดูแลอาหารการกินของจ้าวเฉาให้มันดีๆหน่อย จ้าวเฉาเลยเปรยๆว่าเจียงหนานประสบภัยแล้งตอนนี้ยังไม่มีวิธีแก้ไข น้องโหยวเหมี่ยวเลยถามต้องการเงินเท่าไร โหยวเหมี่ยวเลยขอสักแปดพันตำลึงพอที่เหลือจะไปหาจากที่อื่น(น้องเหมี่ยวผู้เสียสละจริง555 ทำงานแทบตายในราชสำนักไม่พอ ยังต้องทำมาหากินปั่นเงินเพื่อเอามาถมให้จ้าวเฉา ส่วนบังลังก์ก้อให้สามีตัวเองค่อยค้ำชูท่านอีก)

จ้าวเฉาบอกว่าตอนนี้เพราะภัยแล้งทำให้ชาวบ้านอดอยากมาก จนตอนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะมีการรวมตัวของชาวบ้าน ที่ก่อความวุ่นวายมากมายนับหมื่นคนจนกลายเป็นกบฎชาวนาแล้ว (ในนี้ยังแฝงปัญหาภายในที่คนทางเหนืออพยพลงใต้แต่ไม่มีที่ดิยทำกิน และเจ้าของถิ่นทางใต้ที่ประสบภัยจนเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้) ตอนนี้จ้าวเฉาจะเรียกหลีจื้อเฟิงมาจัดกองทหารไปกำราบกบฎชาวนา น้องเหมี่ยวเล็งเห็นปัญหาหนัก เพราะถ้ากบฎชาวหน้าที่เจียงโจวชนะในการก่อความวุ่นวายนี้ เรื่องปวดหัวนี้จะลามลงไปยังเมืองอื่นๆอีกแน่นอน

ตามมาอีกเรื่องที่จ้าวเฉาทำให้น้องเหมี่ยวปรี๊ดอีกครั้ง คือเขารับหน้าสกุลเซี่ยมาทาบทามน้องเหมี่ยวในการหมั้นหมายแต่งงานกับลุกสาวของเซี่ยฮุย ที่มีญาติเป็นเสนาบดีกรมอากร ยังไม่ทันพูดจบน้องโหยวเหมี่ยวตัดบททันทีว่าไม่แต่ง555 ถ้าจะประทานมงคลสมรสละก้อ ประทานความตายมาให้เขายังดีกว่า จนจ้าวเฉาโมโหว่าเป็นเพราะหลีจื้อเฟิงละสิ(แน่นอนสิ...แหม) สุดท้ายจ้าวเฉาก้อตัดใจไม่ฝืนใจน้องเหมี่ยวอีก

ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวที่จริงวุ่นวายใจในปัญหาหลากหลายในคืนนี้มาก นอนหงุดหงิดใจภายในห้องพัก ก้อพอดีมีคนมาเคาะประตูห้อง น้องเลยตวาดด้วยความฉุนว่าจะนอนแล้ว กลับกลายเป็นอาจารย์ซุนอวี๋ที่แวะมาหา แถมปลอบน้องว่าโดนรังแกมารึ...น้องเลยเล่าเรื่องที่เจอะมาให้อาจารย์ซุนอวี๋ฟัง อาจารย์เลยถามว่าปัญหารุมเร้าทั้งภายในภายนอก ทำไมไม่คิดเดินออกจากปัญหาละ น้องเหมี่ยวบอกว่ายังจากไม่ไปไม่ได้ยังมีภาระใหญ่ติดตัว อาจารย์ชมว่าเจ้าเติบโตขึ้นมาก แล้วเดินจากไป น้องเหมี่ยวรู้สึกดีใจลึกๆที่อาจารย์ชม คืนนั้นพี่เฟิงเข้ามานอนกอดน้องเหมี่ยวที่ห้องด้วย...หึหึ แถมตอนเช้ามีวางตั๊กแตนสานด้วยดอกหย้าไว้เป็นที่ระลึกบนเตียง(ถ้าพี่เฟิงรู้ว่ามะคืนจ้าวเฉาจะให้น้องเหมี่ยวแต่งงาน พี่เฟิงคงพกดาบไปฟันหัวฮ่องเต้ทันทีแน่ๆ555)

วันนี้น้องเหมี่ยวเข้าห้องประชุมสภาที่ปรึกษา ก้อพอดีอาจารย์ซุนอวี๋เพิ่งกลับมาประชุมที่ราชสำนักมา น้องเหมี่ยวเห็นพรรคพวกสภาที่ปรึกษาแอบซุบซิบแล้วมองหน้าเขาแปลกๆ อาจารย์ซุนอวี๋เลยพูดถามน้องเหมี่ยวว่าจากเมื่อคืนฮ่องเต้รับสั่งให้เขาเข้าวังไปทำไม น้องเหมี่ยวนั่งคิดก้อรู้ว่าอาจารย์ช่วยตัวเอง ว่าถึงพวกนี้จะยื่นฎีกาฟ้องร้องน้องเหมี่ยวและสามีแค่ไหน แตสุดท้ายฮ่องเต้ยังเชื่อใจพวกเขาเรียกรับใช้ใกล้ชิดเหมือนเดิม(นี่เป็นแผนตัดไม้ข่มนามของอาจารย์ชัดๆ555 ให้รู้สะบ้างว่าน้องเป็นเด็กใคร) น้องโหยวเหมี่ยเลยถือโอกาสเล่นใหญ่ ว่าฮ่องเต้รับสั่งว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่งั้นจะเกิดเรื่องแย่ๆแน่นอน เริ่มจากเจียงหนานเกิดภาวะอดอยาก ทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย ราษฎรหลายอำเภอทางตะวันตกเริ่มก่อจราจล ถ้ายังไม่ปฎิรูปใช้กฎหมายใหม่ คงยากจะระงับความวุ่นวานนี้ พูดจบแม่แต่อาจารย์ซุนอวี๋ยังตะลึง ถังปั๋วได้สติก้อลุกขึ้นโต้แย้ง แต่เจอะน้องเหมี่ยวดักคอกลับว่าช่วงนี้อย่าค้านดำริฮ่องเต้ ให้คิดยาวๆเดียวจะโดนเชือดเป็นตัวอย่างสะก่อนละ ทำเอาสมาชิกสภาที่ปรึกษาเงียบกริบไปทั้งห้อง

หลังน้องเหมี่ยวโม้จนเพื่อนตะลึง ก้อเพิ่งนึกได้ว่าเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปหน่อย เลยคิดว่าตอนบ่ายจะแว่บไปหาพี่หลีจื้อเฟิงสะหน่อย พอดีเจอะอาจารย์ซุนอวี๋เรียกมาคุยสะก่อน เพื่อสอบถามว่าที่มะกี้เรื่องจริงหรือเปล่า น้องเลยสารภาพว่าโม้ล้วนๆ555 อาจารย์ซุนอวี๋ถึงขั้นอ่อนใจส่ายหน้า แต่น้องโหยวเหมี่ยกลับบอกว่านี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะหาเหตุเอากฎหมายใหม่ที่โดนปัดตกกลับมาขึ้นฎีกาอีกครั้ง แล้วน้องเหมี่ยวจะออกหน้าเอง อาจารย์อยู่เฉยๆพอ(ที่จริงกฎหมายใหม่อาจารย์พยายามผลักดันแต่แรกแต่สู้แรงต้านขุนนางแดนใต้ไม่ไหว) แต่อาจารย์ซุนอวี๋บอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้น้องไปจัดการโจรกบฎให้เรียบร้อยอย่ามีข้อผิดพลาดละ

น้องเหมี่ยวกำลังจะไปกรมทหารก้อเจอะถัวปั๋วมาดักรอคุยด้วย ว่าจะไปหาแม่ทัพหลี่รึ แถมยังอวยพรให้แม่ทัพหลี่โชคดีอีก(ในใจน้องเหมี่ยวคิดว่าอย่าให้ได้สวนคืนละ เพราะถัวปั๋วตัวดีคือแกนหลักในการส่งฟ้องร้องพี่หลีจื้อเฟิงแหละ) เดินไปถึงค่ายทหารก้อเจอะพี่หลีจื้อเฟิงนอนดื่มสุราอยู่บนกองฟาง เลยทักทายสามีที่ตอนนี้เป็นถึงแม่ทัพหู่เวย ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงพอเห็นน้องเหมี่ยวก้อลงมาอุ้มน้องเหมี่ยวไปนั่งบนกองฟางด้วยกัน พร้อมนอนหงายชี้ชวนดูก้อนเมฆ น้องก้อชี้ว่าก้อนนั่นเหมือนสุนัขอีพี่เฟิงบอกข้างหลังสุนัขเหมือนกลุ่มฝูงแกะ(เอาเข้าไป555) ก้อบอกว่าชีวิตคนนอกด่านก้อยังงี้แหละเลี้ยงสุนัขต้อนสัตว์ฝูงใหญ่ พร้อมเล่นนิทานให้น้องฟัง

จากนั่นน้องโหยวเหมี่ยเลยถามว่าทหารที่ค่ายไปทำอะไรมาถึงมีคนส่งฎีกาฟ้องร้องมากมาย พี่หลีจื้อเฟิงเลยไปเรียกทหารที่เป็นต้นเรื่องมาสอบถามที่ละนายที่ละเรื่อง จากการสอบถามเลยได้ความจริงมากมาย เพียงพอที่จะไปแก้ต่างคนที่มาว่ากล่าวได้ครบทุกข้อ หลับสอบถามเสร็จพี่หลีจื้อเฟิงก้อถามว่าใครเป็นคนฟ้องร้องพี่ บอกชื่อสกุลมาให้หมด พี่เฟิงจะแวะไปเยี่ยมสะหน่อย555 น้องเหมี่ยวได้ยินก้อใจหายวาบบอกพี่เฟิงไม่ต้องเดียวน้องจัดการให้เอง พี่หลีจื้อเฟิงบอกไม่เข้าใจคนฮั่นเลย เขาอุดสาเสียสละออกรบเพื่อชิงผืนดินที่โดนชิงกลับมาให้แล้วยังมาแทงหลังพี่เฟิงแบบนี้อีก พี่เฟิงผิดหวังมาก น้องโหยวเหมี่ยเลยจูบปลอบใจพี่เฟิงไป จากนั่นพร้อมหนังสือแต่งตั้งให้จัดเตรียมทัพไปปราบกบฎชาวนา น้องก้อบอกให้จัดการโดนละโดยม่อม เพราะเป็นแค่การรวมกลุ่มของชาวบ้านที่ไร้อาวุธจริงจัง น้องเหมี่ยวนั่งกอดพี่เฟิงไป

สามวันต่อมาได้เวลาออกเดินทัพของพี่หลีจื้อเฟิง จ้าวเฉาออกไปส่งทัพด้วยตัวอง งานนี้เซี่ยฉวนได้รับแต่งตั้งเป็นเสนาธิการคนใหม่ เพราะเขาเป็นขุนนางในท้องที่ด้วย น้องเหมี่ยวถึงขั้นจับมือเซี่ยฉวนเพื่อฝากฝั่งงานเลยที่เดียว

สองวันหลังจากนั้น ตอนเช้าในท้องพระโรง น้องเหมี่ยวเขียนฎีกากฎหมายใหม่ถวายแต่เจอะเหล่าขุนนางรวมตัวต่อต้านนำโดนขุนนางสกุลถัง สกุลเวี่ย สกุลหลินที่เป็นสกุลใหญ่ในเจียงหนาน ที่สามารถยึดครองอำนาจในท้องพระโรงถึงหกส่วน น้องเหมี่ยวเสนอวิธีบรรเทาความโกธรแค้นของชาวประชาที่อดยากจนกลายเป็นการรวมกลุ่มก่อความไม่สงบตอนนี้ ด้วยการเปิดคลังเสบียงและการแบ่งจัดสรรที่ดินในแดนใต้ ให้เขาเขาได้ทำกิน แต่พวกขุนนางท้องที่ไม่ยินยอมในข้อตกลงนี้ พวกเขาหวังแค่ให้กองทัพไปปราบสลายกลุ่มกบฎชาวนาแค่นั้น ไม่พอยังลากเรื่องที่พี่หลีจื้อเฟิงมีเรื่องฟ้องร้องติดตัวแต่ยังไดรับการแต่งตั้งไปปราบโจรกบฎชาวนาอีกขุนนางสองขั้วต่างหาเหตุทะเลาะกันลั่นท้องพระโรงหาบทสรุปไม่ได้จนฮ่องเต้โมโหสั่งเลิกประชุม น้องเหมี่ยวกลับสำนักก้อไปคุยกับอาจารย์ซุนอวี๋ น้องเลยสรุปประชุมมะเช้าว่าฎีกากฎหมายใหม่ยังไม่ผ่าน อาจารย์ก้อปลอบใจว่าในเมื่อยังตกลงไม่ได้ก้อให้น้องเหมี่ยวจัดการตามชอบไปละกัน น้องเหมี่ยได้ฟังก้อรู้สึกว่าภาระนี้กลายเป็นเขาเองที่ต้องแบกรับไว้เองสะแล้ว

หลังจากนั้นน้องโหยวเหมี่ยก้อกลับไปนั่งอ่านฎีกาในโถงทำงาน ท่านกลางสายตาสะใจสมน้ำหน้าของเหลาสมาชิกสภาที่ปรึกษา ตกบ่ายระหว่างนั่งปวดหัวคิดหาวิธีแก้เกม น้องเหมี่ยวคิดจนฟุบหลับคาโต๊ะ ก้อพอดีโดนปลุกว่าฮ่องเต้ต้องการพบตัว น้องเหมี่ยวเลยไปบอกอาจารย์ก่อนตามองค์รักษ์ออกไป

ที่วังจ้าวเฉา น้องเหมี่ยวบอกว่าเดินหมากผิดแต่แรก แต่ตอนนี้น้องเหมี่ยวคิดแก้เกมนี้ออกละ น้องโหยวเหมี่ยเลยอธิบายแผนว่าเดินหมากครั้งนี้ต้องรุกฆาตทุกคนในคราวเดียว น้องวาดแผนที่เชื่อมระหวางเมื่องเจียงโจวกับเมืองเหยี่ยนโจว แล้วคิดว่ากองทัพกบฎชาวนาของถูรื่อเซิงจะถูกต้อนบังคับให้เคลื่อนพล โดยสั่งให้ทัพของพี่หลีจื้อเฟิงต้อนมาตรงนี้ จากนั่นก้อส่งคำสั่งเรียกพี่หลีจื้อเฟิงกลับมาที่เมือง แล้วเปลี่ยนตัวแม่ทัพใหม่ไปแทน จากนั่นปล่อยให้เขาสู้กันไปเพื่อบีบให้ทัพกบฎชาวนาไหลไปทางเมืองนั่น จากนั่นส่งจดหมายไปหาแม่ทัพเนี่ยตันเคลื่อนพลไปทางตะวันตกแปดสิบลี้ จากนี้ทั้งสองกองทัพจะบีบกองทัพกบฎชาวนาไว้ตรงกลางเหลือทางรอดให้พวกเขาต้องเดินทางหนีมุ่งไปสู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหยางโจว....คราวนี้ได้สร้างความกดดันไปสู่สามสกุลที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ที่เป็นแกนหลังในการคัดค้านกฎหมายใหม่....จ้าวเฉาถึงตะลึงแผนการโหดที่น้องเหมี่ยวคิดขึ้นมา จ้าวเฉาถามว่ามั่นใจแค่ไหน ใครจะเป็นเสนาธิการคราวนี้ น้องเหมี่ยวอาสาเป็นเสนาธิการ และน้องมั่นใจในฝีมือพี่หลีจื้อเฟิงอยู่แล้ว

จ้าวเฉาขอเวลานั่งคิดทบทวน เพราะถ้าพลาด กบฎชาวนาเกิดตีเมืองหยางโจวได้เหตุการณ์คงบานปลาย แต่คิดกลับไปกลับมาวิธีของน้องเหมี่ยวดูจะเป็นวิธีการที่ดีสุด น้องเหมี่ยวให้จ้าวเฉาออกราชโองการลับ เรียกที่รบอยู่แนวหน้าให้กลับมาโดยอ้างเหตุว่ากบฎชาวนาแอบติดต่อชาวตีจึงจำต้องยกทัพออกไล่ล่าไส้ศึกเพื่อสืบข่าว... ส่วนน้องโหยวเหมี่ยก้อรีบเขียนจดหมายหาพี่หลีจื้อเฟิงด่วน ให้พี่เฟิงนำกำลังโอบล้อมต้อนกบฎชาวนาให้หนีไปทางหุบเขา เพื่อบังคับให้เดินตัดทะลุลงที่ราบเหลียงซี จากนั้นก้อตั้งกองทัพคอยคุมสถานการณ์ รอคำสั่งต่อไป และเตือนว่าถ้าราชสำนักส่งคนไปอย่าได้ขัดขืนคำสั่ง แต่ให้ติดตามกลับมาที่หยางโจวทันที

การประชุมขุนนางในท้องพระโรงในวันที่สอง น้องโหยวเหมี่ยและอาจารย์ซุนอวี๋ไม่เข้าประชุมทั้งคู่ ถังปั๋วเข้าประชุมแทน กรมทหารมาเชิญให้น้องหมี่ยวไปประชุม แต่น้องปฎิเสธไป เพียงแต่บอกให้ทำตามรับสร้างฮ่องเต้ละกัน จนผิงซีทนไม่ไหวตกบ่ายต้องมาหาด้วยตัวเอง ภายในสำนักสภาที่ปรึกษาเต็มไปด้วยเสียงสาสมใจดังหึ่งๆ ผิงซีได้แต่นั่งกระสับกระส่าย พอเห็นโหยวเหมี่ยมาก้อแทบคลุ้มคลั่ง กล่าวรายงานว่าราชสำนักจะมีคำสั่งเรียกหลีจื้อเฟิงกลับเข้าเมือง แล้วถังซิ่นเสนอถังไหวหลี่ อดีตรองแม่ทัพเจียวโจวไปนำทัพแทน น้องเหมี่ยวเลยบอกผิงซีให้ทำตามสั่งเถอะ มีปัญหาอะไรเดียวน้องเหมี่ยวรับผิดชอบจะจัดการให้เอง น้องเหมี่ยวบอกตอนนี้ก้อมอบตราแม่ทัพให้เขาไปก้อพอ เรื่องอื่นอย่าเพิ่งพูดถึง ผิงซีเลยได้คิดว่าต้องมีแผนดีๆแน่นอน

ส่วนถังปั๋วกลับมาก็ลอบสังเกตสีหน้าน้องโหยวเหมี่ย ที่ตอนนี้แสดงอาการหดหู่เหลือเกิน จนกระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงสองคน ถังปั๋วเลยว่าจะเข้าไปทักน้องเหมี่ยวสะหน่อย แต่น้องเหมี่ยวชิงพูดก่อน ว่าอีกหน่อยน้องจะกลับไปทำไร่ไถนา ไม่อยู่ที่นี้ทำให้ใครต้องลำบากใจอีกแล้ว จนถังปั๋วแอบรู้สึกผิดเล็กน้อย

คืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยได้รับข่าวว่ารองแม่ทัพถังไหวหลี่ออกจากเมืองแล้ว พร้อมข่าวลือว่าฮ่องเต้กริ้วจัด รับสั่งด่วนให้หลีจื้อเฟิงกลับจากสนามรบ พร้อมสั่งหลีจื้อเฟิงให้จับขังคุกหลวงทันที พี่ชายโหยวฮั่นเกอได้ยนข่าวก้อรีบมาพบน้องชายพร้อมกล่าวปลอบใจ ว่าดีออกจะได้กลับบ้านสะที แถมยังเล่าข่าวที่เมืองหยางโจวว่าทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยคนอดอยาก มีการแย่งที่ดินทำกิน นอกปราสาทเขาเจียงปัวเองก้อมีแต่คนมาขอข้าวกิน

ผ่านไปสองวัน หลีจื้อเฟิงก้อกลับมาที่เมืองเม่าเฉิง ถูกจับคุมขังทันที แต่น้องเหมี่ยมไปรอพี่เฟิงในคุกหลวงอยู่แล้ว น้องเหมี่ยวจัดการประกันตัวหลีจื้อเฟิงออกมาทันที พี่หลีจื้อเฟิงโมโหมาก บอกให้น้องเหมี่ยวอธิบายมาเดียวนี้ น้องเหมี่ยวบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แล้วพร้อมจับพี่เฟิงมาจูบหนักๆแล้วสั่งให้ตามน้องเหมี่ยวกลับบ้านก้อพอ พี่เฟิงโดนจูบก้อหมดสิ้นทุกปัญหา555 จากนั่นก้อขี่ม้ากลับบ้านไปด้วยกัน ระหว่างนั้นน้องเหมี่ยวก้ออธิบายแผนการณ์นี้ พี่เฟิงฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก้อเชื่อมั่นในตัวน้องเหมี่ยวยิ่งนัก

ทั้งคู่กลับมาถึงหน้าทางขึ้นเขาเจียงปัว ก้อเห็นคนแออัดเต็มไปหมด ก้อพอดีเฉิงกวนอู่นำกองกำลังรักษามาลาดตระเวนพอดี เลยบอกน้องโหยวเหมี่ยว่า คนขอเข้ามาเก็บข้าวเปลือกที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว ในนายังพอมีข้าวฟ่างเหลืออยู่ และน้าชายบอกให้อดทนรออีกสักระยะคอยเปิดคลังข้าวตั้งกองบรรเทาทุกข์อีกที

พอกลับถึงปราสาทน้องชายก้อเข้ามาต้อนรับด้วยตัวเอง พร้อมถามพี่เฟิงว่าได้ข่าวโดนสั่งเรียกตัวกลับด่วนรึ พี่เฟิงตอบไปด้วยสำนวนปลงๆว่ามีขึ้นก้อย่อมมีลง น้าชายกลับบอกว่าดีสิจะได้อยู่บ้านกันนานๆ น้องโหยวเหมี่ยกลับทำหน้าขบขัน..(ร้ายนะเราเนี่ย)

วันรุ่งขึ้นปราสาทเจียงปัวตั้งกองต้มโจ๊กแจกจ่ายคน จนทำคนต่อคิวรอรับโจ๊กยาวดุจหางมังกร(แปลว่ายาวมากกกก)  ส่วนน้องโหยวเหมี่ยเริมตรวจนับจำนวนเมล็ดข้าวสำหรับเพาะปลูก น้าชายบอกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว น้องเหมี่ยวเลยขอเมล็ดข้าวพร้อมเบิกออกมาไว้สามพันตั้น น้องเหมี่ยวบอกว่าอีกเดียวพี่หลีจื้อเฟิงต้องไปออกรบอีกรอบ อย่างน้อยต้องขนเสบียงไปสักล้านชั่ง ไปแจกจ่ายกอบงทัพกบฎ ถึงจะสลายการจลาจลนี้ได้

น้าชายก้อบ่นว่าเพิ่งกลับจากเจียงโจว ก็พบว่าปีนี้คนหิวตายนับหมื่น ถึงขั้นแลกลูกกันกิน หันมามองที่เขาเจียงปัวของเรามีดีเพราะปลูกข้าวได้เองเลยสามารถเลี้ยงดูกองกำลังของตัวเองได้สบายๆ หลังจากปลงกับทุกสิ่ง ทุกคนก้อกลับมาใช้ชีวิตสบายๆเหมือนที่เคยเป็นมา น้องโหยวเหมี่ยไปเล่นว่าวกับพวกบ่าววัยเดียวกัน พี่เฟิงไปนั่งตกปลา(แลดูงานอดิเรกคนแก่เลย555) ถ้าฝนวันไหนฝนตกน้องเหมี่ยวจะออกแบบภาพร่างทำงานประดิษฐ์ พี่หลีจื้อเฟิงก้อจะเป็นช่างไม้แผนกลงมือทำ

จนเวลาผ่านไปอีกหลายวัน มีข่าวส่งมาว่าที่เมืองหยางโจวกำลังระส่ำระสาย เพราะกองทัพกบฎแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ตั่งค่ายอยู่ห่างจากหยางโจวยี่สิบสี่ลี้ ด่านแรกที่ต้องรับความกดดันในการต้านศึกคืออำเภอติงเสี้ยนซึ่งเป็นที่ตั้งของสกุลถัง(อิอิ สมน้ำหน้า) ถ้ารบแพ้ ก้อจะโดนยึดที่ ถัดไปที่จะโดนคืออำเภอชงเสี้ยนถิ่นสกุลหลินหุหุ(อีขุนนางสกุลหลินนี้ตัวค้านขัดขาน้องตลอด)

และแล้วก้อมีคนมาขอพบน้องโหยวเหมี่ยที่เขาเจียวปัว แต่หวยออกที่ถัวปั๋วที่ด้านหน้ามาขอร้องน้อง ถัวปั๋วทำเป็นมาเยี่ยมเยือนพร้อมหอบเอาของมากำนัลล้ำค่ามาให้ น้องเหมี่ยวก้อคุยหลบแบบรู้ๆกันก้อยื้อจนกว่าถัวปั๋วจะพูดขอร้องออกมาตรงๆ จนถัวปั๋วต้องยอมขอร้องให้น้องเหมี่ยวกลับไปที่สำนักสภาที่ปรึกษา จานชามของน้องยังอยู่ดีที่นั่น แถมเล่าสถานการร์ของกองกบฎชาวนาใกล้เข้าสู่เขตเมืองหยางโจวแล้ว พี่หลีจื้อเฟิงก้อเลยว่าจะกลับไปพรุ่งนี้ แต่ถัวปั๋วอยากให้กลับไปวันนี้เลยได้ไหม น้องเหมี่ยวบอกพี่หลีจื้อเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับเข้าตัวเมืองทันที่

ถึงเมืองก้อกลางดึกพอดี น้องโหยวเหมี่ยเข้าวังทันทีก้อพบขุนนางใหญ่ยืนออเต็มไปหมด โดยเฉพาะสามสกุลใหญ่ชาวเจียงหนานดูเดือดเนื้อร้อนใจมาก น้องโหยวเหมี่ยก้อทำเป็นทักถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรอ555 จ้าวเฉาก้อเอ๋ยทักทายน้องเหมี่ยว พร้อมทำทีถอนใจ ว่าคงต้องขอร้องให้น้องเหมี่ยวและออกรบแทนรองแม่ทัพที่กำลังเพลี่ยงพล้ำกองกบฎชาวนาตอนนี้ พร้อมมอบป้ายสั่งการกองทัพให้หลีจื้อเฟิง น้องตอบรับคำสั่งพร้อมขอตัวเซี่ยฮุยมาช่วยงานเพิ่มอีกคน

น้องเหมี่ยวสั่งการให้พี่หลีจื้อเฟิงกับเซี่ยฮุยออกเดินเคลื่อนทัพไปก่อน น้องเหมี่ยวจะจัดการบางเรื่องก่อน ถ้าจัดการเสร็จแล้วจะตามไปสมทบทันที

วันที่สี่เดือนสิบเอ็ด การประชุมตอนเช้าเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนยอมรับในข้อตกลงทั้งหมดรวมทั้งกฎหมายใหม่ก้อผ่านฉลุย น้องเหมี่ยวไปหาเซี่ยฮุยเพื่อทำการเบิกเสบียงบรรเทาภัยพิบัติของกรมอาการ ซึ่งเซี่ยฮุยไม่อาจขัดแย้งได้อีกแล้วถึงจะเริ่มเข้าใจถึงแผนการของน้องเหมี่ยวแล้ว หลี่เหยียนตามมามาส่ง พร้อมมาขอร้องน้องโหยวเหมี่ยให้ไปช่วยพูดกับจ้าวเฉาให้เขาได้ไปเป็นตัวแทรเจรจากับเผ่าต๋าต๋า ในการเจรจาสงบศึกที่กำลังจะมีเร็วๆนี้ เพราะเขาอยากใช้โอกาสนี้ในการไปไถ่ตัวนางถังภรรยาของเขา น้องโหยวเหมี่ยสัญญาว่ากลับจากศึกนี้เขาจะช่วยพูดกับจ้าวเฉาให้ แต่หลี่เหยียนยังคงพูดทิ้งท้ายว่าให้ระวังจ้าวเฉาหมดหน้างานแล้วอะไรก้อเกิดขึ้นได้

น้องโหยวเหมี่ยไปถึงค่ายทหาร ก้อพอดีเซี่ยฉวนกำลังเจรจากับกบฎชาวนาอยู่ ทั้งคู่เลยรอให้เซี่ยฉวนกลับมาก่อน ระหว่างนั่นพี่หลีจื้อเฟิงก็คุยกับน้องโหยวเหมี่ยกับว่าฝั่งนั้นมีมือดีในการวางแผนการรบอย่าได้ประมาท ก็พอดีเซี่ยฉวนกลับมาพร้อมฑูตฝั่งนั้น เลยพร้อมรายงานว่าฝั่งนู่นต้องการให้น้องเหมี่ยวมาเป็นคนเจรจา ทูตกบฎชาวนาด่าท่อถึงเจ้าของที่ดินเจียงหนานล้วนหยายช้าใจดำยกเว้นตระกูลโหยวแห่งเขาเจียงปัว พร้อมขอให้น้องเหมี่ยวนั่งเรือข้ามไปเจราจากับหัวหน้ากบฎถูรื่อเซิงกลางแม่น้ำพรุ่งนี้ แต่พี่หลีจื้อเฟิงไม่อยากให้น้องเหมี่ยวไป แต่น้องเหมี่ยวโอเครรับปากจะไป(พร้อมให้ดูราชโองการกฎหมายใหม่และทั้งขู่ด้วย555 ว่าพี่เฟิงนั้นไม่ใช่คนฮั่นย่อมกล้าฆ่าชาวบ้านได้ แถมฝีมือรบเก่งกว่าแม่ทัพถังนั่นคนละชั่น แหละนี้คือทางลงทางเดียวขอหัวหน้ากบฎถูรื่อเซิง555)  นั่งกินช้าว กับ

ถึงเวลาน้องโหยวเหมี่ยข้ามไปคุยกับหัวหน้ากบฎถูรื่อเซิง ก้อตกลงตามแผนของน้องโหยวเหมี่ย หลังประกาศราชโองการฮ่องเต้ต่อหน้ากลุ่มชาวบ้านและมองเสบียงให้เพื่อบรรเทาความหิวชาวบ้าน พร้อมสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปไม่เอาความแต่ตัวต้องถูกจับกลับไปรับโทษในเมืองเพียงคนเดียว แต่เขากลับขอร้องให้น้องเหมี่ยวช่วยชีวิตคนผู้หนึ่ง พร้อมพาน้องเหมี่ยวไปพบถังฮุย ที่บัดนี้กลายเป็นคนตาบอดไปสะแล้ว

น้องเหมี่ยวได้พบถังฮุยจนระงับน้ำตาไม่อยู่ จากนั้นก็พาเขากลับไปที่ค่ายทหารพร้อมดูแลบาดแผลตามเนื้อตัวของเขา จากการพูดคุยพบว่าศึกที่ริมแม่น้ำหวงเหอในครั้งนั้น ผิวแม่น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง เหล่ากองทหารราชองค์รักษ์โดนทหารต๋าต๋าลอบโจมตีจนตกน้ำและถูกน้ำซัดหายไปหมด ตัวถังฮุยถูทหารต๋าต๋าจับตัวไปแต่คิดว่าเขาเป็นแค่พลทหารธรรมดา เขาถูกทรมานและโดนควักลูกตา แต่เขาไม่ยอมบอกความลับใดๆ แต่ลูกน้องคนสนิทของเขาทนเห็นถังฮุยทรมานเจียนตายไม่ไหวจึงยอมบอกทางลับเข้าเมืองเพื่อแลกชีวิต แต่ลูกน้องคนสนิทก้อรู้สึกผิดจึงฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิด ถังฮุยอยากตายที่ตัวเองกลายเป็นคนทำให้เมืองหลวงแตกคนตายปมากมาย แต่ลูกน้องคนสนิทมีครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ถังฮุยจึงมาเจียงโจวเพื่อจะทดแทนบุญคุณครอบครัวของลูกน้อง แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าชาวบ้านกำลังพบภัยพิบัติอดอยากหิวโหย เลยทำให้ถังฮุยได้เจอะกับถูรื่อเซิง ทั้งคู่เลยรวมมือช่วยเหลือชาวบ้าน เลยลามปามกลายเป็นเรื่องใหญ่

น้องโหยวเหมี่ยบอกไม่เป็นไร เดียวจะพาถังฮุยเข้าวังไปพบจ้าวเฉา แคว้นเทียนฉี่ยังต้องการแม่ทัพผู้มีฝีมืออยู่ คืนนั้นน้องเหมี่ยวนอนกอดพี่เฟิง เรื่องนี้คงสะเทือนใจพี่เฟิงมาก อยู่ๆพี่เฟิงก้อพูดว่าเพื่อน้องเหมี่ยวพี่เฟิงพร้อมสละทุกสิ่ง(หวานสะ)

วันเดินทางกลับถูรื่อเซิงถูกจับใส่กรงบนรถม้าพาเข้าเมือง เซี่ยฉวนรู้สึกไม่พอใจที่ถูรื่อเซิงถูกหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้ แต่น้องเหมี่ยวบอกว่าถูรื่อเซิงเขายินดีทำเอง และนี้เป็นแผนของน้องเหมี่ยวทำเพื่อรักษาชีวิตของถูรื่อเซิง555

เมื่อกองทัพและถูรื่อเซิงเข้าเมืองกลับไม่มีชาวบ้านใดๆด่าท่อขว้างปาของใส่เขาเลย พี่เฟิงจัดการพาทหารกลับเข้าค่ายส่วนน้องเหมี่ยวเข้าวังพร้อมรายงานจ้าวเฉา และได้บอกให้เขารู้ว่าถังฮุยกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้พักอยู่ที่สำนักสภาที่ปรึกษา จ้าวเฉาบอกอย่าเพิ่งบอกใครในเรื่องนี้ น้องเหมี่ยวขอพระราชมานอภัยโทษให้ถูรื่อเซิง ถึงแม้จะรู้ว่าจ้าวเฉาโกธรถูรื่อเซิงมากในเรื่องการก่อกบฎนี้ แต่น้องเหมี่ยวยืนยันบอกว่าถูรื่อเซิงเป็นคนมีความสามารถ ที่เขาก่อการเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเท่านั้น อนาคตเขาจะช่วยดูแลปกป้องแคว้นเที่ยนฉี่อย่างแน่นอน จ้าวเฉายังคงโมโหสั่งจับถูรื่อเซิงเข้าคุกหลวงไว้ก่อน

น้องโหยวเหมี่ยกลับสภาที่ปรึกษา ตกดึกพอดีได้เวลาดูแลถังฮุยเนื่องจากยังไม่สามารถให้ใครรู้เรื่องเขารอดชีวิต น้องจึงต้องเป็นคนดูแลเปลี่ยนยาทาแผลให้ถังฮุย ก้อพอดีจ้าวเฉา แอบเข้ามาพบ เพื่อจะคุยกับถังฮุยเป็นการส่วนตัว น้องเหมี่ยวเลยต้องออกไปยืนรอข้างนอก สรุปจ้าวเฉาให้โอกาสถังฮุยทำดีไถ่โทษ ให้รักษาตัวเพื่อเตรียมตัวกลับมาเป็นแม่ทัพเตรียมออกศึก จ้าวเฉาก้อขอคุยกับน้องเหมี่ยวต่อ เรื่องที่เขาเคยตกลงกับพี่หลีจื้อเฟิง ที่ขอคนไปช่วยรบเพื่อชิงเผ่าเฉวี่ยนหรงคืนมาพร้อมจะพาน้องเหมี่ยวไปจากแคว้นเทียนฉี่ด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ ที่สิ้นสงครามทุกคนล้วนพร้อมจากไปจากชีวิตของเขา จากนั้นก้อปรึกษาแผนการทำศึกในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าว่าจะทำศึกใหญ่กับชาวต๋าต๋าพร้อมเจรจากับเผ่าซยงหนูและชาวตี พร้อมสั่งใ้น้องเหมี่ยวเป็นเสนาธิการ แต่น้องเหมี่ยวแย้งว่าปีหน้ากฎหมายใหม่ยังคงยุ่งไม่เสร็จให้หลี่เหยี่ยนไปเป็นทูตเจรจาดีกว่า ก้อพอดีอาจารย์ซุนอวี๋มาพอดี จ้าวเฉาเลยขอตัวกลับไปก่อน

น้องโหยวเหมี่ยเลยถือโอกาสปรึกษาอาจารย์ซุนอวี๋ แต่อาจารย์ซุนอวี๋บอกแล้วแต่น้องเหมี่ยวเลย น้องทำดีแล้วพร้อมแสดงอาการป่วยไอเรื้อรัง

หลายวันผ่านไปหิมะเริ่มตกแล้ว น้องโหยวเหมี่ยและพี่หลีจื้อเฟิงได้เทียบเชิญไปงานชมดอกเหมยที่จริงงานดูตัวของหนุ่มโสดสาวสวยนะเองที่ตนะกูลเซี่ยเป็นผู้จัด(อยากได้น้องเหมี่ยวเป็นเขยมาก) แต่ในงานสาวๆกรี๊ดกร๊าดพี่เฟิงแทนจนพี่เฟิงหน้าแดง สรุปยังอยู่ไม่ทันไรทั้งคู่โดนเรียกเข้าวังไปคุยงานด่วนแทน(น้องเหมี่ยวแสนดีใจได้ออกจากงานสะที555)

สรุปในวังมีทูตชาวซยงหนูเข้ามาตกลงเงื่อนไขในการจะทำศึก ด้วยข้อตกลงที่เห็นแก่ตัวสุด คือไม่ช่วยรบทั้งสองฝ่ายแค่ให้ผ่านทางแต่ต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วยเงินทองข้าวสารจำนวนมาก จนพี่หลีจื้อเฟิงต้องด่ากลับไปว่าหรืออยากให้พี่เฟิงและแม่ทัพเนียตันบดขยี้ชาวซยงหนูก่อนไปนบกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ละ ถึงได้ปราบความโอหังทูตชาวซยงหนูลงได้ หลังจากนั้นก้อควบคุมตัวทูตไว้ก่อนแล้วปรึกษาหนทางเงื่อนไขอีกที

หนึ่งเดือนผ่านไป จ้าวเฉาและข่านซยงหนูบรรลุข้อตกลง โดยข่านซยงหนูให้ยืมดองทัพม้าโดยมีพี่หลีจื้อเฟิงเป็นแม่ทัพใหญ่และจะเปิดเส้นทางผ่านภูเขาฉีซาน ส่วนแคว้นเที่ยนฉี่จัดทัพทหารม้าสามสายให้แม่ทัพเนี่ยตัน พี่หลีจื้อเฟิงและถังฮุยเพื่อบุกโจมตีทัพของเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ที่ตั้งค่ายกลางภูเขา แม่ทัพเนี่ยตันเลือกทำศึกในเดือนสี่ คราวนี้น้องเหมี่ยวจะสามารถติดตามกองทัพได้แล้ว

เมื่อเริ่มย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ อาจารย์ซุนอวี๋ล้มป่วยทรดลงจากโรคเรื้อรังจนไปเข้าประชุมไม่ไหว น้องโหยวเหมี่ยเลยจนต้องรับหน้าที่เข้าประชุมแทนแทบทุกวัน

ก่อนพี่หลีจื้อเฟิงจะออกรบ น้องเหมี่ยวหาวันลาพักเพื่อกลับไปอยู่กับพี่เฟิงเท่าที่จะมีเวลาให้กันได้ ด้วยเป็นห่วงศึกนี้ต้องสู้กับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ น้องเหมี่ยวจัดเตรียมของให้พี่เฟิงไว้ใช้ในกองทัพ(ทำหน้าที่เมียเป็นอย่างดี555) สรุปน้องไปกับพี่เฟิงไม่ได้ต้องทำหน้าที่แทนอาจารย์ซุนอวี๋ เลยได้แต่สั่งสามีว่าต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้ แล้วรอจดหมายจากพี่เฟิงซึ่งก้อคงหวานทุกฉบับ555

การรบมีการปะทะกันตลอดหลายเดือนต่อมาจนถึงเดือนเจ็ด เริ่มมีปัญหาขาดแคลนทั้งเสบียงและคน ในสภาเหล่าขุนนางในท้องพระโรงเริ่มเสียงแตก ยิ่งใกล้หน้าหนาวยังต้องมีปัญหาเรื่องหาเสื้อหนาวให้ทหาร ล้วนแล้วแต่ใช้เงินทั้งนั้น น้องเหมี่ยวพยายามยันปัญหาทุกวิธีทาง จนกระทั้งแทบเทเงินตัวเองที่มีเพื่อช่วยให้กองทัพยังมีแรงยื้อทำศึกต่อ แต่จดหมายจากพี่เฟิงล่าสุดยิ่งทำให้ใจน้องเหมี่ยวสั่นไหว เรื่องที่พี่ชายของพี่เฟิงรู้เรื่องเขาช่วยแคว้นเที่ยนฉี่สู้กับเผ่าต๋าต๋า เลยกำลังจะลงมาช่วยเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ ทำศึกเพื่อร่วมชิงดินแดนจงหยวน

ผ่านมาอีกเป็นเดือนจ้าวเฉาที่โดนเหล่าขุนนางกดดันให้ยุติการทำศึก เพื่อใช้เวลามาฟื้นฟูแคว้น ก้อเรียกน้องโหยวเหมี่ยให้มาปรึกษาเรื่องจะเรียกทัพให้กลับมายังไงดี แต่น้องโหยวเหมี่ยยังเชื่อมันในสามแม่ทัพ ถ้าจะเรียกทัพกลับให้จ้าวเฉาเป็นคนเรียกกลับมาเอง จ้าวเฉาโมโหเลยจะเรียกหลี่เหยี่ยนเข้าวังรับโรงโองการแทนเพื่อเรียกแม่ทัพเนี่ยตันกลับมา แต่ยังไม่ทันเขียนก้อทะเลาะจนจ้าวเฉาผล็อยหลับไปเสียก่อน เรื่องเลยปล่อยผ่านไป

ใกล้สิ้นปี หิมะเริ่มตกเฉวียนหรงพี่สาวที่เป็นญาติทางแม่ของน้องโหยวเหมี่ยมาหา พร้อมน้าชาย เพราะน้าชายชวนให้นางมาดูแลกิจการร้านอาหารใหม่ที่จะเปิดในเมือง ทั้งหมดมาพูดคุยที่ร้านที่เริ่มตั้งต้นกิจการ แต่ยังพูดคุยไม่เท่าไรก้อมีทหารมาตามน้องเหมี่ยวพร้อมข่าวดีว่าแม่ทัพเนี่ยตันนำทัพแคว้นเที่ยนฉี่รบชนะกองทัพเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์แล้ว สามารถทวงดินแดนสองฝั่งแม่น้ำฉางเจียงทั้งตอนเหนือตอนใต้กลับมาได้หมด น้องเหมี่ยวรีบควบม้ากลับไปที่กรมทหาร เพื่อเข้าวังไปกับผิงซี ทำขุนนางในท้องพระโรงต่างแสดงความยินดีกับจ้าวเฉา แต่จ้าวเฉาได้แต่ถอนหายใจ

ในวันแรกของปี ชาวบ้านต่างจุดประทัดเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของกองทัพเที่ยนฉี่ ชีวิตของน้องเหมี่ยวยังคงเผชิญกับกองฎีกาท่วมหัวเหมือนเดิม แต่สองปีหลังชีวิตน้องในสภาที่ปรึกษาราบรื่น เพราะทุกคนยอมรับในตัวน้องแล้ว และอาจารย์ซุนอวี๋เองก้อปล่อยงานแทบทุกอย่างให้น้องเหมี่ยวทำแทนตัวเอง วันนี้น้องเหมี่ยวรอพบอาจารย์ซุนอวี๋เพื่อสอบถามความคิดเห็นก่อนเข้าวัง กะลังจะเข้าไปหาก้อได้ยินเสียงของหล่นหนักๆเลยวิ่งเข้าไปดู พบว่าอาจารย์ซุนอวี๋ล้มตัวเกร็งชักกระตุก ต้องเรียกให้คนไปตามหมอหลวงมาด่วน จากนั้นมาอาจารย์ซุนอวี๋ก้อป่วยหนักติดเตียงไม่อาจพูดได้อีกเลย

วันที่แปดเดือนหนึ่ง สั่งให้พี่หลีจื้อเฟิงและถังฮุยกลับมาจากแนวหน้า ส่วนแม่ทัพเนี่ยตันเฝ้าชายแดนตามเดิม วันที่กองทัพกลับเข้าเมือง จ้าวเฉาและขุนนางพร้อมชาวเมืองมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่เมื่อกองทัพมาถึงกลายเป็นแม่ทัพเนี่ยตันมาแทนพี่หลีจื้อเฟิงที่ยังคงเฝ้าชายแดนแทน ในท้องพระโรงแม่ทัพเนี่ยตันกลับยื่นฎีกา แต่น้องเหมี่ยวเห็นอาการจ้าวเฉาจึงยื่นมือเข้าขวางเพื่อสลายบรรยากาศมาคุ ทำให้แม่ทัพเนี่ยตันไม่ได้ยื่นฎีกา

ที่ห้องทรงพระอักษรจ้าวเฉาปรี๊ดแตก ขว้างฎีกาของแม่ทัพเนี่ยตันลงพื้นที่ทำเรื่องจะนำฮ่องเต้และอดีตฮ่องเต้กลับมายังแคว้นเพื่อให้เขาคืยบัลลังก์ น้องเหมี่ยว หลี่เหยียน ผิงซีได้แต่ยืนเงียบ จ้าวเฉาสั่งให้ตามแม่ทัพเนี่ยตันมา เนี่ยตันมาทวงสัญญาที่จ้าวเฉาเคยตกลงกับอาจารย์ซุนอวี๋ แต่กลับทำให้จ้าวเฉาโกธรมากสั่งขังคุกเนี่ยตันทันที น้องเหมี่ยวรีบขออภัยโทษทันที เนี่ยตันเลยแค่โดนไล่ให้กลับออกไป น้องเหมี่ยวเลยมาปลอบใจจ้าวเฉาแทน เลยโดนจ้าวเฉาทวงสัญญาที่น้องเหมี่ยวบอกจะอยู่ข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก้อตาม น้องเหมี่ยวสัญญาจะวางแผนรักษาบัลลังก์ให้จ้าวเฉา แต่ห้ามจ้าวเฉาสั่งฆ่าพ่อกับพี่ชายตัวเองเด็ดขาด 

น้องเหมี่ยวกลับไปที่สภาที่ปรึกษา เจอะเนี่ยตันกำลังคุยกับถังฮุย น้องเหมี่ยวเลยพาเนี่ยตันไปเยี่ยมอาจารย์ซุนอวี๋ที่นอนพักอยู่แต่ไม่อาจคุยอะไรได้ เนี่ยตันได้แต่ระบายความคับแค้น ที่จ้าวเฉาไม่รักษาสัญญาถึงแม้น้องเหมี่ยวจะยกเหตุผลต่างๆว่าทำไมจ้าวเฉาถึงเป็นฮ่องเต้ที่ดี เขารักราษฎรมากกว่าอดีตฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัว(แถมไม่มีศักดิ์ศรีสักนิดน้องเหมี่ยวเห็นกับตารู้แจ้งแก่ใจ) แต่เนี่ยตันยังยืนยันในสิทธิ์อันชอบธรรม(เนี่ยตันนี่ก้อภักดีจนตาบอดไม่ดูเลยว่าใครมีความสามารถในการปกครองแคว้น)จนกลายเป็นทั้งคู่ทะเลาะกันเนี่ยตันจนเดินจากไป

น้องเหมี่ยวกลับไปหาเนี่ยตันที่ค่ายทหาร เนี่ยตันขอยืมเงินน้องเหมี่ยว555เพราะตัวเองไม่มีเงินแล้ว น้องเลยจัดการเรื่องเบิกเงินชดเชยให้ทหารที่ตาย พร้อมพาเนี่ยตันไปพักที่ร้านเปิดใหม่ของตัวเอง จากนั้นก้อกลับมาดีกัน เนี่ยตันเลยได้เจอะกับเฉวียนหรง ทั้งสองเหมือนจะปิ้งกัน เพราะเฉวียนหรงทั้งสวยแถมยังมีฝีมือทำกับข้าวที่สำคัญรสมือคล้ายรสมื้อที่เมียเนี่ยตันทำ น้องเหมี่ยวเลยว่าจะทำการจับคู่ให้สะเลย

วันต่อมาเนี่ยตันเข้าประชุมขุนนางหว่านล้อมให้เหล่าขุนนางเห็นด้วยในการไปช่วยอดีตฮ่องเต้ทั้งสองกลับแคว้นเที่ยนฉี่ เนี่ยตันเลยโดนจ้าวเฉาสั่งให้พักอยู่ในเมืองให้พี่หลีจื้อเฟิงเฝ้าชายแดนเป็นหลัก เหล่าขุนนางเพื่อนฝั่งน้องเหมี่ยว(ยกเว้นหลี่เหยียน)จับกลุ่มคุยกันจะเอายังไงดีเพราะสามสกุลเจียงหนานเห็นด้วยกับเนี่ยตันเพราะตัวเองเสียผลประโยชน์หลังจ้าวเฉาขึ้นครองบัลลังก์ น้อวเหหมี่ยวเลยบอกว่าน้องมีแผนแล้ววางใจได้

แต่พอน้องกลับสภาที่ปรึกษาก้อกลับมาเจอะถังปั๋วแอนเดอะแก็งค์มาพูดเป็นนัยๆเรื่องให้จ้าวเฉาสละบัลลังก์ เลยเจอะน้องเหมี่ยวตอกกลับให้รู้ถึงจุดยืนของสภาที่ปรึกษา ยังไม่ทันพ้นดีขุนนางอาวุโสเซี่ยฮุยแวะมาคุย เรื่องให้เลือกยืนเข้าข้างให้ถูกฝั่ง น้องเหมี่ยวเลยรู้แล้วว่าตอนนี้จ้าวเฉาไม่มีใครเลยนอกจากน้องเหมี่ยวและสามี(พี่เฟิงที่จะอยู้ข้างน้องเหมี่ยวเสมอ) น้องเหมี่ยวเลยไปเดินคุยกับถังฮุย เลยรู้ว่ายังมีถังฮุยที่ยังคงภักดีต่ออยู่อีกคน คืนนั้นน้องเหมี่ยวเลยเขียนจดหมายไปเล่าให้พี่เฟิงทั้งหมดตบท้ายด้วยประโยตว่าคิดถึงพี่เฟิงจนปวดใจไปหมดแล้ววว(หวานกันเข้าไป555)

มีข่าวว่าจ้าวเฉาริบอำนาจทางทหารของเนี่ยตัน ส่วนสภาที่ปรึกษาก้อมีคนแวะเวียนมาหาไม่หยุดเพื่อหยั่งเชิงน้องโหยวเหมี่ยวว่าเขาเลือกขั้วอำนาจฝ่ายไหน แต่ในตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวไม่สนใจใดๆทั้งสิ้นเพราะอาจารย์ซุนอวี๋ป่วยหนักมาก และจ้าวเฉาเองหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เรียกใช้น้องโหยวเหมี่ยเลย แต่จ้าวเฉากลับเรียกใช้หลี่เหยียนแทน

ย่างเข้าใกล้ฤดูร้อน น้องโหยวเหมี่ยวไปหาเนี่ยตัน ที่หอโม่หยียนเพื่อไปคุยเล่น เขาพบว่าเนี่ยตัน ดูจะชอบพอกับพี่สาวคนสวยของเขา น้องโหยวเหมี่ยวเลยกะจะเป็นพ่อสื่อให้ โหยวเหมี่ยเลยกะจะไปเล่นปิดตาแหย่เนี่ยตันเล่น กลับโดนเนี่ยตันทุ่มจนตัวลงพื้นได้ความระบมมาแทน555 จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวเลยถามถึงกลอนบนพัดของเนี่ยตัน แต่ไม่ยอมบอก คุยไปคุยมาจนกลายเป็นทะเลาะกันจนงอนเข้าห้องตัวเองไปนอนประชด จนเย็นค่ำ

พอยามค่ำน้องโหยวเหมี่ยวก้อต้องตกใจที่อยู่ๆมีคนมาลักจูบน้องในห้องนอน สรุปสามีแอบหนีทัพกลับมาหาเมียเด็กจ้า เพราะจม.ที่น้องเขียนไปหาบอกว่าคิดถึงมาก เลยทำให้พี่หลีจื้อเฟิงต้องมาปลอบขวัญน้องให้หายคิดถึง(น้องโหยวเหมี่ยวบอกพี่หลีจื้อเฟิงว่าไม่ได้นอนด้วยกันมาตั้งปีหนึ่งแล้วนะ...พี่หลีจื้อเฟิงเลยฟิฟตี้เชดจัดเต็มคืนนี้555)

กลางดึกเนี่ยตันตามทั้งคู่ลงมากินข้าว สองขุนพลกินข้าวไปคุยกันไป ทั้งคู่วิเคราะห์ข่าวที่ฮ่องเต้จ้าวเฉาจะแต่งตั้งหลี่เหยียนไปเป็นฑูตเจรจาสงบศึกเพื่อพาอดีตสองฮ่องเต้กลับมาที่เมืองหลวงโดยมีพี่หลีจื้อเฟิงเป็นผู้คุ้มกันขบวน คืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยวแอบกังวลเรื่องสองอดีตฮ่องเต้จะต้องมีปัญหาเมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง เขาสงสารจ้าวเฉาที่ดูจะไม่เหลือใครหนุนหลังให้เลย เพราะถ้าจ้าวเฉาโดนบีบสละบัลลังก์ แล้วอดีตฮ่องเต้ขึ้นแทนคงไม่มีทางไว้ชีวิตจ้าวเฉาแน่ๆ พี่หลีจื้อเฟิงเลยปลอบว่าไม่ว่ายังไงพี่หลีจื้อเฟิงจะปกป้องน้องโหยวเหมี่ยวเอง

ฟ้าสางน้องโหยวเหมี่ยวก้อจัดแต่งชุดเกราะให้พี่หลีจื้อเฟิง แล้วทั้งคู่ก้อบอกรักก่อนจากพร้อมจูบบอกลารักกันหวานหยด....ด

เข้าสู่ปลายฤดูร้อน จ้าวเฉาประกาศแผนเจรจาสงบศึกพร้อมเตรียมรับอดีตฮ่องเต้ทั้งสองกลับเมืองหลวงกลางท้องพระโรง ในขนาดที่น้องโหยวเหมี่ยวยังวุ่นวายกับปัญหาของการใช้กฎหมายใหม่ จ้าวเฉารับสั่งเชิญน้องโหยวเหมี่ยวมาคุยที่ห้องทรงอักษร เพื่ออธิบายว่าทำไมในเรื่องที่เขาวางแผนรับอดีตฮ่องเต้โดยไม่เรียกน้องเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้ เพราะเขาไม่อยากให้น้องโหยวเหมี่ยวมายุ่งเรื่องนี้จริงๆ เพราะเป็นห่วงน้องจะได้รับผลกระทบหากงานนี้ล้มเหลว กะลังคุยกันดีๆถัวปั๋วก้อเข้ามารายงานว่าอาจารย์อาการทรุดหนักมาก

น้องโหยวเหมี่ยวรีบกลับสภาที่ปรึกษาทันที สรุปว่าอาจารย์ซุนอวี๋เพียบหนักใกล้ไปจริงๆถึงขั้นนอนนิ่งพูดไม่ได้ หมอหลวงเองก็ไม่สามารถรักษาได้แล้ว น้องเลยนอนเฝ้าไข้อาจารย์เองตลอด เนี่ยตันได้ข่าวอาจารย์ก้อมาเฝ้าไข้ด้วย น้องโหยวเหมี่ยวเลยเปิดประเด็นคุยเรื่องทีท่าของอาจารย์ซุนอวี๋กับเนี่ยตันในการจะรับอดีตฮ่องเต้ขึ้นบัลลังก์ แต่เนี่ยตันยังคงยึดมั่นในปณิธานของตัวเองจนไม่มีหวังเกลี่ยกลอมใดๆได้

ในสภาที่ปรึกษาเริ่มเตรียมหารือเรื่องจะจัดพิธีศฟอาจารย์ซุนอวี๋อย่างไร ถัวปั๋วเองเข้ามาปรึกษาเรื่องนี้กับน้องโหยวเหมี่ยว ก้อพอดีมีคนมาส่งข่าวเรื่องรับอดีตฮ่องเต้กลับมาได้แล้ว ตอนนี้กะลังอยู่ในช่วงหยุดพักเดินทางที่ภูเขาฉีซาน คาดว่าอีกห้าวันคงมาถึงเมืองหลวง เนี่ยตันเลยว่าจะเข้าวังไปก่อน

น้องโหยวเหมี่ยวเลยเดินเข้าไปกระซิบข่าวนี้ให้อาจารย์ซุนอวี๋ฟัง ว่าแผนรับคนกลับมาสำเร็จแล้ว ปรากฎว่าพออาจารย์ซุนอวี๋ได้ยินข่าวก้อมีสติมีแรงจับมือน้องกลับมา น้องโหยวเหมี่ยวดีใจสั่งคนที่สมาชิกสภาที่ปรึกษาเข้ามาในห้องให้หมด เพื่อมาฟังคำสั่งเสียของอาจารย์ น้องจับมืออาจารย์ให้จับพู่กัน(เพราะอาจารย์พูดไม่ได้แล้ว) อาจารย์ซุนอวี๋เพียงเขียนไม่กี่ประโยคก้อหลับตาสิ้นลมอย่างสงบทันทีสิริรวมอายุ73ปี ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวหลังอารย์สิ้นก้อเสียใจหนักมาก ร้องไห้ไปเขียนฎีกาถวายรายงานไป เขียนเทียบเชิญงานศฟไป จากนั้นก้อจัดเตรียมงานศฟให้อาจารย์

จ้าวเฉามาหาที่งาน เพราะรู้ว่าน้องต้องสะเทือนใจมากๆแน่ๆ ไปถึงก็พบว่าน้องกำลังจัดเก็บของอาจารย์อยู่ น้องเลยพบจม.สั่งเสียของอาจารย์ถึงจ้าวเฉา เรื่องให้น้องโหยวเหมี่ยวขึ้นมาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาสภาคนต่อไป และก้อจม.แบ่งปั่นทรัพย์สมบัติของอาจารย์ จ้าวเฉาเห็นจม.เลยถามน้องว่ามีใครเคยเห็นมาก่อนไหม เพราะเขาจะเอาไปเลียนแบบอีกฉบับแล้วให้อ่านประกาศต่อหน้าเหล่าขุนนาง น้องโหยวเหมี่ยวกังวลไม่สบายใจเพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่และดูจะไม่เคารพคำสั่งเสียของคนตาย แต่จ้าวเฉายืนยันจะทำตามนี้

น้องโหยวเหมี่ยวยังวุ่นวายกับงานศฟอาจารย์จนแทบไม่ได้นอน แถมปีหน้าต้องวุ่นวายเตรียมสอบคัดเลือกขุนนางเคอจวี่ใหม่อีก พอจะได้นอนก้อมีคนมาปลุกอีกจนน้องอารมย์เสีย ปรากฎว่าถัวปั๋วกับเพื่อนมารายงานข่าวว่าระหว่างทางนั้นสองฮ่องเต้โดนลอบฆ่าตายไปเสียทั้งคู่แล้ว ตอนนี้เนี่ยตันเข้าวังไปแล้ว น้องโหยวเหมี่ยวรีบเข้าวังทันทีแต่โดนทหารกันไม่ให้เข้า เพราะถังฮุยประกาศใช้กฎอัยการศึก ตอนแรกน้องจะดื้อเข้าไปแต่กลับได้คิด ว่าเขาควรกลับไปหาวิธีว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงก่อนจะเข้าเฝ้าจ้าวเฉา (เพราะในตอนนี้ทุกคนคิดว่าจ้าวเฉาวางแผนฆ่าพ่อและพี่ชายแน่ๆ)

จนถึงเช้าน้องก้อเตรียมเข้าประชุมเช้าพร้อมขุนนางคนอื่นๆแทน ในท้องพระโรงต่อหน้าจ้าวเฉาทุกคนเงียบกริบ จ้าวเฉาจึงอธิบายว่าที่อดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์นั้น เพราะท่านพ่อได้รับการทรมานจนป่วยเรื้อรัง ส่วนพี่ชายนั้นมีโรคภัยรุมเร้าไม่แข็งแรงแถมระหว่างทางที่พักแรมก็ยังฝืนออกไปว่างน้ำจนโดนงูพิษกัดตายอีก ขุนนางต่างมีทีท่าสงสัย จ้าวเฉาเลยบอกให้รอศฟกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วค่อยพิสูจน์ แล้วจะสั่งเลิกประชุม 

น้องโหยวเหมี่ยวเลยรีบถามจ้าวเฉาในกลางท้องพระโรง ถึงเรื่องที่ดูมี่เงื่อนงำแปลกๆ ว่าหลี่เหยียนเป็นทูตไปเจรจา แต่ทำไมถึงรั่งรอที่ค่ายใหญ่บนภูเขาฉีซาน แล้วปล่อยให้แม่ทัพหู่เว่ย(พี่หลีจื้อเฟิง)กับเซี่ยฉวนไปรับเอง หลี่เหยียนแก้ว่าเป็นเพราะพี่หลีจื้อเฟิงเป็นชาวเฉวี่ยนหรง จึงเหมาะที่จะให้ออกหน้าเจรจากับชาวต๋าต๋าเพื่อลดปัญหา เซี่ยฉวนเองก้อเชี่ยวชาญด้านเจรจา แต่น้องยังซักหลี่เหยียนไม่หยุดถึงเรื่องที่ทำไมต้องรีบกลับเข้าวังไม่กลับมาพร้อมขบวนศฟอดีตฮ่องเต้ จนจ้าวเฉาเริ่มโมโห น้องเลยยอมหยุดซักฟอก

แต่หลินเจิ้งเทากลับฉวยโอกาศถามซ้ำการสละบัลลังก์ทำไมไม่เรียกสภาที่ปรึกษาหรือกรมพิธีการ กลับเรียกมหาบัณฑิตหลี่ แถมยังถามเรื่องที่เนี่ยตันโดนจับขังคุกว่าโดนข้อหาอะไร เลยเจอะจ้าวเฉาสวนกลับว่าเนี่ยตันคิดสังหารเขา แต่หลินเจิ้งเทากลับคิดแผนจะให้มีการสอบสวนเนี่ยตันกลางท้องพระโรง แต่จ้าวเฉาโกรธจัดสั่งเลิกประชุมทันที

ตอนนี้ขุนนางรวมตัวกันเป็นฝ่ายเดียวกัน ในเรื่องจะช่วยเนี่ยตันออกมาจากคุกก่อน น้องโหยวเหมี่ยวเลยรีบกลับไปที่กรมทหารเพื่อไปหาผิงซี หลินลั่วหยางกับฉินเซ่าหนาน เพื่อสอบถามในสิ่งที่น้องสงสัย ว่าพวกนี้ต้องมีเอี่ยวในเรื่องนี้ สรุปว่าน่าจะเป็นแผนของหลี่เหยียนกับเซี่ยฉวนมากกว่า แต่ตอนนี้น้องเป็นห่วงพี่หลีจื้อเฟิงมากกว่าใคร เพราะยังไงก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เต็มๆ จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวกลับไปเล่าเรื่องในที่ประชุมเมื่อเช้าให้ที่สภาที่ปรึกษาฟัง จากนั้นก้อแยกย้ายไปผลัดกันเฝ้าศฟอาจารย์

เฉียวหรง(พี่สาวน้อง)มาหาน้องโหยวเหมี่ยวแต่เช้า เพื่อสอบถามถึงเนี่ยตัน น้องได้แต่ปลอบว่าคงไม่โดนทำร้ายถึงกับชีวิตหรอก เดียวน้องชายจะหาวิธีพาพี่สาวไปเยี่ยมเนี่ยตันในคุกเอง ให้พี่สาวไปจัดการเตรียมของเยี่ยมก่อน น้องไปขอความช่วยเหลือจากถังฮุย

จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวก้อพาพี่สาวไปเยี่ยมเนี่ยตันถึงในคุกหลวง ระหว่างทางผ่านก้อเจอะถูรื่อเซิงโดนขังอยู่ก่อน เลยได้ทักทายตามประสากันไป จากนั้นก้อพาพี่สาวไปส่งข้าวปลาอาหารพร้อมเปิดห้องขังพูดคุยกับเนี่ยตันได้สบายๆ ส่วนตัวน้องมาคุยกับถูรื่อเซิงแทน เขาถามถึงเรื่องราวภายนอกและดีใจที่ประชาชนอยู่ดีกินดี มีที่ทำกินไม่อดอยาก แถมตัวเขาก้อยังไม่โดนโทษประหารอีก

เฉียวหรงมาตามน้องให้ไปคุยกับเนี่ยตันต่อ  เนี่ยตันโทษตัวเองเรื่องที่ชวนพวกเขามาสาบานเป็นพี่น้องกันสี่คน แถมตอนนี้ยังพาให้น้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลีจื้อเฟิงต้องมาลำบากตัวเอง พร้อมบอกว่าไม่ต้องมาเยี่ยมเขาอีก และไม่ต้องรวบรวมคนมาช่วยขอเมตตาจ้าวเฉาให้กับเขาด้วย ที่สำคัญให้น้องถอนตัวจากราชสำนักกลับบ้านไปเพื่อความปลอดภัยของพี่หลีจื้อเฟิงด้วย กลับจากคุกหลวงน้องเหมี่ยวก้อเอาป้ายไปคืนถังฮุย พร้อมพูดคุยด้วยความกังวลเรื่องความไม่ลงรอยของจ้าวเฉากับเนี่ยตัน

คืนนั้นน้องเหมี่ยวนอนไม่หลับ เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไรไม่ให้ทั้งคู่ต้องเจ็บ ก้อพอดีมีคนจากในวังตามให้เข้าไปพบ ก้อพอดีมู่เฟิ่งที่เฝ้าประตูชิงตอบว่าไม่สะดวกเพราะร่างกายอ่อนแอจนล้มป่วยแล้ว ทำให้น้องโหยวเหมี่ยวตัดสินใจได้ว่าพรุ่งนี้เขาจะไปลาออกจากตำแหน่งขุนนาง แล้วจะกลับไปรอพี่หลีจื้อเฟิงที่ปราสาทเขาแทน คิดได้ดังนี้ก้อเริ่มทำใจนอนหลับได้ 

คราวนี้จ้าวเฉาเป็นคนเคาะประตูจากด้านนอก น้องโหยวเหมี่ยวสะดุ้งตื่นทันที จ้าวเฉาก็บุกเข้ามาในห้องแล้ว จ้าวเฉามาเล่าว่ามะคืนเนี่ยตันได้ตัดสัมพันธ์กับเขาแล้ว เขารู้ว่าได้ทำตัวให้น่าผิดหวัง น้องโหยวเหมี่ยวเลยถือโอกาสขอลาออกจากราชสำนักพร้อมกับพี่หลีจื้อเฟิง ปรากฎว่าจ้าวเฉาโกรธมากบอกอุดสาทุ่มเทใจให้น้องมานานหลายปี แถมยังกันน้องออกจากเรื่องนี้ ยังจะมาทิ้งเขาไปอีก น้องโหยวเหมี่ยวเลยว่าน้องทนทำเรื่องผิดได้หลายเรื่อง แต่เรื่องฆ่าพ่อฆ่าพี่ชายของตัวเองนี้เขาทนไม่ได้ แถมหลี่เหยียนน่าทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าเขา สุดท้ายเป็นจ้าวเฉาโมโหจัดจนเดินจากไป น้องเลยนั่งเขียนใบลาออกจนถึงเช้า พร้อมสั่งให้มู่เฟิ่งเตรียมเก็บของกลับบ้านที่ปราสาทเขาเจียงปัว ตัวเองก้อรอมอบจดหมายให้ถัวปั๋วเพื่อมอบให้ฝ่าบาทในที่ประชุมตอนเช้า 

การประชุมเช้ายังไม่ทันจบ เฉิงกวนอู่วิ่งเข้ามาส่งข่าวว่าตอนนี้พี่หลีจื้อเฟิงโดนจับขังคุกหลวงไปสะแล้ว พร้อมกับผิงซีขี่ม้ามาตามหาพร้อมต่อว่าเขา ว่าตอนนี้มีปัญหาใหญ่แล้ว เกิดความแตกแยกในกองทัพ ที่เริ่มแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย นับจากที่เนี่ยตันโดนจับขังคุก มาตอนนี้พี่หลีจื้อเฟิงโดนจับขังคุกอีกคน เกรงว่ากองทัพใหญ่ที่รออยู่นอกเมืองจะไม่พอใจจนอาจก่อกบฎได้ ตอนนี้จ้าวเฉาอยู่ในช่วงอันตราย ผิงซีมาตามให้ไปช่วยแก้ไขปัญหา บอกถังปั่วให้น้องโหยวเหมี่ยวกับสภาที่ปรึกษาออกราชการโองการเพื่อปล่อยเนี่ยตันกับพี่หลีจื้อเฟิง แต่ทำยังงี้เท่ากับเหล่าขุนนางต้องการคาดคั้นเอาผิดกับจ้าวเฉา นี่เป็นแผนถังปั่วจะบีบให้จ้าวเฉาลงจากบัลลังก์ชัดๆ

ถังปั่วกลับมาพร้อมบอกแผนการณ์เดิม ที่จะยกองค์ชายน้อยอิงอ๋องขึ้นบังลังก์ตามดำริของอาจารย์ แม่ทัพเนียและเสนาบดีเซี่ย แต่น้องโหยวเหมี่ยวไม่เห็นด้วย แล้วประกาศอย่ามาบีบบังคับน้องเหมี่ยวให้ร่วมมือ ถ้าจะออกราชโองการก้อให้ถังปั่วเป็นคนราชโองการออกเอง เพราะตอนนี้น้องลาออกแล้ว แต่ถังปั่วไม่กล้าลงมือเป็นคนออกราชโองการเอง ระหว่างนั้นฉินเซ่าหนานก้อมาตามน้องอีก บอกว่าจ้าวเฉายินยอมให้เปิดโลงพิสูจน์ศฟแล้ว ถามน้องเหมี่ยวตอนนี้จะทำยังไงดี น้องเลยไล่ผิงซีกับฉินเซ่าหนาน สองคนนี้ให้กลับเข้าวังทันที ถังปั่วเองกลับมาเพื่อคืนฎีกาลาออกคืน เพราะฝ่าบาทไม่อนุญาติให้ลาออก น้องโหยวเหมี่ยวต้องหาวิธีช่วยจ้าวเฉาออกจากในสถาณการณ์นี้ให้ได้ เพื่อทดแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตน้องตั้งสองครั้ง

น้องเหมี่ยวส่งเฉิงกวนอู่กลับไปเอาของที่ปราสาทเขาเจียงปัว ส่วนตัวเองนั่งรอฟังข่าวที่สภาที่ปรึกษา ตกบ่ายทั้งเมืองเม่าเสี้ยนเริ่มใช้กฎอัยการศึก ถังปั่วกลับมารายงานผลชันสูตรศฟพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ทำให้เหตุที่จะก่อกบฎถูกระงับ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเอาผิดกับจ้าวเฉา ทำให้แผนของเหล่าขุนนางที่จะยกเด็กมาเป็นฮ่องเต้ล้มไป 

น้องโหยวเหมี่ยวเตรียมตัวเข้าวัง เพื่อถวายฎีกาด้วยตัวเอง ระหว่างที่เดินเข้าอุทยาทหลวง น้องก้อมอบฎีกาพร้อมกล่องใบหนึ่งมอบให้มหาดเล็กนำไปถวายฮ่องเต้ ส่วนตัวเขาไม่ขอเข้าไป พอได้รับฎีกาพร้อมกล่อง จ้าวเฉาก้อเปิดดูของในกล่องเป็นฟันซีกหนึ่ง เป็นฟันของเขาเองที่หลุดไป เพราะเขายอมเอาตัวเองโดนทุบตีแทนน้องเหมี่ยวในตอนนั้น จ้าวเฉาเห็นแล้วก็ได้แต่นั่งนิ่งจนคิดตก ก้อสั่งคนไปบอกน้องว่า หลังจากน้องโหยวเหมี่ยวทำงานเสร็จแล้วให้กลับมาพร้อมพี่หลีจื้อเฟิง เขามีเรื่องจะปรึกษาด้วย

น้องโหยวเหมี่ยวไปกรมอาญาทันที ไปถึงพบว่าพี่หลีจื้อเฟิงกำลังร่ำสุรากับหลินลั่วหยางในคุกหลวงแทน (น้องเหมี่ยวฉุนนิดๆที่ตัวเองวิ่งวุ่นวายแต่สามีกลับทำตัวชิลล์ละเกินในคุก) พี่หลีจื้อเฟิงเห็นเมียมาก้ออำลาหลินลั่วหยาง พร้อมกับรับร่างน้องเหมี่ยวมากอดแนบแน่นโดยทั้งคู่หาได้แคร์ใครไม่555 เดินออกแค่หน้าประตูกรมอาญา พี่หลีจื้อเฟิงก้อจับน้องมากอดจูบลูบไล้พร้อมบอกว่าคิดถึงน้องใจจะขาดแล้ว น้องเหมี่ยวก้อไม่ได้ขัดขืนสามีเลย นางก็ตามใจตลอด555 ก้อพอดีมีรถม้ามาเทียบถึงตัว เป็นจ้าวเฉาตามมาเรียกให้ขึ้นรถทันที 

น้องเหมี่ยวยังคงโกรธจ้าวเฉาอยู่(ที่มาจับสามีนางเข้าคุกแน่ๆ555) รถม้านำทั้งหมดเข้าวัง จากนั้นจ้าวเฉาพาทั้งคู่ไปห้องโถง ให้พี่หลีจื้อเฟิงช่วยเขาเปิดโลง โลงใบแรกเป็นไท่ซางหวงจ้าวเม่า สภาพร่างกายผอมซูบ มือเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ใบหน้าเขียวคล้ำ โลงใบที่สอง เห็นข้อเท้าเปลือยเต็มไปด้วนรอยบาดแผล มีรอยกัดบวมเป่งจากเขี้ยวงู น้องเหมี่ยวรู้ว่าจ้าวจั๋วจะพิสูจว่านี่ไม่ใช่แผนของเขา

จ้าวเฉาถามว่านี่คือคนที่หลีจื้อเฟิงรับมาจริงหรือ เพราะเขามั่นใจว่าร่างโลงใบที่สองไม่ใช่ร่างของจ้าวจั๋ว แม้ใบหน้ามีริ้วรอยการตากแดดแถมยังกล้ามเนื้อกระตุกเกร็งบูดเบี้ยว แต่คิ้ว ใบหน้าผิวพรรณไม่ใช่จ้าวจั๋วแน่ๆ แปลว่ามีการสับตัว แต่ปัญหาที่น่ากลัวกว่านั้นคือตอนนี้จ้าวจั๋วอยู่ที่ไหน 

หลีจื้อเฟิงบอกว่าในจดหมายของจ้าวจั๋ว บอกเขาไม่ต้องยุ่งอะไร ให้เซี่ยฉวนเป็นคนจัดการทั้งหมด ทำให้ตลอดทางหลีจื้อเฟิงไม่เคยเห็นพวกเขาเลย แถมยังเอาแต่อยู่บนรถม้าด้วยกันอีก น้องโหยวเหมี่ยวเริ่มจับทางได้ว่าน่าจะเป็นแผนของไท่ซางหวงจ้าวเม่า พ่อของจ้าวเฉา ตอนนี้คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่4คน จ้าวเฉา / หลีจื้อเฟิง / โหยวเหมี่ยว / หลี่เหยียน แต่แผนฆ่าพ่อฆ่าพี่ชายด้วยงูพิษยังคงเป็นแผนของจ้าวเฉา ให้เซี่ยฉวนเป็นคนลงมือทำอยู่ดี เลยโดนหลีจื้อเฟิงด่าว่าต่อหน้าว่าจ้าวเฉาเป็นคนไม่ดี555

จ้าวเฉายอมรับว่าเขาเป็นคนชั่วช้า เป็นคนไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่ลงมือทำ คนที่ตายก้อต้องเป็นเขาแน่ ถึงน้องเหมี่ยวจะคิดแผนรอบคอบแล้ว แต่ใครจะไปรับประกันได้...พูดไม่ทันไรเลยเจอะน้องโหยวเหมี่ยวตบหน้าไปหนึ่งที เลยเจอะน้องเหมี่ยวด่าว่าความกล้าหาญแต่เดิมของเขาหายไปไหน ถึงได้คิดทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าขนาดฆ่าพ่อฆ่าพี่ชายตัวเองได้ลงคอ คิดทำงานใหญ่แต่ไม่อยากเสี่ยงอันตราย ละล้าละลังไม่กล้าเผชิญอันตราย กลัวแต่จะมีคนมาแย่งชิงบัลลังก์...ด่าจนจ้าวเฉาทรุดนั่งเผยความในใจ ว่าใช่เป็นเขาที่ปล่อยวางไม่ได้ แล้วตัดพ้อต่อว่าพวกเจ้าล้วนปล่อยวางได้ หลังจากทำงานเสร็จ ทุกคนก็จะจากเขาไปจนไม่เหลือใครเคียงข้างกาย (ตอนนี้ก้อสงสารจ้าวเฉาเหมือนกันนะเนี่ย) หลังได้รู้ความในใจน้องเหมี่ยวก้อใจอ่อน เริ่มสืบคดีให้ต่อทันที

จากการสังเกตุมือของศฟน่าเป็นทหารยาม จากการซักถามหลีจื้อเฟิงในระยะเวลาในการเดินทางกลับเมืองหลวง มีทหารแตกทัพเข้าร่วมเดินทางมาด้วย เซี่ยฉวนยังไม่สามารถนับจำนวนคนได้แน่นอน นอกจากนี้ก็พบว่าระหว่างกลางทางอดีตไท่ซางหวงจ้าวเม่าได้ปล่อยข้าทาสที่ติดตามกลับมาเมืองหลวง ทรงอนุญาติให้ใครก็ตามที่อยากกลับบ้านเดิมพร้อมสามารถแยกเดินทางออกไปได้ พร้อมให้เงินติดตัวคนละยี่สิบตำลึง ยิ่งทำให้นับจำนวนคนได้ไม่แน่นอน ทำให้เกิดช่องว่างให้จ้าวจั๋วถือโอกาสหลบหนีออกไป น้องโหยวเหมี่ยวเลยบอกว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ตอนจากตั้งรับการโจมตีจาจ้าวจั๋วแทน น้องโหยวเหมี่ยวตอนนี้หายโกรธจ้าวเฉาละ เลยชวนสามีกลับบ้าน หลีจื้อเฟิงเลยทวงถามสัญญากับจ้าวเฉา จ้าวเฉาก้อตอบว่าถ้าเขายังนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างมั่นคง ก้อจะมอบอำนาจทหารให้ตามสัญญาแน่นอน

หลีจื้อเฟิงพาน้องเหมี่ยวให้นั่งขี่ม้าด้วยกัน ระหว่างขี่ม้าไปก้อชมแสงจันทร์โรแมนติกกันไป พี่เฟิงก้อมีความสุขจัดโชว์พลังเสียงหอนของหมาป่าเทพให้เมียเด็กฟังไป555  น้องโหยวเหมี่ยวถามว่าไปทำสัญญากับจ้าวเฉาไว้กี่เรื่องกันแน่ สรุปว่าพี่เฟิงยอมออกรบให้จ้าวเฉาด้วย สามเรื่องใหญ่คือ 1-นำทัพปราบความวุ่นวายในเจียงหนานให้สงบ 2-ล้มเฮ่อมั่วเถี่ยเอ่อร์ 3-คลี่คลายปัญหาทางเหนือ ส่วนผลการตอบแทนคือการให้ยืมทหารเพื่อยกทัพขึ้นเหนือไปรบกับพี่ใหญ่ของหลีจื้อเฟิง

น้องเหมี่ยวได้ฟังก้อบ่นว่าน่าเบื่อที่สามีจะต้องเตรียมออกรบอีกละ ว่าละก้อมาถึงบ้านที่ปราสาทเขา ทุกคนในบ้านต่างยินดีที่นายท่านกลับบ้านสะที หลังกินข้าวมื้อดึกเสร็จ น้องเหมี่ยวก้อชวนสามีลงอ่างอาบน้ำ ระหว่างนั้นน้องก้อกอดสามีไปลูบผิวตรวจตราบาดแผลบนตัวสามีไป พร้อมบ่นว่าปวดใจที่เห็นสามีได้รับบาดเจ็บกลับมา ส่วนสามีปกติก้อรักก้อหลงเมียเด็กมาก...ก ตอนนี้แค่เห็นหน้าน้องผอมลงไปก้อรู้สึกปวดใจยิ่งกว่า...อึมทั้งคู่ก็กระทำการผ่อนคลายกันอย่างเต็มที่ จนน้ำในอ่างหายร้อนแล้วถึงได้ผลัดกันจัดการเช็ดตัว 

คืนนี้น้องโหยวเหมี่ยวทำเซอร์ไพรส์พี่หลีจื้อเฟิง ด้วยการเอาผ้าปิดตาเขา แล้วเรียกคนรับใช้ให้มาช่วยแต่งตัวให้พี่หลีจื้อเฟิง พอเปิดผ้ามากลายเป็นว่าในห้องนอนได้ถูกจัดการตบแต่งเป็นห้องหอ มีเทียงแดงโคมแดงจุดสว่างไสว แถมลูกน้องในบ้านยังกล่าวอวยพรพร้อมจุดปะทัดสนั่นนอกห้อง แถมทั้งคู่ยังใส่ชุดเจ้าบ่าวสีแดงเคียงคู่กัน พี่หลีจื้อเฟิงดีใจจนพูดไม่ออก จากนั้นน้องเหมี่ยวก้อชวนให้คำนับฟ้าดินกันเองในห้องหอ พร้อมตัดผมทั้งคู่มาผูกเปียเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นก้อปิดม่านเข้าหอ ขำน้องโหยวเหมี่ยวรบเร้าสามีให้ถอดชุดออกเร็วๆ (น้องเหมี่ยวสายรุกที่แท้จริงอิอิ) แต่พี่หลีจื้อเฟิงกลับไม่ยอมถอด เขาอยากใส่ชุดนี้อีกนานๆ แต่ก็ขัดใจน้องเหมี่ยวไม่ได้อยู่ดี555 สุดท้ายก้อตามใจน้องแหละ สรุปทั้งคืนก้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก....จนถึงเช้า

รุ่งเช้าพ่อน้องโหยวเหมี่ยวก้อมารอคุยกับน้องเหมี่ยว เพราะสงสัยว่ามะคืนวานมีงานมงคลอะไรถึงได้จุดปะทัดสนั่นขนาดนั่น แถมยังประกาศยกเลิกภาษีบนปราสาทเขาอีก  พอรู้ว่ามะคืนน้องโหยวเหมี่ยวทำพิธีแต่งงานแล้ว แถมตอนนี้ลูกเขยก้อมายกน้ำชาให้ตามประเพณี แถมเขายังเผลอยกกินน้ำชาลูกเขยไปแล้วด้วย กว่าจะรู้ตัวได้สติก้อโมโหจนลมใส่แทน555 เพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว ข้าวสารเป็นข้าวสุกเรียบร้อย555 แถมน้องยังขู่พ่อว่ามีราชโองการให้ได้สมรสพระราชทาน พี่หลีจื้อเฟิงก้อถามน้องว่าเรื่องจริงหรอ เพราะจากนิสัยของจ้าวเฉาไม่มีทางออกราชโองการนี้แน่ น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าอยู่ในวังว่างๆก้อไปแอบเตรียมราชโองการเปล่าๆแต่แอบลงประทับตราทิ้งไว้ก่อนไว้ตั้งหลายแผ่น ทำเผื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น555(ร้ายมากนะน้องเหมี่ยว) จากนั้นทั้งคู่ก้ออยู่ในช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ใช้ชีวิตแสนหวานบนเขาอยู่เคียงข้างกัน น้องเหมี่ยวมีความสุขมาก อยู่กับพี่หลีจื้อเฟิงมาเจ็ดปีไม่เคยมีเบื่อ เพราะสามีทั้งรักทั้งหลง แถมยังตามใจน้องไม่เคยเปลี่ยนเลย

หลายวันต่อมาถึงเวลาพิธีฝังศฟอาจารย์ซุนอวี๋ ขบวนพิธีออกจากเมืองเม่าเฉิงตรงไปเมืองหลิวโจว น้องเหมี่ยวใส่ชุดรอเข้าขบวนพิธีศฟตรงริมฝั่งแม่น้ำฉางเจียง ก้อพบจางเหวินฮั่น เลยได้โอกาสสอบถามเหตุการณ์ ก้อพบว่าหลังน้องเหมี่ยวออกจากสภาที่ปรึกษาแล้วจ้าวเฉาก้อไปเที่ยวที่หอโม่เยียนบ่อยเพื่อไปดื่มสุรา ระหว่างนั้นหลี่เหยียนก้อแทรกมาคุย น้องเลยรู้ว่าเมียของหลี่เหยียนตายไปแต่ตอนนั้นแล้ว หลี่เหยียนมองหาคนในขบวน น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าพี่หลีจื้อเฟิงอยู่รอข้างหน้า หลี่เหยียนอยากให้น้องเหมี่ยวไปช่วยเกลี่ยกล่อมจ้าวเฉาให้ปล่อยเนี่ยตัน ระหว่างนั้นหลี่เหยียนก้อลอบมองไปที่ท้ายขบวนศฟเป็นระยะ ราวกับว่าจะมีใครบางคนปรากฎออกมา น้องเหมี่ยวเลยสะกิดใจ ว่าจ้าวจั๋วอาจทำแผนปรากฎตัวเพื่อมาทวงบัลลังก์ ในงานศฟก้อเป็นได้ แต่จนขบวนมาถึงสถานที่ฝั่งร่างตามคำสั่งเสียของอาจารย์แล้ว ก็ยังไม่ปรากฎเหตุร้ายใดๆ สถานที่ฝั่งร่างของอาจารย์ซุนอวี๋คือสถานที่ฝั่งศฟเดิมของภรรยาอาจารย์ มีการขุดหลุมภรรยาอาจารย์จนเจอะโลงภรรยา แล้วนำร่างภรรยาอาจารย์มาฝั่งใหม่ให้อยู่เคียงข้างกับอาจารย์ซุนอวี๋

พี่หลีจื้อเฟิงรู้สึกประทับใจมากถึงขั้นเดินไปบอกน้องเหมี่ยวว่า วันหน้าหากพวกเราตายก้อให้นำร่างมาฝั่งคู่กันไว้ที่นี่ น้องเหมี่ยวตอบตกลงกับสามี จนจ้าวเฉาได้ยินแว่วๆถึงกับถามทั้งคู่ทันที แต่ใครจะไปบอกละ555 (สงสารจ้าวเฉาอารมย์หึงหวง...ไม่เลิกจริงจัง555) จ้าวเฉาเลยทวงสัญญาให้น้องเหมี่ยวเชิญเขาไปเที่ยวบ้านน้อง น้องเหมี่ยวก้อยินดีแถมคุยงุ้งงิ้งกับจ้าวเฉาไป เลยทำให้ทุกคนรู้ว่าทั้งคู่ยังไม่ได้แตกคอกันอย่างที่คิด จวบจนปลายฤดูเก็บเกี่ยว น้องเหมี่ยวและสามีเริ่มเบื่อที่ไม่มีอะไรทำ ก้อพอดีมีข่าวว่าคนสกุลหลินไปรังควานกิจการบ่อนการพนันของน้าเล็กที่เมืองอี๋โจว ทั้งคู่เลยหาเรื่องเดินทางไปเที่ยวด้วย พร้อมไปจัดการปัญหาของร้านตัวเองด้วยในตัว

คู่สามีภรรยาก้อได้โอกาสเดินทางท่องเที่ยวยามกลางวัน กลางคืนก้อหาสถานที่ดีๆเพื่อพักผ่อน เที่ยวๆเดินๆหยุดๆตามแต่ใจจนถึงไปเมืองอี๋โจว ระหว่างนั้นน้องเหมี่ยวก็แอบจัดการสืบสามตระกูลใหญ่ ถัง หลินและกู้ ที่เป็นฐานอำนาจแห่งเจียงหนาน มาถึงเมืองก็พบว่าเมืองอี๋โจวนั้นใหญ่โตพอๆกับเมืองหลวงเลยทีเดียว จากนั้นทั้งคู่ก้อไปหาบ่อนที่น้องเล็กเปิดไว้ เป็นร้านที่ใหญ่โตหรูหรามาก เลยเข้าไปแบบไม่เปิดเผยฐานะตัวเองเพื่อจะแอบสืบเรื่องราว แล้วน้องเหมี่ยวจะปลอมเป็นคนรับใช้ของพี่หลีจื้อเฟิงเอง เห็นเมียเด็กเล่นสนุกสามีก้อมีความสุขตาม55 แต่พอทั้งคู่เข้าไปในบ่อนปุ๊ป มาม่าก้อเข้าไปเกาะน้องเหมี่ยวทันที ทั้งเรียกชวนคุณชายเหมี่ยวให้มาลงเล่นพนัน(สรุปมาดของพี่หลีจื้อเฟิงถึงจะมีมาดเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่แว่วคุณชายยังคงไม่ปรากฎ555 คงมาดเป็นคนรับใช้คุณชายเหมี่ยวต่อไป)

ระหว่างเล่นพนันน้องเหมี่ยวแอบถามถึงคุณชายหลินเจ้าปัญหา ก้อพบว่าหลินซีเหออยู่ในวงพนันตรงหน้ามาพร้อมบริวารที่ดูเป็นชาวยุทธ ระหว่างเล่นการพนันพวกเหล่าชาวยุทธก้อพูดจาเป็นนัยเรื่องฮ่องเต้ปัจจุบันวางแผนลอบฆ่าอดีตสองฮ่องเต้ ทั้งยังกุข่าวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆในภายภาคหน้าแน่ ถือเป็นการปุปั่นข่าวใส่ร้ายจ้าวเฉาในวงพนัน น้องเหมี่ยวฟังไปก้อแกล้งเล่นพนันแพ้ไปเรื่อยๆถึง23ตา เพื่อล่อให้หลินซีเหอติดกับ ระหว่างนั่นเถ้าแก่ดูแลบ่อนก้อเข้ามาสังเกตุการณ์

เห็นน้องเหมี่ยวเล่นเสียเป็นเงินหลายพันตำลึง จนหลินซีเหอถือโอกาสให้เล่นลงพนันให้น้องเหมี่ยวจ่ายหนักขึ้นไปเรื่อยๆ จนน้องเหมี่ยวลงพนันที่เดียวสามพันหกร้อยตำลึง สรุปตานี้น้องเหมี่ยวชนะกินรวบในคราวเดียว หลินซีเหอเลยกลายเป็นติดหนี้พนักถึงเจ็ดพันสองร้อยตำลึง แต่น้องเหมี่ยวยังไม่หยุด กลับทุ่มลงเงินมากมายไปพนันอีกรอบคราวนี้สองหมื่นห้าพันตำลึง (สามีก้อไม่เคยห้ามแถมโยนตั๋วเงินปึกใหญ่ให้ทันทีอีกต่างหาก555) หลินซีเหออยากแก้ตัวเลยเอากำไลหยกมาประกันไว้ก่อน...สรุปน้องเหมี่ยวชนะ

น้องเหมี่ยวก้อเริ่มทวงเงินพนันจากหลินซีเหอ แต่หลินซีเหอไม่มีจ่าย ลูกน้องชาวยุทธก้อไม่กล้าหือเพราะเห็นฝีมือพี่หลีจื้อเฟิงที่กดข่มก่อนหน้าแล้ว ตัวหลินซีเหอเองเป็นหลานของหลินเจิ่งเทา น้องเหมี่ยวเลยสั่งให้ลูกน้องของหลินซีเหอกลับไปบ้านเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าพนัน ส่วนตัวของหลินซีเหอนั่นก้ออยู่ที่บ่อนเป็นตัวประกันไป

ระหว่างนั่นน้องเหมี่ยวก้อเรียกเถ้าแก่มาสอบถามว่ามารังควานมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมถึงปล่อยให้คนมาระรานถึงในร้าน เถ้าแก่บอกว่าอับจนปัญญา เพราะสกุลหลินมีคนรับราชการใหญ่โต แถมชุบเลี้ยงชาวยุทธจำนวนมากอีก ยากจะจัดการ ถึงทำให้พวกนั้นถือโอกาสข่มเหงแบบไม่กลัวกฎหมาย น้องเหมี่ยวเลยบอกจะจัดการให้เอง

จากนั้นก้อมีบ่าวมารายงานว่ามีคนมากมายืนออกันเต็มหน้าร้าน น้องเลยสั่งให้คนไปบอกว่าแม่ทัพหู่เว่ยอยู่ที่ร้านนี้ ถ้าอยากได้คนให้นำเงินมาชดใช้ก่อน (ได้โอกาสเบ่งเต็มที่เลยน้องเหมี่ยว555) หลังประกาศออกไปก้อไม่มีใครกล้ามาราวี พี่หลีจื้อเฟิงเลยถือโอกาสชวนน้องเดินเล่นในเมืองแทน ทั้งคู่เดินเที่ยว ดื่ม กิน อย่างมีความสุขจนน้องเหมี่ยวเพ้อไม่อยากกลับหยางโจวแล้ว แถมบอกว่าแค่ได้อยู่กับพี่หลีจื้อเฟิงที่ไหนก้อดีทั้งนั้น พี่หลีจื้อเฟิงบอกนอกด่านก้อดีแต่ตอนนี้เขายังปล่อยวางไม่ลง น้องเหมี่ยวเลยบอกแล้วแต่ใจพี่หลีจื้อเฟิงละกัน ตอนนี้น้องแต่งงานกับพี่เฟิงแล้วพี่เฟิงไปไหนน้องเหมี่ยวก้อจะไปอยู่ที่นั่น...หวานกันสะ ขากลับพี่หลีจื้อเฟิงก้อแบกน้องเหมี่ยวขึ้นหลังเดินพากลับไปพักที่บ่อนพนัน

ที่หน้าบ่อนมีคนหนึ่งยืนรอพร้อมกระบี่ พี่หลีจื้อเฟิงเลยให้น้องลงจากหลัง คนผู้นั้นดูลักษณะคล้ายเนี่ยตัน เขากล่าวเชิญให้น้องเหมี่ยวไปพบกับนายของตัวเอง พร้อมยื่นกำไลหยกที่คล้ายกับที่หลินซีเหอเคยมอบให้เป็นของประกันตัวในวงพนัน ครั้งนี้น้องเหมี่ยวดูแล้วนึกได้ถึงคนบางคน ตัดสินใจตามไปพบคนผู้นั้นทันที พร้อมสั่งสามีให้อยู่เฉยๆห้ามรับปากอะไร ตัวเองจะเป็นคนเจรจาจัดการเอง

ทั้งคู่มาที่บ้านหลังหนึ่ง สรุปว่าเป็นอดีตฮ่องเต้จ้าวจั๋วที่แอบลอบหนีระหว่างทางนั่นเอง แถมข้างกายยังมีองค์รักษ์เป็นชาวเฉวี่ยนหรงอีก จ้าวจั๋วใช้คำพูดเรื่องความเป็นศิษย์อาจารย์คนเดียวกันเกริ่นนำ น้องเหมี่ยวเลยมอบจม.สุดท้ายของอาจารย์ให้กับจ้าวจั๋วไว้ จ้าวจั๋วเลยบอกว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากเผ่าเฉวี่ยนหรง และที่เด็กสกุลหลินไปป่วนที่บ่อนนั้นเป็นแผนการของเขาเอง และพรุ่งนี้ตัวเข้าเองจะหลบหนีออกจากเมืองอี๋โจวไปหลบภัยพักที่ตงอิ๋ง(ญี่ปุ่น) ก่อนไปเขาขอร้องน้องเหมี่ยวให้ช่วยเหลือคนให้เขาหน่อย คนแรกแม่ทัพเนี่ยตัน คนที่สองให้จ้าวเฉาระวังหลี่เหยียน คนที่สามกษัตริย์แห่งเฉวี่ยงหรงต้าเลี่ยเคอ อยากให้พี่หลีจื้อเฟิงกลับไปหาพี่ชายที่เผ่าเฉวี่ยนหรง น้องเหมี่ยวรับปากแค่เรื่องของสองคน แต่เรื่องของพี่หลีจื้อเฟิงไม่รับปากเพราะเรื่องเกี่ยวพันกับชนเผ่าหู เป็นเรื่องระดับชาติมากกว่า

ก่อนจากกัน จ้าวจั๋วรับสั่งให้น้องเหมี่ยวถอนตัวออกจากจ้าวเฉา เพื่อความปลอดภัยของน้องเอง (น้องเหมี่ยวเองก้อคิดแผนเตรียมพร้อมแล้วเรื่องหมดศึกฆ่าขุนพลเนีย) น้องเหมี่ยวอยู่รอส่งจ้าวจั๋วขึ้นเรือออกทะเลจากไป

พี่หลีจื้อเฟิงก้อคุยกับน้องเหมี่ยวว่าดูท่าตอนนี้เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เสียแผนที่จะชักจูงให้เข้าร่วมเป็นพวก เพื่อจะได้ปกครองเผ่าเฉวี่ยนหรงได้ง่ายๆนั้น ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้วนอกจากจะร่วมมือกับต๋าเลี่ยเคอโดยตรงเพื่อร่วมมือโจมตีแคว้นเที่ยนฉี่โดยตรง น้องเลยถามวรยุทธขององค์รักษ์ของจ้าวจั๋วกับพี่หลีจื้อเฟิงใครเหนือกว่า พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าเขาสามารถเอาชนะได้แต่ตัวเองอาจได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แปลว่าต๋าเลี่ยเคอให้ความสำคัญกับจ้าวจั๋วมากเช่นกัน พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่านิสัยจ้าวจั๋วคล้ายพี่ชายของเขา ที่อ่อนเรื่องวรยุทธแต่กลับเป็นคนฉลาดที่โน้มน้าวใจคนเก่ง และอยากทำให้เผ่าเฉวี่ยนหรงมีอำนาจรุ่งเรืองเหนือดินแดน มะก่อนก้อพี่หลีจื้อเฟิงไม่ค่อยเข้าใจความคิดของพี่ชาย แต่หลายปีนี้ที่อยู่ร่วมกันกับน้องเหมี่ยว ทำให้เขาเข้าใจความคิดของพี่ชายแล้ว(ได้เมียเด็กที่ทั้งงาม ทั้งฉลาดนิน่า555)

กลับถึงบ่อนน้องเหมี่ยวให้คนปล่อยตัวหลินซีเหอไป จากนั้นทั้งคู่ก้อนอนเล่นพักผ่อน จากนั้นน้องเหมี่ยวก้อชวนสามีไปทวงหนี้ที่สกุลหลิน555 (น้องเหมี่ยวแค่อยากแก้แค้นให้พี่หลีจื้อเฟิง คิดล้างหนี้ที่หลินเจิ้งเทาเขียนฎีกากล่าวโทษพี่หลีจื้อเฟิงสิบสองฉบับนั้น หึๆอยากมาร้ายใส่สามีน้องก่อนทำไม555)

น้องเหมี่ยวและสามีอยู่ที่บ่อนเที่ยวเล่นเมืองอี๋โจวถึงครึ่งเดือน พอจะคิดกลับก้อซื้อเรือลำหนึ่งเพื่อบรรทุกสินค้าที่ซื้อในเมืองนี้เพื่อเอาไปขายที่ร้านแถวบ้านเขาเจียงปัว ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงกลับสนุกในการเรียนรู้ฝึกยุทธ ออกไปปะลองกำลังทุกวันระหว่างที่พักในเมืองนี้ เลยตกลงซื้อบ้านทิ้งไว้หลังหนึ่งพร้อมบ่าวรับใช้ไว้คอยดูแลบ้าน อยู่อย่างมีความสุขกันมาจนครึ่งปี(นี่น้องเหมี่ยวรวยขนาดไหนกันเนีย555) ก้อมีจม.จากน้าเล็กตามให้กลับบ้านที่ปราสาทเขาเจียงปัวได้แล้ว ทั้งคู่เลยกลับทางทะเลด้วยเรือขนสินค้าของตัวเอง ปรากฎว่าพี่หลีจื้อเฟิงเมาเรือตลอดทาง555

เรือเทียบท่าถึงเมืองหยางโจว เฉียวหรงก้อมารับพอดี น้องเหมี่ยวอยากเดินกลับเอง เฉียวหรงเลยชวนกลับไปพักผ่อนที่หอโม่เยียนก่อน พอมาถึงกลับพบว่าจ้าวเฉารอทักทายอยู่ในสวนของหอแล้ว ทั้งคู่ยิ้มแย้มทักทาย แต่กลับเจอะจ้าวเฉาทักว่าไม่ได้ไปเจอะกับใครบ้างคนหรอ น้องเหมี่ยวสะดุ้งทันทีแต่ก้อทำทีปฎิเสธ พร้อมให้วางใจในตัวเขา จ้าวเฉาเลยทวงถามว่าเมื่อไรจะกลับมาทำงานสะที หยุดพักเที่ยวเล่นตั้งนานแล้วนะ น้องเหมี่ยวยังปฎิเสธไม่เข้าราชสำนัก แถมพี่หลีจื้อเฟิงสนับสนุนความคิดน้องอีกอีก จ้าวเฉาเลยเริ่มโกรธเลยยื่นข้อเสนอว่าถ้าน้องเหมี่ยวเข้าราชสำนักเขาจะปล่อยเนี่ยตัน และถามอีกว่าถ้าเกิดการบระหว่างเนี่ยตันกับหลีจื้อเฟิง ใครจะเป็นฝ่ายชนะ แน่นอนว่าถ้าหลีจื้อเฟิงออกรบพร้อมน้องเหมี่ยวละก้อ ฝ่ายชนะย่อมเป็นฝ่านเขาแน่นอน

ตอนนี้น้องเหมี่ยวคำนวนเวลาว่าภายในสามปีข้างหน้าเป็นเวลาเหมาะสมที่จะเตรียมการบุกทางเหนือเพื่อเปิดศึกจงหยวน น้องพูดถึงแผนควรระวังต่างๆจนจ้าวเฉาขอร้องให้น้องเหมี่ยวกลับมาทำงานสะทีเหอะ พร้อมกับบอกว่าจะอภัยโทษให้ถูรื่อเซิงและจะให้เขาเข้าร่วมฝึกทหารด้วย น้องเหมี่ยวดีใจที่จ้าวเฉาเข้าใจอะไรๆได้บ้างแล้ว หลีจื้อเฟิงเลยทวงสัญญากับจ้าวเฉา เขาเลยเข้าใจแล้วว่าถ้าหลีจื้อเฟิงคุมเผ่าเฉวี่ยนหรงได้ก้อจะไม่บุกเข้ามาจงหยวนแล้วสินะ แต่จ้าวเฉาจะให้คนแค่สองหมื่น หลีจื้อเฟิงเลยไม่พอใจ จนเรื่องจะทะเลาะกันบานปลายเพราะหลีจื้อเฟิงไม่ถือว่าตัวเองเป็นขุนนางของจ้าวเฉา ที่เขาออกรบเพราะสัญญาที่จ้าวเฉาจะให้ทหารม้ากับเขาห้าหมื่นนายเพื่อไปรบกับพี่ชาย น้องเหมี่ยวเลยต้องเป็นคนไกล่เกลี่ยให้แยกย้ายกันไปก่อน เดียวน้องเหมี่ยวจะหาวิธีช่วยอีกที น้องเหมี่ยวรับปากว่าหลังศึกนี้แล้วน้องเหมี่ยวยอมไปนอกด่านกับหลีจื้อเฟิงด้วย

จ้าวเฉาจากไปไม่นาน ก้อมีคนจากในวังมามอบหนังสือราชโองการให้น้องเหมี่ยว ผลปรากฎว่าจะขอรับเฉียวหรงให้เป็นฮองเฮา ทำเอาหลีจื้อเฟิงถึงกับโมโห ไม่ยอมให้เฉียวหรงตบแต่งออกไป เพราะดูเหมือนจะเป็นแผนบังคับให้น้องเหมี่ยวต้องติดพันผูกอยู่กับราชสำนัก น้องเหมี่ยวก้อลำบากใจ เพราะรู้ว่าเฉียวหรงมีใจผูกพันกับเนี่ยตัน แต่ทำไมกลายเป็นว่าจ้าวเฉากลับมาสู่ขอนางแทน

คืนนั้นน้องเหมี่ยวเลยนอนคุยกับพี่สาวทั้งคืน ทั้งถามถึงความสมัครใจ ถ้านางไม่ยินยอมเขาจะหาวิธีปฎิเสธให้เอง แต่เฉียวหรงยืนยันว่านางสมัครใจ ทั้งเนี่ยตันเองก้อไม่มีทางจะสู่ขอนางอยู่แล้ว

ตอนนี้ในราชสำนักต่างรอค่อยการกลับมาของน้องเหมี่ยว เพราะถึงหลี่เหยียนจะเป็นที่โปรดปรานขนาดไหน แต่ตำแหน่งสภาที่ปรึกษายังคงว่างเว้นไว้ให้น้องเหมี่ยวอยู่ดี ส่วนฉียวหรงเองก้อเดินมายืนยันว่านางตัดสินใจยอมแต่งแล้ว ทำเช่นนี้ยิ่งทำให้สกุลโหยวมั่นคงทางการเมืองยิ่งขึ้น และจ้าวเฉารับปากนางว่าเขาจะมีแต่นางเท่านั้นจะไม่มีสนมอื่นอีก น้องเหมี่ยวเลยขอไปปรึกษากับสามีก่อน แล้วแยกย้ายกันไปสอบถาม น้องเหมี่ยวไปคุยกับจ้าวเฉา ส่วนหลีจื้อเฟิงไปคุยกับเนี่ยตันแทน

ในคุกหลวงเนี่ยตันดูแก่ลงไปมากพร้อมดูป่วยไข้ หลีจื้อเฟิงหยิบฎีกาเพื่อขอให้ปล่อยตัวให้เนี่ยตันดู แต่เขากลับไม่สนใจเพียงกลับถามถึงเวลาและเป้าหมายในการจะโจมตีด่านทางเหนือแทน พร้อมฝากไปบอกฉียวหรงว่าไม่ต้องรอเขา หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้นางกำลังจะแต่งงานแล้วกับ เนี่ยตันได้แต่ตัวสั่น หลีจื้อเฟิงยืนยันจะถวายฎีกาให้ ถึงเนี่ยตันจะปฎิเสธจะนำทัพออกรบก้อตาม ก่อนจากไปหลีจื้อเฟิงได้บอกข่าวว่าจ้าวจั๋วยังมีชีวิตอยู่...ทำให้เนี่ยตันตะลึง

ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวเข้าวังไปถามถึงความจริงใจกับจ้าวเฉา ว่ารักชอบพี่สาวเขาจริงจังรึป่าว จ้าวเฉายอมรับว่าชอบนางมากที่สุด อยู่กับนางแล้วเขาสบายใจไม่ต้องมาหวาดระแวงใดๆ ต่างจากก่อนหน้านี้สกุลเซี่ย สกุลถังล้วนมีความคิดจะมาเกี่ยวดองที่ทำให้เขารู้สึกไม่ไว้วางใจ ซึ่งถ้าเขาไม่ได้ชอบนางอย่างจริงใจ ใครก้อมาบังคับให้เขาแต่งงานไม่ได้ น้องเหมี่ยวเลยสบายใจว่าจะกลับไปถามพี่สาวอีกรอบ

น้องเหมี่ยวกลับมาก้อบ่นเรื่องเนี่ยตันว่าถึงมีราชโองการให้ปล่อยตัว ก้อคงดื้อไม่ยอมออกมาอยู่ดี พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกวางใจเถอะ เขาต้องออกมาแน่ๆ

สามวันต่อมาพี่หลีจื้อเฟิงถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้ปล่อยตัว คราวนี้จ้าวเฉายอมปล่อยตัวเนี่ยตันจากคุกหลวง แต่ลดขั้นให้เหลือสถานะเป็นราฎรสามัญแทน ส่วนเนี่ยตันนั่นหลังออกจากคุกก้อเดินทางออกจากเมืองเม่าเฉิงทันทีพร้อมหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และทางวังหลวงก้อส่งขบวนสินสอดพร้อมฤกษ์งามยามดีให้กับน้องเหมี่ยว

ฤดูร้อนถัดมาจ้าวเฉาจัดพิธีอภิเสกสมรสและแต่งตั้งฮองเฮา ฉียวหรงเข้าวังหลวง ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวอยู่ปราสาทเขาเจียงปัว พร้อมทั้งแอบจัดการรายงานทางทหารไปด้วย เลยทำให้รู้กองกำลังหยางโจวเริ่มฝึกซ้อมทหาร ทั้งยังส่งรายงานทหารมาให้พี่หลีจื้อเฟิงเพื่อตัดสินใจคัดเลือกคนด้วยตัวเอง เลยทำให้น้องรู้ว่าจ้าวเฉากำลังเตรียมสร้างกองกำลังทหารลับๆ

น้องโหยวเหมี่ยวแอบให้คนไปตามสืบเนี่ยตันว่าอยู่ที่ไหน จากสายสืบของกลุ่มคาราวานพ่อค้าเร่ จนผ่านไปอีกปีก้อยังไม่พบร่องรอยของเนี่ยตัน แต่ได้ข่าวอื่นกลับมาไม่น้อยแทน

จากการบุกเบิกค้าขายของน้าเล็ก ทำให้สกุลโหยวขึ้นเป็นสกุลใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน แถมมีแบ๊คใหญ่เป็นถึงฮองเฮาอีก555 น้องเหมี่ยวก้อยังไม่เข้าราชสำนักเพียงส่งสามีเข้าวังทำงานในราชสำนักแทนอิอิ วันนี้พี่หลีจื้อเฟิงกลับบ้านมาพร้อมมอบตราประทับขุนนางที่อาจารย์ซุนอวี๋เคยใช้มาให้น้องเหมี่ยว พร้อมข่าวว่าจ้าวเฉาจะประกาศจัดทัพออกศึกขึ้นทางเหนือ พร้อมสั่งให้น้องเหมี่ยวกลับราชสำนักด้วย น้องบอกไม่ไป555 แถมถามเนี่ยตันไม่อยู่จะยกทัพขึ้นเหนือได้ยังไง พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าเขา น้องเหมี่ยว จ้าวเฉา หลี่เหยียนและผิงซีไง

ก้อพอดีมีข่าวจาก ที่เป็นสายข่าวทีมาจากทางเหนือเข้ามารายงานว่าชาวตาต๋ากำลังเกิดเรื่องใหญ่ หลังเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ทำการรบกับเนี่ยตันแต่ประสบกับความพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้งทำให้เขาถูกลดบทบาทสำคัญในราชสำนักลง และยังทำให้องค์ชายใหญ่เก๋อเกินไม่อาจสืบทอดราชบัลลังก์ได้แล้ว ตอนนี้มีการแย่งชิงตำแหน้งผู้สืบทอดระหว่างองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสิบสองปาถูแทน ส่วนข่าวทางเฉวี่ยนหรงนั่นสืบได้ว่ามีการลอบติดต่อไปมาหาสู่กับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กันอยู่ ว่ากันว่าทางเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ตกลงกับทางต๋าเลี่ยเคอว่าถ้ารบสำเร็จจะแบ่งซูโจวกับจี้โจวคนละครึ่ง เสียดายที่แผนการไม่สำเร็จ

น้องเหมี่ยวเลยคิดแผนการชวนพี่หลีจื้อเฟิงจะไปลอบฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ เพื่อผ่อนแรงในการรบในศึกทางเหนือแทน หลังจากมีแผนจะก่อการร้ายน้องเหมี่ยวก้อเริ่มมีอารมย์คึกคักในทันที วางแผนตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเกือบครึ่งเดือนเพื่อจะปลอมตัวเป้นหัวหน้าพ่อค้าเร่ แล้วเรียกประชุมคัดคนตั้งกองขบวนพ่อค้าคาราวานขายสินค้าที่จะเดินทางแฝงตัวขึ้นเหนือ จากนั้นทำรายการสินค้าที่น่าจะขายดีเป็นที่นิยมของทางเหนือเพื่อจัดเตรียมนำไปขาย

น้อเล็กพอรุ้ข่าวก้อตกใจไม่ยิมยอมให้น้องไป ถึงพี่หลีจื้อเฟิงจะตามไปด้วยก้อตาม น้าเล็กยังหวาดกลัวจากเรื่องร้ายที่น้องเหมี่ยวได้รับในคราวก่อนเลยพาลไปต่อว่าพี่หลีจื้อเฟิงด้วยเลย ถึงจะไม่ยอมยังไงสุดท้ายน้อเล็กก้อขัดใจไม่ได้อยู่ดี55 (แล้วพี่หลีจื้อเฟิงจะไปห้ามปรามน้องเหมี่ยวได้ไง ทุกวันนี้สั่งอะไรก้อยินยอมทำทุกอย่างตลอดเวลาขนาดนี้)

พี่หลีจื้อเฟิงเองตอนนี้ก็ได้แต่เป็นห่วงว่าจ้าวเฉา จะอดก่อเรื่องทำอะไรไม่คิดอีกระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ที่เมืองหลวง น้องเหมี่ยวเลยบอกไม่ต้องห่วงน้องเหมี่ยวจะส่งจม.ให้จ้าวเฉาหลังจากออกเดินทางไปแล้ว เพราะไม่อยากปิดบังทำให้จ้าวเฉาอาจรีบเคลื่อนทัพขึ้นไปรอที่ภูเขาจวินซาน สู้ให้เขารู้แล้วจะได้รออยู่เงียบๆในเมืองหลวงไปก่อนดีกว่า

ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวปลอมตัวเป็นคุณชายฟางน้อยวัยยี่สิบห้าที่ยังไม่ได้แต่งงานฐานะทางบ้านเกิดวิกฤติการเงินเลยมาทำการค้าขายเพื่อกอบกู้ฐานะทางบ้าน ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงรับตำแหน่งพ่อบ้านวัยสามสิบปีประจำตัวข้างกายคุณชายน้อย ก่อนออกเดินทางก้อให้คนทางบ้านเจียงปัวไปกะจายปล่อยข่าวว่าน้องเหมี่ยวช่วงนี้ไม่อยู่บ้านเพราะออกไปเยี่ยมญาติที่เสฉวนแทน พอจะออกไปจริงๆบ่าวพลพรรคแห่งบ้านสวนเสิ่นก้อยืนกระจองอแงร้องไห้ใส่น้องเหมี่ยวแทน555

ในที่สุดคู่รักหวานเจี๊ยบก้อได้เริ่มต้นเดินทางขึ้นเหนือ พี่หลีจื้อเฟิงกลายเป็นคนขับรถม้าอีกครั้ง แล้วน้องเหมี่ยวก้อนั่งออดอ้อนซบแผ่นหลังสามีแล้วชวนคุยกันงุ้งงิงกันไป จนพี่หลีจื้อเฟิงบอกว่าขอแค่อยู่กับเจ้า ไม่ว่าจะไปที่ไหนก้อล้วนดีหมด โว้ยน้ำตาลจะขึ้นตา555(อ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วรู้เลยว่าทำไมพี่เฟิงถึงหลงเมียหัวปักหัวป้ำ เพราะน้องทั้งฉลาดเจ้าแผนการ แล้วยังสวยมาก นิสัยก้อขี้อ้อนเอาใจเก่ง แถมยังเป็นฝ่ายรุกถึงเนื้อถึงตัวพี่เฟิงเองบ่อยๆอีก555)

เดินทางออกจากเขตเมืองหลิวโจวแล้วก้อไปรวมตัวกับคณะกองคาราวานใหญ่ที่รอพวกเขาอยู่ หลินเคอพาน้องเหมี่ยวพร้อมพี่หลีจื้อเฟิงไปแนะนำสมาชิกผู้ร่วมเดินเพื่อสร้างความคุ้นเคย จะได้ไม่มีปัญหาภายในกองคาราวาน พอเริ่มเดินทางน้องโหยวเหมี่ยวก้อนึกไปถึงคราวแรกที่ทั้งคู่เริ่มออกเดินทางไปเมืองเหยียนเปียน มาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเก้าปีแล้ว ที่ทั้งสองต่างก้อยังอยู่เคียงข้างกันมาตลอด(ระหว่างที่น้องโหยวเหมี่ยวซาบซึ้งกับความทรงจำแสนหวาน พี่หลีจื้อเฟิงก้อทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนรถม้ากับน้องเหมี่ยวตลอดการเดินทางด้วยเช่นกัน55) การเดินทางขึ้นเหนือคราวนี้ทำให้พี่เฟิงเริ่มคิดถึงอนาคตของเขาอย่างจริงจัง ว่าจะต้องกลับมาช่วงชิงอำนาจในเผ่าให้ได้ เพื่อเขาจะได้พาน้องเหมี่ยวมาใช้ชีวิตด้วยกันที่แดนเหนือนี้ (แน่นอนว่ากุนซือผู้วางแผนการนี้ต้องเป็นน้องเหมี่ยวรับไปทำแน่นอน555)

เมื่อก่อนพี่หลีจื้อเฟิงปรนนิบัติคุณชายน้อยเป็นอย่างดี มาตอนนี้ก้อมาปรนนิบัติภรรยาให้ดียิ่งกว่า ไม่มีขาดตกบกพร่องเรื่องกินอยู่ใดๆทั้งสิ้น(อิจฉาน้องเหมี่ยว แถมสามียังขยันทำการบ้านอีก) ส่วนทางน้องเหมี่ยวเองเตรียมของมาขายแบบจัดเต็มจนสามีถึงกับชื่นชมในหัวทางการค้าของเมียรักมาก แถมน้องเหมี่ยวยังเตรียมคัมภีร์พระสูตรกับสร้อยประคำไว้เป็นของกำนันกับเป่าอินไทเฮาท่านแม่ของขององค์ชายสิบสองปาถูนะเอง กว่าจะเดินทางถึงทางเหนือก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเมื่อถึงเมืองเหยียนเปียนหิมะก้อตกพอดี หลินเคอทิ้งพ่อค้าบางส่วนไว้ที่เมืองนี้ที่เหลือเดินทางไปเมืองอันต๋าต่อ

น้องเหมี่ยวเคยหนีออกจากเมืองอันต๋าคราวที่แล้วตอนนี้ก้อล่วงมาห้าปีละ กลับมาคราวนี้เมืองอันต๋าดูต่างจากเดิมไม่น้อย  เมืองดูใหญ่โตขึ้น แถมกำแพงเมืองก้อดูแข็งแรงราวกับจะได้รับการซ่อมแซมเป็นอย่างดี หลินเคอถึงได้อธิบายบอกว่ากำแพงนี้คือหยาดเลือดของชาวฮั่นหนึ่งแสนคนที่ต้องมาซ่อมสร้างกำแพงนี้ทั้งวันทั้งคืนจนคนตายลงนับไม่ถ้วน ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงวิเคราะห์สถานการ์ว่าเมืองนี้เฝ้าระวังง่ายแต่โจมตียาก น้องเหมี่ยวบอกว่าถึงใช้คนแสนคนยังยากจะโจมตี ตอนนี้น้องเหมี่ยวเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของพี่หลีจื้อเฟิงว่าช่วงนี้พี่เขาชอบต่อปากต่อคำตอบโต้น้องเหมี่ยวละ จากมะก่อนเป็นคนไม่มีปากไม่มีเสียง พี่เขาเน้นกระทำอย่างเดียว555 จากนั้นขบวนพ่อค้าก็เข้าพักที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน เพื่อจะเตรียมตัวใหพร้อมทำการค้าพรุ่งนี้

น้องเหมี่ยวรู้สึกว่าควรปลอมแปลงใบหน้าพี่หลีจื้อเฟิงสะหน่อย เพื่อความสะดวกในการสืบข่าว แต่งหน้าไปแต่งหน้ามาหน้าพี่หลีจื้อเฟิงก็ดูแก่ลงอีกสิบปีทันตา คืนนั้นพี่หลีจื้อเฟิงเลยสั่งให้น้องเหมี่ยวเรียกตัวเองว่าพ่อสิจ๊ะ555

เช้าตรูอากาศหนาวจัดเป็นพี่หลีจื้อเฟิงที่เตรียมตัววุ่นวายจัดการตั้งร้าน ยันเป็นพ่อค้าขายของเองเกือบทั้งหมด ส่วนน้องเหมี่ยวนั่งตาปรือ น้องนั่งดูเฉยๆขดซุกตัวในกองผ้าหนังสัตว์555 พอฟ้าเริ่มสว่างก้อมีลุกค้ากรูมาแย่งซื้อของ แผงของที่น้องเหมี่ยวเตรียมมาขายไม่ถึงครึ่งชั่วยามของขายได้เกือบหมดเกลี้ยงในพริบตา แถมยังแลกขนหนังหมาป่าหมาจิ่งจอกกลับมาได้เป็นกองใหญ่กองโต น้องเหมี่ยวถึงขั้นอยากขนของที่มีมาขายให้หมด จนพี่หลีจื้อเฟิงบอกว่านี่เรายังต้องขายของอีกตั้งห้าวันนะ555 เหลือของนิดน้อยน้องเหมี่ยวหิวแล้วเลยชวนสามีกลับ พี่หลีจื้อเฟิงเลยจะลงทำรายการบัญชี น้องเหมี่ยวบอกจะตรวจนับไปทำไมนี้ร้านของพวกเราสองผัวเมียนะ (วุ้ยจ้าเงินผัวก้อเท่ากับเงินเมียสินะ555)

ระหว่างจะเก็บแผงก้อมีกลุ่มคนแปดคนใส่ชุดชาวต๋าต๋าเดินมาชี้ของ พี่หลีจื้อเฟิงหน้าตาเริ่มเครียด พวกนั้นต้องการปะการัง แล้วบอกความต้องการจะซื้อ ระหว่างนั้นน้องเหมี่ยวก้อเริ่มสังเกตุว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นคนเผ่าเฉวี่ยนหรงนะเอง แถมยังแกล้งบีบมือน้องเหมี่ยวด้วย สรุปหลังจ่ายเงินค่าของแล้ว พี่หลีจื้อเฟิงก้อมาบอกว่าคนที่ดูเป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นคนที่เขารู้จักรู้จักชื่อซีเค่อหลัน เป็นคนของเผ่าเฉวี่ยนหรงจริง น้องเหมี่ยวเลยแกล้งทักทายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ก้อพอดีหลินเคอมาเห็นจึงรีบบอกว่าคนนั้นเป็นรองหัวหน้าหน่วยองค์รักษ์ของต๋าเลี่ยเค่อไต้อ๋องให้ระวังอย่าไปล่วงเกินเข้าละ ตอนนี้หลินเคอหาโอกาสให้น้องเหมี่ยวเป็นตัวแทนเขาเข้าไปในวังซีหลินเพื่อส่งใบชาให้ทางวังหลวง พร้อมมอบป้ายเข้าวังหลวงให้น้องเหมี่ยว

ตอนนี้น้องเหมี่ยวหิวชวนสามีกลับโรงเตี๊ยวก่อน บ่ายๆค่อยเข้าวัง พี่หลีจื้อเฟิงเห็นน้องเหมี่ยวโดนบีบมือจนเจ็บเลยจับมือน้องมาทายาแก้ปวด พร้อมเล่าประวัติของซีเค่อหลันว่าเป็นคู่ปรับเขาเมื่อยังเด็กๆ แต่ตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วน่าจะจำกันไม่ได้แล้ว

ตกบ่ายทั้งคู่เข้าวังไปส่งชาที่วังซีหลิง นางกำนัลพาทั้งคู่ไปรอที่ตำหนักข้าง ก้อเลยได้เจอะกับองค์หญิงหลันโม่อินหลานสาวของเป่าอินไทเฮา จากแผนสับเปลี่ยนใบชาเพื่อหาเรื่องกลับเข้ามาในวังอีกรอบของน้องเหมี่ยว กับการที่นางพูดจาตอบโต้กับน้องเหมี่ยวดูท่าองค์หญิงหลันโม่อินจะสนใจในตัวน้องเหมี่ยวสะแล้ว 

กลับมาที่โรงเตี๊ยมน้องเหมี่ยวก้อนอนอ้อนให้พี่หลีจื้อเฟิงสอนภาษาเฉวี่ยนหรงแก้เบื่อ แถมยังให้พี่เฟิงพูดคำบอกรักของชาวเฉวี่ยนหรงอีก555 น้องเหมี่ยวพกใบชาชั้นดีที่คลุกพิษแบบออกฤทธิ์ช้าของอาจารย์ซุน ที่กลายเป็นของที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า หลังจากได้ใบชาอาบพิษนี้มา น้องเหมี่ยวก้อเริ่มระแวงว่าที่จริงอาจารย์เขาโดนลอบวางยาพิาหรือป่าว กะลังคิดเพลินๆหลินเคอก้อตามมาเรียกให้ลงไปคุยข้างล่าง

พอลงไปกลับเจอะองค์หญิงหลันโม่อินรออยู่ในโถงล่างแทน มาตามว่าฝ่าบาทปาถูต้องการพบเจอะเขา กลับเป็นนางมาพาน้องเหมี่ยวและสามีเพื่อขนของเข้าวังซีหลิงแทน พอไปถึงองค์หญิงหลันโม่อินก้อติสิ่งของอะไรๆก้อไม่ต้องใจไปเสียหมด น้องเหมี่ยวเลยเอากล่องแป้งชาดที่สวยงามวิจิตร ผลงานของช่างฝีมือชั้นเยี่ยมที่ทำจากไม้จันทร์มอบให้นาง แต่นางก้อทำเป็นเล่นตัวไม่รับ น้องเหมี่ยวเลยทำเป็นจะเก็บของกลับ สุดท้ายองค์หญิงหลันโม่อินก้อยื่นมือไปรับจากมือของน้องเหมี่ยวแทน ไม่พอน้องเหมี่ยวยังเป็นพ่อบุญทุ่มมอบกล่องลายสลักวิจิตรอีกใบ คราวนี้ได้ของถูกใจยิ่งกว่าเดิมอีก สรุปการค้าคราวนี้น้องเหมี่ยวขายของได้อีกสองพันตำลึง จากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปพักที่โรงเตี๊ยม ส่วนพี่หลีจื้อเฟิงออกไปดูลาดราวรอบๆเมือง

หลินเคอตามมาส่งข่าวดีว่า ช่วงนี้ต๋าเลี่ยเคอไม่ได้อยู่ในเมืองต๋าอัน แต่ไม่รู้เขาไปอยู่ที่ไหนกันแน่ ขณะนั่นก้อมีคนมาแจ้งว่าองค์หญิงหลันโม่อินตามให้น้องเหมี่ยวเข้าไปในวังอีกแล้ว จนหลินเคอต้องเอ่ยว่าองค์หญิงหลันโม่อินรึจะมีใจให้น้องเหมี่ยวสะแล้ว น้องเลยพกคัมภีร์ของฝากให้เป่าอินไทเฮาไปด้วยรอบนี้

คราวนี้มหาดเล้ดพาน้องเข้าไปในวังส่วนในก็แปลว่าน้องเหมี่ยวจะได้พบกับเป่าอินไทเฮาแล้ว เมื่อไปถึงก้อพบว่าเป่าอินไทเฮานั่งอยู่กลางแท่น ส่วนองค์หญิงหลันโม่อินนั่งอยู่บนพรมด้านข้าง อีกด้านมีเด็กหนุ่มนั่งอยู่อีกคนน่าจะเป็นองค์ชายสิบสองปาถูนะเอง น้องเหมี่ยวทำพิธีเคารพแบบชนเผ่าต๋าต๋า แต่องค์หญิงหลันโม่อินมองน้องแล้วแอบขำน้องแทน เป่าอินไทเฮาถามถึงชาที่น้องเหมี่ยวนำมาถวายว่าคือชาอะไร น้องเลยอธิบายพร้อมที่มาของชาปี้หลัวชุน พร้อมยังมอบสร้อยประคำให้เป่าอินไทเฮาเป็นของกำนัลทันที พร้อมกล่องคัมภีร์พระสูตรให้ถูกใจพระนางยิ่งนัก เลยถามถึงแม่ของน้องเหมี่ยวพอรู้ว่าสิ้นไปแล้วก้อยิ่งเอ็นดู พร้อมมอบผ้าไหมเส้นหนึ่งให้สวมรอบคอ เพื่อตอบแทนน้ำใจของน้อง เส้นไหมสีเหลืองนี้จะทำให้น้องเหมี่ยวได้รับความสะดวกสบายในเมืองต๋าอันนี้

น้องเป็นคนเอาใจคนเก่งจริงๆท่าดูจะถูกชะตากับองค์ชายสิบสองปาถู อีกต่างหาก ถึงขั้นเดินตามจะมาคุยเป็นการส่วนตัว แถมเดินออกมาส่งน้องเหมี่ยวอีก ทั้งยังบอกจะนัดน้องเหมี่ยวเข้ามาคุยต่อในวังอีก กะลังจะกลับก้อเจอะคณะเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์มาที่วังพอดีมาซักถามน้อง น้องเหมี่ยวตกใจกลัวเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะจำเขาได้ ก้อพอดีให้คนขององค์ชายสิบสองปาถูมาช่วยพาออกไป


กลับถึงโรงเตี๊ยมน้องรีบเล่าเรื่องให้พี่หลีจื้อเฟิงฟัง พี่เฟิงเลยปลอบว่าถึงรู้ก้อทำอะไรไม่ได้หรอก อย่างมาก้อแค่เก็บตัวน้องเหมี่ยวไว้ใช้งาน ส่วนวันนี้พี่เฟิงแอบไปสำรวจจวนตงอวี้ ที่ชาวต๋าต๋ามอบให้เป็นที่พักของชาวเสวี่ยนหรง โดยพี่เฟิงแกล้งเป็นคนไปส่งของกำนัลแทนน้องเหมี่ยว น้องเหมี่ยวเห็นพี่เฟิงดูสีหน้าเศร้าใจเลยถมว่าเป็นอะไร พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมาย คนในเผ่าเฉวี่ยนหรงเองก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ยิ่งคนที่เผ่าย้ายไปอยู่ในเมืองเช่นซีเค่อหลันก้อดูเหมือนเป็นแค่ฝูงสุนัข ไม่ใช่เผ่าหมาป่ายิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อนแล้ว

วันรุ่งขึ้นน้องเหมี่ยวเตรียมไปเยือนซีเค่อหลันที่จวนตงอวี้  พร้อมพกเงินไปพันตำลึงและไข่มุกสี่เม็ด เนื่องจากไปถึงเช้าเกินไป ซีเค่อหลันยังไม่ตื่น สร้างความผิดหวังกับพี่หลีจื้อเฟิงกับเผ่าเฉวี่ยนหรงยิ่งขึ้นไปอีก ฟ้าสว่างโร่แล้วยามถึงได้ยอมให้ทั้งคู่เข้าไปในจวน พวกเขาพูดภาษาเฉวี่ยนหรงซึ่งน้องเข้าใจได้อยู่ คุยกันเองว่าน้องมาส่งมอบของกำนัล (พี่เฟิงสอนมาดี555) พวกเขาให้น้องเหมี่ยวนั่งดื่มสุรารอไปก่อน ก้อพอดีมีคนรับใช้ชายมาเสริฟชานมให้น้องเหมี่ยว พร้อมสอดกระดาษเล็กๆใต้ถ้วยชาของน้องอีก พี่เฟิงเลยหันไปสังเกตุพบว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง

ก็พอดีซีเค่อหลันตื่นแล้วได้เข้ามามักทายน้องเหมี่ยว พร้อมชวนกินอาหารเช้าเพื่อแสดงความเป็นมิตร น้องเหมี่ยวเลยทำทีขอความช่วยเหลือกับซีเค่อหลัน ในเรื่องสมุนไพรล้ำค่า ในเขตของเผ่าเฉวี่ยงหรงที่ขึ้นอยู่ที่ภูเขาฉางไป๋ ตกลงจะช่วยพูดกับให้ต๋าเลี่ยเค่อไต้อ๋อง พร้อมกันนี้ก้อชวนคุยสัพเพเหระเพื่อความสนิทสนมภายภาคหน้า ก่อนกลับก้ออยากจะให้ซีเค่อหลันพาเขาไปแนะนนำตัวกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์หน่อย แต่ซีเค่อหลันบอกว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ไม่ค่อยเป็นมิตรกับชาวฮั่นเท่าไหร่

ตกบ่ายทั้งสองต้องรีบกลับเพราะในเศษกระดาษเขียนว่าให้กลับที่พักแล้วรอข้า เมื่อตกค่ำที่โรงเตี๊ยม น้องเหมี่ยวรู้สึกคุ้นกับลายมือมาก ก้อพอดีมีคนเคาะหน้าต่างพร้อมกระโดดเข้ามาหา สรุปเป็นนะเนี่ยตันเอง ทั้งสองคนดีใจที่ได้พบกับพี่ใหญ่สะที น้องเหมี่ยวถึงขั้นเดินเข้าไปกอดรัดเนี่ยตันพร้อมหัวเราะดีใจ

ทั้งสามคนคุยกันถึงเรื่องราวที่เมืองหลวง สรุปหลังจ้าวเฉาขึ้นครองบัลลังก์ก้อมีแต่ข่าวประชาอุ่นใจ อยูดีกินดีมีแต่ความสุข  พี่หลีจื้อเฟิงถามเนี่ยตันว่าทำไมมาเป็นไส้ศึกที่นี้ เขาเลยเล่าถึงตอนที่ยกทัพขึ้นมาแล้วเจอะลอบโจมตีจนตกน้ำพัดหายไป ก็มีสตรีชาวเซียนเปยช่วยชีวิตเขาไว้ แถมยังดูแลรักษาบาดแผลให้อีก จนเขาสามารถเดินทางกลับไปทางใต้ได้ ก่อนจากไปเนี่ยตันได้สัญญาจะหาทางตอบแทนบุญคุณนาง

แต่พอเขาได้กลับมาที่เผ่าเซียนเปยอีกครั้งก้อพบว่านางถูกพวกต๋าต๋าข่มขืนจนได้ลูกติดท้องมา ไม่พอนางยังคลอดลูกยากจนตายอีก เหลือแต่บุตรชายทิ้งไว้ เขาเลยรับเลี้ยงลูกของนางไว้เป็นบุตรบุญธรรม พร้อมแก้แค้นให้นางด้วยการดักฆ่าพวกต๋าต๋าที่ชอบลงมาปล้นสะสมบริเวณนั้นบ่อยๆ

หลังจากนั้นเขาก้อพาลูกเลี้ยงขึ้นไปอยู่บนเขา ตัวเองปลอมเป็นชาวเซียงเปยก้อทำอาชีพพรานล่าสัตว์ แต่ก้อพอดีเผ่าเฉวี่ยนหรงเปิดศึกกับเผ่าต๋าต๋า ทำให้เนี่ยตันมีโอกาสช่วยชีวิตต๋าเลี่ยเค่อไต้อ๋องไว้ เลยแอบเข้ารวมกลุ่มมาจนถึงเมืองต๋าอัน ส่วนลูกเลี้ยงฝากไว้กับพรานป่าชาวเฉวี่ยนหรงบนเขา พี่หลีจื้อเฟิงเลยถามว่าใช่ท่านลุงเค่อน่ารึป่าว สรุปว่าใช่ลุงเค่อน่าแถมยังรับฉงยางลูกเลี้ยงเขาไว้เป็นลูกศิษย์ด้วย สรุปพี่หลีจื้อเฟิงเลยได้กลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันไปกับฉงยางลูกเนี่ยตันไป

เนี่ยตันบอกว่าเขาจะมาล้างแค้น ถ้าทำการครั้งนี้สำเร็จจะกลับไปอยู่เลี้ยงดูฉงยางให้เติบโต แต่ว่าแทรกซึมมาจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีโอกาสลอบฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์สักที น้องเหมี่ยวได้ยินก้อยิ้มทันที เพราะน้องเองก้อแอบปลอมตัวมาเพื่อการนี้เหมือนกัน ทั้งสามเลยรวมตัวกันวางแผนเพื่อหาโอกาสฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์สะ

จากการสอดแนมเนี่ยตันคิดว่าในเทศกาลล่าสัตว์ในฤดูหนาวนี้น่าจะมีโอกาสลงมือ เพราะองค์ชายใหญ่เก๋อเกินที่เป็นชินอ๋อง น่าจะสมคบกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์วางแผนลอบฆ่าองค์ชายสิบสองปาถูในงานนี้ เพื่อตัดโอกาสในการขึ้นเป็นรัชทายาทของเขา คิดว่างานนี้พี่ชายเขาต๋าเลี่ยเค่อน่าจะสมคบคิดกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ร่วมมือกันแน่ในงานนี้ แถมเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์คืนนี้จะไปคุยที่จวนตงอวี้ เนี่ยตันเลยจะเตรียมตัวไปลอบดักฟัง หลีจื้อเฟิงก้อจะไปฟังด้วย น้องเหมี่ยวก้อไม่ยอมเฝ้าห้องร้องงอแงจะไปด้วยเหมือนกัน สุดท้ายบรรดาชายๆก้อต้องตามใจน้องเหมี่ยวเหมือนเคยๆ555

ทั้งสามไปแอบดักฟังบนหลังคา ก้อพอดีกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์มาที่จวน เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์นั่งคุยกับซีเค่อหลันเป็นภาษาต๋าต๋า แถมซีเค่อหลันยังได้จดหมายลับอีก น้องเหมี่ยวฟังไม่ออกมีแต่สองหนุ่มที่ฟังกันหน้าเครียด แต่จากการแอบส่องน้องเหมี่ยวพบว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ดูแก่ชราลงไปเยอะมาก จากที่น้องเคยเจอะเมื่อตอนโดนต้อนเป็นเชลยคราวนั้น น้องเหมี่ยวดูจากสภาพการแล้วยิ่งมั่นใจว่าฝั่งน้องชนะแน่ๆ จากสองฝั่งคุยกันดูแล้วทางเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์น่าร้อนใจมากกกว่าฝั่งซีเค่อหลันที่สีหน้าปกติยังมีอารมย์กินเหล้าจนเมามายจนฟุบหลับไป

ทั้งสามกลับมาถึงที่พัก เนี่ยตันเสียดายโอกาสฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ระหว่างทางกลับจวน คิดว่าถ้าเขาร่วมมือกับหลีจื้อเฟิงสองคนน่าจะเอาเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ได้อยู่มือ แต่ลีจื้อเฟิงไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ เพราะตอนนั้นมีน้องเหมี่ยวอยู่ด้วย หากทำการไม่สำเร็จจะทำให้ทหารตื่นตัวทั้งเมือง แล้วกองคาราวานพ่อค้าจะพลอยรับเคราะห์ไปด้วย น้องเหมี่ยวโมโหบอกให้สองหนุ่มช่วยแปลเรื่องราวที่ไปแอบฟังมาหน่อย น้องเหมี่ยวจะเอามาวิเคราะห์สถาการณ์

เป็นไปตามคาดเดาเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ร่วมมือกับต๋าเลี่ยเค่อมานานแล้ว เรื่องจะร่วมกันกำจัดองค์ชายสิบสองปาถูโดยเร็วที่สุด นัดกันลงมือก่อนถึววันเทศกาลล่าสัตว์ฤดูหนาวที่จะถึงภายในสองสามวันนี้เอง เดิมต๋าเลี่ยเค่อรับปากจะส่งนักรบในมือตัวเองไปช่วยจัดการเรื่องนี้ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นต๋าเลี่ยเค่อออกจากเมืองหายไปเมื่อสิบวันก่อน เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เลยมาถามซีเค่อหลันให้แน่ว่าต๋าเลี่ยเค่อยังจะร่วมลงมือตามแผนเดิมอยู่รึป่าว ซีเค่อหลันเลยบอกว่าต๋าเลี่ยเค่อยืนยันทำตามแผนเดิมแน่นอน

แต่หลีจื้อเฟิงคิดว่าพี่ชายเขาอยากถอนตัวออกจากแผนนี้ เลยอ้างว่าต้องกลับเผ่าเพื่อไปจัดการเรื่องบางอย่าง เนี่ยตันเลยคิดจะไปขโมยจดหมายจากซีเค่อหลัน น้องเหมี่ยวไม่เห็นด้วย คิดว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เพราะถึงลอบฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ได้แล้วชิงจม.มาแล้ว แต่เกิดจดหมายนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนก่อกบฎผลก้อมีค่าไม่ต่างกัน  แถมองค์ชายสิบสองปาถูเองก้อมีองค์รักษ์คุ้มกัน แถมอ้างว่าจะลงมือก่อนถึงวันเทศกาลล่าสัตว์ เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ไม่อาจออกจากเมือง แล้วคนเผ่าเฉวี่ยนหรงก้ออยู่ในเมืองต๋าอัน แล้วมันมีโอกาสลงมือไปได้ยังไง บอกไม่รู้เหมือนกัน แต่จากการสืบของเนี่ยตันพบว่าที่ภูเขาไป๋หลางทางเหนือยังไม่พบรองรอยการลอบวางกำลังของเผ่าเฉวี่ยนหรง

จากการวิเคราะห์สถานการณืดูจากผลดีผลร้ายแล้ว น้องเหมี่ยวนำเสนอแผนการสร้างสถานการณ์ความร้าวฉานระหว่างเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กับเป่าอินไทเฮา แล้วให้หลีจื้อเฟิงออกหน้าคุ้มครององค์ชายสิบสองปาถูในฐานะองค์ชายรองซาน่าตัวแห่งเผ่าเฉวี่ยนหรง ก้อจะทำให้เผ่าเฉวี่ยนหรงไม่มีภัยจากแผนร้ายนี้ น้องเหมี่ยวกล่อมสองชายจนยอมทำตามแผน เนี่ยตันก้อรีบกลับจวนเดียวซีเค่อหลันจะผิดสังเกตุเอา จากนั้นสองสามีภรรยาก้อเริ่มวางแผนขุดหลุมเตรียมดักเล่นงานเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จนถึงเช้า

น้องโหยวเหมี่ยวตั้งใจจะเข้าวังซีหลิน แต่มีทหารมาเชิญไปเข้าเฝ้าองค์ชายสิบสองปาถูสะก่อน น้องเลยพกกริชโบราณเตรียมไปเป็นกำนัล ซึ่งถูกใจองค์ชายสิบสองปาถูเป็นอันมาก แถมดูท่าจะชอบพอนิสัยน้องเหมี่ยวมาก จนต้องเอ่ยชวนน้องไปดูน้ำพุร้อนที่ภูเขาไป๋หลางในวันพรุ่งนี้ด้วย เป่าอินไทเฮาเองยังชวนเขาไปพูดคุยต่ออีก จนน้องแทบนั่งหลับในเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน จนต้องบอกให้น้องเหมี่ยวกลับไปพักก่อน

น้องโหยวเหมี่ยวกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก้อหัวซุกหมอนนอนหลับทันที ตกดึกถึงได้รู้สึกตัวว่าพี่หลีจื้อเฟิงได้จับถอดเสื้อผ้าเขาออกสะเกลี้ยงหมดตัว แถมถามว่าน้องเหมี่ยวหิวหรือยัง....ง น้องก้อตอบรับว่าหิวแล้ว...(อึมพี่เขาขยันทำการบ้านจริงๆ55) ระหว่างทั้งคู่จะซั่มกัน ก้อพอดีพี่เนี่ยตันกระโดดเข้าหน้าต่างมา...ส่วนผัวหนุ่มเมียสาวได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก555 สรุปพี่เนี่ยตันมาส่งข่าวว่าซีเค่อหลันจะส่งลูกน้องสี่คนออกจากเมือง หลีจื้อเฟิงกับน้องเหมี่ยวต้องคุ้มครององค์ชายสิบสองปาถูให้ดี ส่วนเขาจะตามไปคุ้มครองเบื้องหลัง

เช้ามาน้องเหมี่ยวพาหลีจื้อเฟิงไปนอกเมืองด้วยสภาพตาปรือง่วงนอนตลอดเวลา (เพราะสองคืนแล้วที่เขาแทบไม่ได้นอน) จนองค์ชายสิบสองปาถูต้องทักว่าเขาไปทำอะไรมา ช่วงนี้อากาศอบอุ่นดี หิมะเริ่มละลายแล้ว ทั้งหมดขี่ม้าออกจากเมืองไปถึงตีนภูเขาไป๋หลาง ก็พักกางกระโจมเพื่อเตรียมขึ้นเขาพรุ่งนี้ น้องเหมี่ยวโชว์ฝีมือย่างเนื้อแถมใช้กล่องเครื่องมือที่เขาประดิษฐ์เอง เพื่อบดใบชาไว้โรยเนื้อย่าง ทำให้องค์ชายสิบสองปาถูสนใจในของประดิษฐ์ชิ้นนี้มาก

พอตกกลางคืนองค์ชายสิบสองปาถูยังคงติดน้องเหมี่ยวแจ สั่งให้เขาเข้าไปนอนเป็นเพื่อนคุยในกระโจมอีก (ในใจน้องหงุดหงิดยิ่งนัก มะคืนทำการบ้านกับหลีจื้อเฟิงได้ครึ่งทาง คืนนี้ว่าจะทำต่อกับพี่เฟิงก้อต้องโดนพรากอีก555) องค์ชายสิบสองปาถูสอบถามถึงความคิดของคนทางใต้ที่มีต่อตัวเขา น้องเหมี่ยวที่นอนไม่อิ่มเลยพุดไปตามจริงว่า ถ้าถามถึงเผ่าต๋าต๋าคนทางใต้มักนึกถึงเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์มากกว่า...คุยได้ไม่นานน้องเหมี่ยวทนฝืนไม่ไหวก้อสลบหลับไปแทน ตกกลางคืนมีเสียงหมาป่าเห่าหอนทั้งคืน

เช้ามาพี่หลีจื้อเฟิงก้อเข้ามาปรนนิบัติรับใช้เมีย ส่วนองค์ชายสิบสองปาถูก้อมีองค์รักษ์มาปรนนิบัติรับ พอกินอาหารเช้าองค์ชายสิบสองปาถูก้อถามน้องเหมี่ยวถึงเรื่องเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ที่คุยค้างมะคืน น้องเหมี่ยวหน้าตาตื่นจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง555 แต่ก้อยังวางตัวเฉยๆไปจนถึงเวลาเก็บกระโจมเตรียมขึ้นเขา ระหว่างขี่ม้าเคียงคู่กันกับน้องเหมี่ยว องค์ชายสิบสองปาถูก้อบอกให้น้องเหมี่ยวเรียกเขาว่าปาถูโม่ น้องเหมี่ยวเลยตกใจที่ทรงให้ความสนิทสนมขนาดนี้

ปาถูโม่พาน้องเหมี่ยวเข้าไปในป่าบนเขา น้องเหมี่ยวกล่าวเตือนไม่อยากให้เข้าไปแต่ปาถูโม่บอกว่าพ่อบ้านน้องน่าจะดูพวกเขาได้ ปาถูโม่ตั้งใจจะถามเรื่องมะคืนเรื่องคำวิจารณ์ของคนทางใต้ น้องหมี่ยวเลยบอกว่า ตัวเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์มีแต่คนกล่าวว่าเขาโหดร้ายทำลายบ้านเมือง มีแต่คนเกลียดชังเขา ส่วนปาถูโม่ไม่มีคำวิจารณ์ใดๆเพราะเขายังไม่ได้ทำอะไร เลยถามถึงจ้าวเฉาว่าเป็นคนยังไร น้องเลยตอบสั้นๆว่าเป็นคนตรงไปตรงมา ปาถูโม่บอกว่าน้องเหมี่ยวดูไม่เห็นเหมือนพ่อค้ามีความรู้แตกฉานมากเหมือนอาจารย์ จากการคุยกับปาถูโม่น้องเหมี่ยวก้อรู้ว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง ถ้าปาถูโม่ได้ครองบัลลังก์มีแนวโน้มว่าอาจมีการเจรจายุติสงครามก้อได้

หลังการเที่ยววนบนเขาแล้ว ตกเย็นก้อย้ายที่พักมาที่หุบเขาใกล้ทะเลสาบ ใกล้กับที่พักแรมมีบ่อน้ำพุร้อน คืนนี้กลับเงียบสงัด น้องโหยวเหมี่ยวตื่นมากลางดึกเห็นพี่เฟิงหายไป เลยเดินออกไปตามหาสามี กลับพบว่าแอบมานั่งแช่น้ำร้อนที่บ่อน้ำพุร้อนคนเดียว น้องฉุนที่สามีเลยถามว่ามาทำอะไรที่นี่ พี่หลีจื้อเฟิงเลยบอกอยากมาคิดอะไรเงียบๆคนเดียวเพราะปกติอยู่กับน้องเหมี่ยวตลอด น้องยิ่งฟังยิ่งโกรธเลยจะเดินกลับ พี่หลีจื้อเฟิงเลยสั่งให้น้องมาอาบน้ำให้สามีหน่อย น้องยืนอิดออดเล่นตัวจนพี่หลีจื้อเฟิงต้องลุกมาอุ้มลงน้ำ...สรุปสามีได้ทำการบ้านอย่างขยันยิ่ง

คืนนั้นพี่หลีจื้อเฟิงได้พูดถึงความในใจถึงอนาคตว่าเขาจะกลับมาอยู่ที่ถิ่นทางเหนือ น้องเหมี่ยวก็ตอบรับยินดีจะติดตามเขาไปด้วย พี่หลีจื้อเฟิงอารมย์ดียิ่งถึงขั้นร้องเพลงให้ฟัง คืนนี้ทั้งคู่ให้สัญญาพร้อมวางแผนจะกลับเผ่าเฉวี่ยนหรงแล้วเริ่มต้นก่อร่างสร้างชีวิตใหม่ขึ้นอีกครั้ง และพร้อมจะอยู่ดูแลกันจนแก่เฒ่า น้องเหมี่ยวแค่คิดก้อมีความสุขมาก แต่คืนนี้ดูแปลก พี่หลีจื้อเฟิงบอกว่านักฆ่าจะลงมือคืนนี้แหละ

ตกดึกมีเสียงหมาป่าหอนเป็นทอดๆฟังดูแล้วน่าจะมีจำนวนมาก น่าเป็นสัญญาณว่านักฆ่าเริ่มลงมือ องค์รักษ์ผุดลุกออกมานอกกระโจม ปาถูโม่เองก้อเรียกให้น้องเหมี่ยวไปที่กระโจมเขา แต่น้องกลับเรียกปาถูโม่ให้มานั่งที่หน้ากองไฟแทน น้องเหมี่ยวบอกถึงความผิดปกติของคืนนี้ จนรู้ตัวก้อเรียกองค์รักษ์ลงมือรื้อกระโจม แล้วรอฟ้าสว่างเพื่อเตรียมหนีออกจากหุบเขา จากนั่นให้คนเตรียมรับมือรอบด้าน

ปาถูโม่ถามว่าที่จริงน้องเป็นใครกันแน่ น้องกำลังจะพูดความจริง ก้อพอดีมีฝูงหมาป่าเข้าโจมตี หมาป่าทั้งฝูงกระจายล้อมพวกเขาไว้ สักพักก้อมีหมาป่ากระโจนเข้ามากัด แต่เจอทหารดักตี แต่กลับโดนลอบสังหารจากอาวุธลับ หลับตาฟังเสียงแปลกปลอมแล้วยิงธนูไปบนต้นไม้ ก้อมีคนร่วงตกลงมา หลังจากนั้นมีธนูอาบยาพิษรุมยิงลงมาแทน ทหารล้มตายมากมาย น้องเหมี่ยวฉุดมือปาถูโม่วิ่งหนีออกมา เพื่อจะได้ไม่เป็นเป้านิ่ง น้องเหมี่ยวเห็นไฟสัญญาณของเนียตัน จึงวิ่งไปตามสัญญาณนั้นจนไปถึงริมธาร พร้อมเหลือทหารติดตามเพียงยี่สิบกว่านาย ด้านหลังมีหมาป่าฝูงใหญ่ตามมาไม่หยุด พี่หลีจื้อเฟิงก้อโชว์พลังเสียงคำรามสนั่นจนหมาป่าที่ตามต้องถอยกลับเข้าไปในป่าเกือบหมดแทน

ได้เวลาเปิดตัวองค์ชายรองซาน่าตัวแห่งเผ่าเฉวี่ยหรงต่อหน้าปาถูโม่ละ ก้อพอดีฟ้าเริ่มเปิดทั้งหมดเริ่มออกเดินทาง เพื่อหนีให้พ้นการตามสังหารของนักฆ่าในหุบเขานี้ ระหว่างที่หนีมายังถึงที่ราบ ก้อพบกองทหารต๋าต๋านับพันนายที่ออกมาตามหาปาถูโม่พอดี

กลับถึงวังซีหลิน ปาถูโม่โดนเป่าอินไทเฮาดุว่าอย่างแรง พร้อมทั้งถามองค์ชายรองซาน่าตัวมาทำอะไรถึงที่นี้ ตอนนี้สถานะเปลี่ยนน้องเหมี่ยวกลายเป็นคนรับใช้ขององค์ชายรองซาน่าตัวแทน เลยนั่งปรนนิบัติรับใช้สามดีอยู่ด้านหลังให้พี่เฟิงเจรจาไป55 พี่เฟิงบอกว่าเขาไปอยู่ทางใต้มานานแต่มาคราวนี้ เขากลับมาเพื่อรวบรวมเผ่าเฉวี่ยนหรง และสืบพบว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์สมคบคิดกับต๋าเลี่ยเค่อ จนเขาได้รายงานข่าวจากลูกน้องเก่า ส่วนที่เขาช่วนเหลือปาถูโม่ไว้ เพราะน้องเหมี่ยวเป็นเพื่อนกับปาถูโม่ ระหว่างเจรจาองค์หญิงหลันโม่อินดูจะไม่ค่อยชอบใจพี่เฟิง แต่งานนี้ถือว่าพี่เฟิงมีบุญคุณกับปาถูโม่ ถึงแม้เป่าอินไทเฮายังไม่ค่อยไว้ใจนัก แต่ก็รับปากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ (แผนการสร้างความร้าวฉานสำเร็จลงด้วยดี)

ทั้งคู่กลับไปที่โรงเตี๊ยม ต่างผลัดกันดูแลแผลที่โดนหมาป่ากัด ส่วนรอบนอกก้อมีองค์รักษ์จากวังมาเฝ้าระวังไว้ ทำให้เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กับต๋าเลี่ยเค่อถึงจะรู้ฐานะที่แท้จริงของพี่เฟิงแล้ว ก็ไม่อาจลงมือกับพวกเขาได้ตอนนี้ ทั้งคู่จึงพักผ่อนนอนหลับไป

ตกดึกน้องเหมี่ยวก้อตื่น เพราะเสียงคุยของพี่หลีจื้อเฟิงกับเนียตันที่นำจดหมายลับกลับมา น้องเหมี่ยวจะหาวิธีส่งจม.เข้าวัง แล้วบอกให้เนียตันไม่ต้องกลับจวนซีเค่อหลันแล้ว แต่เนียตันไม่เห็นด้วยเพราะจะสืบข่าวต่อไม่ได้ ตอนนี้คาดว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะลงมืออีกใรงานเทศกาลล่าสัตว์แน่ๆ ส่วนต๋าเลี่ยเค่อนั่นไปเจรจากับกษัตริย์เกาลี่ เขาไม่น่าจะกลับมาทัน พี่หลีจื้อเฟิงเองก้อไม่อยากให้กลับเข้าจวนตงอวี่อีก กลัวเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะดูแผนออก สรุปเนียตันเลยมาพักอยู่ในห้องกับสองผัวเมียในโรงเตี๊ยมแทน

หลังเกิดเรื่องพบคนหายไปในจวนตงอวี่หนึ่งคน ซีเค่อหลันเลยเชิญน้องเหมี่ยวให้ไปหาที่จวน แต่น้องปฎิเสธอ้างไม่สบาย น้องเหมี่ยวเลยสั่งให้หลินเค่อนำคาราวานพ่อค้าเดินทางกลับไปก่อนเทศกาลล่าสัตว์ พร้อมสั่งว่าหลังออกจากเมืองต้าอัน ให้ส่งม้าเร็วไปขอกำลังเสริมจากกองทหารรักษาชายแดนมาเฝ้าเส้นทางหลวงทั้งหมดของชายแดนตอนใต้ จากนั้นให้เตรียมเรือรอไว้ที่ริมฝั่งตอนเหนือแม่น้ำหวงเหอไว้รอพวกเขากลับมา

สองวันผ่านไปปาถูโม่ มาเยี่ยมถึงโรงเตี๊ยม ปาถูโม่ มาบอกถึงผลการสืบว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์วางสายในกององค์รักษ์กายเขา วันนั้นโชคดีที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ ปาถูโม่ต้องการดึงพี่หลีจื้อเฟิงเป็นพวก ด้วยการจะสนับสนุนให้ความช่วยเหลือกับพี่หลีจื้อเฟิง แล้วมาช่วยให้ไปงานเทศกาลล่าสัตว์กับเขา พร้อมพูดถึงคนที่ส่งสัญญาณไฟคืนนั้นว่าให้ระวังตัว เพราะตอนนี้เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กำลังตามล่าสายลับคนนั้นที่ช่วยพวกเขาไว้ น้องเหมี่ยวเลยถือโอกาสขอความช่วยเหลือปาถูโม่ในการคุ้มครองเดินทางกลับของกองคาราวานพ่อค้า

หลังปาถูโม่กลับไป ทั้งสามคนมานั่งปรึกษากันต่อ น้องเหมี่ยววิเคราะห์ว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์รู้ตัวตนที่แท้จริงของเนียตันแล้ว แต่ปาถูโม่กับเป่าอินไทเฮายังคงไม่รู้ ดังนั้นในงานเทศกาลล่าสัตว์ให้หลีจื้อเฟิงเป็นคนลงมือฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ ส่วนเนียตันให้แอบดักซุ่มโจมตี เพื่อคุ้มครองพวกเขาสองคน

หลังหลินเค่อเข้าวังไปรับหนังสือผ่านด่าน ก้อกลับมาที่โรงเตี๊ยมเพื่อบอกลา น้องเหมี่ยวฝากเงินไปให้เฉียวเจี๋ยว ส่วนคนติดตามเขาให้พากลับไปให้หมด แล้วพร้อมออกเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้

ส่วนสามพี่น้องร่วมสาบาน ก้อทำอาหารกินกันเองในห้องพักอย่างแสนสุขใจ เพราะหลีจื้อเฟิงกับเนียตันล้วนทำอาหารเก่ง ส่วนน้องเหมี่ยวคอยชิมคอยกินไป555 ระหว่างนั้นน้องเหมี่ยวก้อพยายามไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ของเนียตันกับจ้าวเฉา แต่เนียตันแค่บอกว่าหากเขากลับไปได้ เขาแค่จะไม่ทะเลาะกับจ้าวเฉาเท่านั้น คืนก่อนปีใหม่พวกเขาทำกับกับข้าวกิน หัวเราะด้วยกันด้วยความเบิกบานใจยิ่งนัก

ต้ดไปที่วังหลวงจ้าวเฉายืนมองฟ้าพร้อมถอนใจคิดถึงหลีจื้อเฟิงกับน้องเหมี่ยว จนเฉียวหรงเดินมาหาพร้อมจูงมือจ้าวเฉาให้กลับเข้าไปที่งานเลี้ยงในวัง ก้อพอดีมีทหารส่งสารวิ่งเข้ามารายงานข่าวด่วนกับผิงซี ผิงซีรีบลุกไปไปกระซิบบอกจ้าวเฉาทันที ทำให้จ้าวเฉารีบร้อนออกจากวังเพื่อไปพบหลินเค่อที่รอเข้าเฝ้า

วันที่สามหลังปีใหม่ เชื้อพระวงค์ต๋าต๋าทั้งหมดออกเดินทางไปล่าสัตว์ที่ภูเขาไป่หลาง ปาถูโม่นำทหารติดตามไปสองพันนาย ส่วนหลีจื้อเฟิงเตรียมม้าชั้นดีไว้พร้อม เพื่อฉุกเฉินในการพาหลบหนี ทั้งคู่ติดตามกองขบวนของปาถูโม่ ส่วนซีเค่อหลันกับลูกน้องนั้นติดตามขบวนองค์ชายใหญ่เก๋อเกิน มีบรรยากาศตึงเครียดแปลกๆอบอวนในขบวนล่าสัตว์ ปาถูโม่พูดคุยถามกับหลีจื้อเฟิงเรื่องจะจัดการกับคนเผ่าเฉวี่ยหรงยังไงหรอ พร้อมบอกแผนของเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ว่าจะให้พี่ใหญ่ตัวเองล่อเขาออกมาแล้วให้คนลอบยิงสังหารเขา แต่เขาจะจัดการพี่ชายตัวเอง กลับจะวางแผนฆ่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์แทน โดยให้หลีจื้อเฟิงปรากฎตัวในคืนงานเลี้ยง หลีจื้อเฟิงรับปากตกลงจะทำตามแผนการนี้

หลีจื้อเฟิงวางแผนนัดเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กับซีเค่อหลันให้มาดื่มสุรา น้องเหมี่ยวอาสาเป็นคนส่งสาร ถึงหลีจื้อเฟิงจะเป็นห่วงน้องไม่อยากให้ไปก็ตาม หลังส่งสารอย่างราบรื่นเสร็จ ก้อมีคำสั่งให้หลีจื้อเฟิงเข้าพบพร้อมเชิญไปกินอาหารเย็นในกระโจม

เย็นนั้นน้องเหมี่ยวล้างคราบที่ปลอมแปลงโฉมของหลีจื้อเฟิงออก พร้อมจัดแต่งชุดนักรบชาวเฉวี่ยนหรงเต็มยศให้หลีจื้อเฟิงออกมาหล่อเหลาคมคายเหมือนเดิม ส่วนตัวเองแต่งชาวเฉวี่ยนหรงธรรมดาๆแต่ผัวชมว่าสวยมาก555 ทั้งคู่เข้ากระโจมของเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์พร้อมเจอะกับซีเค่อหลันที่ทำหน้าสงสัยเต็มอก เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์หยอกพี่เฟิงที่ออกรบให้แคว้นเที่ยนฉี่ พร้อมถามน้องเหมี่ยวว่ายังติดตามพี่เฟิงอยู่อีกหรอ พี่เฟิงตอบกลับทันทีว่าน้องเหมี่ยวชอบติดตามเขา วันหน้ากลับเผ่าเฉวี่ยนหรงน้องเหมี่ยวก้อจะกลับไปด้วยเช่นกัน(หวงทันที555) ซีเค่อหลันได้ยินประโยคนี้ก้อระแวงทันที ในงานเช่นนี้ต้องมีข่ม พี่เฟิงยืนประกาศศักดาว่าเขาจะกลับมาทวงทุกอย่างที่เป็นของเขากลับคืนมาแน่นอน องค์ชายใหญ่เก๋อเกินกับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์กำลังหว่านล้อมให้ร่วมมือกับเขายื่นข้อเสนอให้กองกำลัง แลกกับการห้ามยุ่งเกี่ยวกับเหตุการที่กำลังจะเกิดในงานล่าสัตว์ หลีจื้อเฟิงตอบตกลงตามคำสั่งของน้องเหมี่ยวที่สั่งไว่ล่วงหน้า555

วันรุ่งขึ้นเริ่มเทศกาล ปาถูโม่เริ่มพิธีเปิดเทศกาล จากนั้นก้อเรียกน้องเหมี่ยวให้ไปหาที่กระโจม แต่ปรากฎว่าเป็นเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์แทน เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์หลอกเขามาซักถามถึงจุดประสงค์ในการมาทางเหนือนี่ และถามหาถึงเนียตันคู่ปรับของเขาอยู่ที่ไหน น้องเหมี่ยวรู้ว่าปิดเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ไม่ได้แล้ว เลยเบี่ยงประเด็นแทนเรื่องจ้าวจั๋วยังไม่ตาย แต่มีองค์รักษ์เผ่าเฉวี่ยนหรงพาหนีหายสาปสูญไป ส่วนเนียตันออกจากหยางโจวก้อตามหาร่องรอยไม่เจอะ ก้อพอดีปาถูโม่กำลังแจกศรเสียบคำสั่งด้านนอก ทำให้เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ต้องเดินออกไปข้างนอก

ตอนนี้ด้านนอกเกิดเรื่องวุ่นวายในเผ่าเฉวี่ยนหรง หลังปาถูโม่ร้องเรียกชื่อซาน่าตัว พร้อมมอบศรคำสั่งให้เขา การปรากฎตัวของพี่เฟิงทำให้เผ่าเฉวี่ยนหรงแตกตื่น ซีเค่อหลันต้องอ้างชื่อของต๋าเลี่ยเค่อเพื่อสยบความแตกตื่น พี่เฟิงไปยืนที่ด้านหน้าเผ่าเฉวี่ยนหรงให้กลุ่มคนเห็นถ้วนทั่ว พร้อมทักทายพวกเขาทำให้คนส่วนหนึ่งในเผ่าโห่ร้องยินดี การทำเช่นนี้ทำให้คนในเผ่ามีความสงสัยในตัวซีเค่อหลันแทน น้องเหมี่ยวขี่ม้าไปใกล้พี่เฟิงถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เฟิงบอกว่าปาถูโม่ให้ศรคำสั่งกับเขา แปลว่าปาถูโม่รับรองในฐานะของเขาแล้ว จากนั้นปาถูโม่ก้อยิงลูกศรนกหวีด ทุกคนแยกย้ายแย่งชิงออกไปล่าสัตว์ทันที ม้านับหมื่นตัววิ่งเข้าหุบเขาแล้วพุ่งออกสู่ที่ราบ เผ่าเฉวี่ยนหรงแบ่งเป็นสองกลุ่มทันที กลุ่มหนึ่งขี่ม้าร้องตะโกนชื่อซาน่าตัว ส่วนอีกกลุ่มก้อตามซีเค่อหลันแทน

ระหว่างการแข่งขันก้อได้ยินเสียงทหารแผดร้องดังน่ากลัวแว่วๆมา พี่เฟิงสั่งให้น้องเหมี่ยวขึ้นมาขี่ม้าตัวเดียวกับเขา บอกว่าซีเค่อหลันลงมือจัดการละ พี่เฟิงขี่ม้าล่อเผ่าเฉวี่ยงหรงออกมา พร้อมกับไล่เก็บนักฆ่าในป่าไปด้วย พร้อมหนีการตามฆ่าของอีหฝั่งไปด้วย ส่วนปาถูโม่กำลังโดนล้อมวงสังหาร แถมได้รับบาดเจ็บที่แขน พอดีได้ยินเสียงเป่าเขาของทหารกำลังเสริมก็มาพอดี ทำให้จัดการจับทหารหน่วยสังหารได้ แถมยังเป็นคนของเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์อีก

หลังจบเหตุการณ์ ปาถูโม่พาพี่เฟิงน้องเหมี่ยวเข้ากระโจมหลวงพบว่า เป่าอินไทเฮากับองค์หญิงหลันโม่อินรออยู่ หมอกำลังรักษาบาดแลให้ปาถูโม่อยู่  เป่าอินไทเฮาเอ่ยรับสั่งว่าหากสถานการณ์ไม่เข้าที ขอให้องค์ชายรองซาน่าตัวลงมือช่วยเหลือพวกเขา พี่เฟิงรับปากทันที

สักพักเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ก้อเข้ามาในกระโจมถามหาปาถูโม่ แต่เริ่มระแวงตัวมองไปรอบๆกระโจมอย่างละเอียด ปาถูโม่ส่งจดหมายพร้อมซักถามเรื่องที่เขาสมคบคิดกับต๋าเลี่ยเค่อ จากนั่นก้อเริ่มมีการโต้เถียงอย่ารุนแรง ปาถูโม่ส่งสัญญาณตบโต๊ะ นักฆ่าก้อพุ่งเข้ามาจัดการเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ แต่เจอะสวนกลับพร้อมลงมือทำร้ายเป่าอินไทเฮาแต่องค์รักษ์พาหลบได้ทัน แต่องค์หญิงหลันโม่อินโดนฟาดหัวตายแทน
ในกระโจมคนสู้กันอลหม่าน เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะหลบหนีพร้อมจะจับตัวน้องเหมี่ยวไปด้วย พี่เฟิงหรือจะยอมออกโรงป้องกันเมียทันที แต่เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์แก่แต่แกร่งสู้ตายจนพี่เฟิงยังโดนฟาดล้ม ปาถูโม่สั่งระดมนักฆ่ารุมแต่ก้อทำอะไรไม่ได้ เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จะจัดการฆ่าน้องเหมี่ยว พี่เฟิงลอบจู่โจมทางด้านหลังแต่ยังเอาไม่ลง ปาถูโม่ จะเข้ามาสู้แต่น้องเหมี่ยวจับการกระชากออกไป แล้วตัวเองมาขวางทางพร้อมปัดเท้าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ที่เหวี่ยงมาแทน จากนั้นเนียตันก้อช่วยซัดเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จนซี่โครงหัก จนเขาเสียจังหวะและโดนมีดแทงจนสูญพละกำลัง สุดท้ายโดนเหล่านักฆ่ารุมจับกุมลงจนได้(ระหว่างนั้นเนียตันก้อหลบหนีออกไปแล้ว)

หลังจบเรื่องน้องเหมี่ยวตรวจดูอาการของพี่เฟิงว่าบาดเจ็บตรงไหน พร้อมคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดูแล้วน่าจะเป็นแผนของปาถูโม่ในการดักจับเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์นะเอง ก็พอดีพี่เฟิงเข้ามาตามน้องเหมี่ยวให้เตรียมตัวหลบหนี ตอนนี้เนียตันเตรียมม้าไว้รอที่นอกภูเขา ก่อนหลบหนีน้องเหมี่ยวชวนพี่เฟิงไปที่คุมขังของเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ เพื่อมาจัดการสังหารเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ด้วยลูกดอกยาพิษ
เพื่อแก้แค้นให้เหล่าคนที่โดนทารุณเมื่อคราวโดนจับมาเป็นเชลยที่ต๋าอันนะเอง จากนั้นก็แอบหลบหนีออกไปที่หุบเขาด้านล่าง พบม้าสามตัวผู้อยู่ใต้ต้นไม้ เนียตันกระโดดลงจากต้นไม้พร้อมออกเดินทางหลบหนีทันที

แต่กลับมีทหารวิ่งตามมาบอกว่าปาถูโม่ต้องการตามพวกเขาไปเข้าเฝ้า เนียตันตัดสินใจหนีทันที ทั้งสามควบม้าลงใต้ในทันทีจนถึงด่านหลันกวน ในที่สุดก็เจอะคนคอยรอรับ พร้อมบอกให้ทั้งสามรีบข้ามแม่น้ำหวงเหอทันที เพราะมีข่าวทัพต๋าต๋าบุกลงใต้แล้ว ตอนนี้ราชสำนักส่งกองทัพมารอริมแม่น้ำหวงเหอแล้ว ทั้งหมดเดินทางมาใกล้จะถึงฝั่งแม่น้ำก็มีกองทหารเที่ยนฉี่มารอรับที่เนินเขา

เป็นผิงซีมารับยังไม่ทันพูดอะไร ทหารต๋าต๋าก้อเป่าแตรมาจากบนหลังม้า หลีเหยียนขี่ม้าออกจากค่ายทหารบอกว่าปาถูโม่ต้องการพบพวกเขา เนียตันเลยเสนอให้ไปพบกันบนที่ราบ ต่างฝ่ายต่างนำคนมาห้าสิบคนเพื่อพบเจอะ สักพักมีคำสั่งปาถูโม่ระบุว่าอยากพบน้อมเหมี่ยว น้องเหมี่ยวกับพี่เฟิงพร้อมกองทหารห้าสิบคนเดิยทางไปที่ราบ ก้อมีทหารขี่มม้าเข้ามากระซิบเตือนว่าอย่าเข้าไปใกล้เกิน เพราะกลัวปาถูโม่จะจับน้องเหมี่ยวกลับไป ปรากฎว่าเป็นจ้าวเฉาปลอมตัวมา(เนื้อหอมละเกินน้องเหมี่ยวของพี่)

น้องเหมี่ยวก้อมาประชันหน้ากับปาถูโม่ที่กล่าวตัดพ้อ ว่าเขาขี่ม้าตามมาสามวันสามคืนยังตามน้องไม่ทัน น้องเหมี่ยวแอบละอายใจที่หลอกลวงปาถูโม่ แต่ปาถูโม่ล่วงรู้ฐานะของน้องเหมี่ยวแล้ว เขาจำได้ว่าน้องเหมี่ยวคือคนที่ยอมตายแต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีคนนั้น ที่โดนทรมานจนจะโดนไปใช้ห้าม้าแยกร่าง ตอนนั้นเขาอายุสิบเอ็ดปียืนมองน้องบนหอคอยคิดจะแอบช่วยน้องพาหนี แต่ซาน่าตัวมาช่วยน้องไว้ได้ก่อน เขามาจำน้องเหมี่ยวได้ตอนคืนนั้นที่ภูเขาไป่หลาง น้องเหมี่ยวรับปากว่าจะส่งจดหมายเขาให้กับจ้าวเฉา เขายังเขียนไม่เสร็จทำไมถึงรีบกลับไป น้องเลยถามว่าเขียนจม.เสร็จยังละเดียวเขาจะเอาไปส่งให้ ปาถูโม่เลยมอบจดหมายให้น้องเหมี่ยวพร้อมบอกว่าวันหน้าค่อยพบกันใหม่ จากนั้นแยกย้ายกลับกันไป

คืนนั้นทั้งหมดถอนทัพออกจากริมฝั่งแม่น้ำหวงเหอ เตรียมกลับเมืองหลวง จ้าวเฉาถือโอกาสเดินทางสำรวจชาวบ้านไป พร้อมแวะไปพักผ่อนที่บ้านบนปราสาทเขาเจียวปัวแทน ภายในปราสาทเขาเจียงปัวตบแต่งโคมแดงรับเทศกาลหยวนเซียวจ้าวเฉามาพักไม่ได้เปิดเผยฐานะ น้องเหมี่ยวเลยกะจัดงานเลี้ยงเล็กๆในสวนสี่คน แต่พอเฉียวหรงมาก็ความแตก สุดท้ายต้องทำพิธีเคารพเจ้าฉาวตามระเบียบ กลายเป็นงานเลี้ยงใหญ่ของครอบครัวไป จ้าวเฉาเอ่ยปากให้น้องเหมี่ยวกลับราชสำนักไปช่วยงานเขา น้องเหมี่ยวคิดแล้วว่าปีนี้คงต้องเตรียมออกทัพยกขึ้นเหนือแน่เลยยอมรับปากจะเข้าราชสำนัก

หลังกินข้าวแล้วทั้งสี่พี่น้องก้อออกไปนั่งดื่มสุราชมจันทร์ในสวนแทน จากนั้นจ้าวเฉาก้อกล่าวขอโทษเนียตันในเรื่องที่เขาทำให้ต้องผิดหวัง พร้อมขอร้องให้เนียตันนำทัพขึ้นเหนือเพื่อเที่ยนฉี่ เนียตันรับปากนำทัพ  พี่เฟิงพยายามรักษาบรรยากาศ แต่ภายในของทั้งคู่ยังคงไม่คลี่คลาย

เช้ามาทั้ง เนียตันและจ้าวเฉาต่างก้ออกจากบ้านไปแล้ว เหลือเฉียวหรงรออยู่กินข้าวกับน้องเหมี่ยว พร้อมรายงานในราชสำนักคราวๆ พร้อมให้เขาเตรียมระวังตัว เพราะตอนนี้มีคนพยายามใส่ร้ายว่าเขาสมคบกับคนต่างเผ่าต่างแคว้น ให้พี่เฟิงและน้องเหมี่ยวระวังตัวทั้งคู่

พี่เฟิงกลับเข้ารายงานตัวที่กรมทหาร น้องเหมี่ยวกลับเข้าสภาที่ปรึกษา พร้อมมองกองฎีกาท่วมหัว ศึกในตอนนี้ของน้องเหมี่ยวคือการสู้กับขุนนางราชสำนักเพื่อขอความเห็นชอบในการเปิดศึกทางเหนืออีกครั้ง ตอนนี้ศัตรูเขาในราชสำนักคือหลีเหยียนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม

ตอนนี้เปิดวาระตีฝีปากในท้องพระโรงแล้ว เริ่มจากที่หลีเหยียนไม่เห็นด้วยที่จะเปิดศึกยกทัพขึ้นเหนือ แต่เจอะน้องเหมี่ยวตีกลับว่าเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ตายแล้ว ตอนนี้กองกำลังต๋าต๋าไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ตอนนี้มีโอกาสจะกลับคืนจงหยวนไปเมืองหลวง ถึงเวลาคืนหยางโจวให้ชาวใต้แล้ว ยกนี้น้องเหมียวชนะ แถมจ้าวเฉาพูดผ่ากลางวงว่าเขาจะโยกย้ายกลับไปเมืองหลวงเก่า วงแตกทั้งราชสำนัก ส่วนเนียตัน  หลีจื้อเฟิงและจ้าวเฉาเตรียมวางแผนเคลื่อนกองกำลังเตรียมเดินทัพเพื่อชิงดินแดนทางเหนือของด่านเจิ้งเหลียงกลับคืนมา

คืนนั้นมีงานเลี้ยงต้อนรับน้องโหยวเหมี่ยว แต่เบื้องหลังงานเลี้ยงคือหวังเกลี้ยกล่อมเขาให้เลิกล้มแผนยกทัพขึ้นเหนือ โดยเฉพาะหลีเหยียนหว่าน้องเหมี่ยววางแผนนี้เพื่อช่วยพี่เฟิงลับหลัง น้องเหมี่ยวเลยซัดกลับว่ามันเป็นเรื่องสมควรปะละ พี่เฟิงเขาต้องออกไปรบเพื่อเทียนฉี่ขนาดไหน หลีเหยียนขอเวลาพักรบยี่สิบปี น้องเหมี่ยวเลยด่ากลับว่าปล่อยเวลาไปยี่สิบปีถึงตอนนั้นจะมีใจสู้รบแต่กายไหวที่ไหนละ น้องเหมี่ยวรู้ว่าเกมนี้ไม่ง่ายแน่ น้องเลยบอกว่าพี่เนียตันได้รับตราพยัคฆ์แล้ว พี่เฟิงเองเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน  หลีเหยียนถามว่าหากพ่ายแพ้ใครจะรับผิดชอบ น้องเลยเอาหัวตัวเองรับผิดคนเดียว แล้วจากไป ตอนนีพวกพี่น้องคุณชายชั้นสูงล้วนให้กำเนิดบุตรธิดากันหมดแล้วท่าทางอยากอยู่อย่างสงบมากกว่า

น้องโหยวเหมี่ยวกลับไปที่สภาที่ปรึกษาก้อพบฎีกาจากหกกรมตั้งมากมาย ขณะนั่งเหม่อๆคิดถึงอาจารย์ พี่หลีจื้อเฟิงก้อมาหาพาน้องไปกินข้าวด้วยกัน เพราะวันมะรืนพี่เฟิงจะต้องเคลื่อนทัพแล้ว พี่เฟิงมองน้องเหมี่ยวปลอบใจให้เชื่อใจเขาว่า เขาจะต้องมอบบ้านหลังใหม่ทำให้น้องเหมี่ยวพอใจมากแน่ๆ พริบตานั้นน้องโหยวเหมี่ยวตัดสินใจได้แล้ว เลยบอกให้พี่หลีจื้อเฟิงวางใจเถอะเรื่องในราชสำนักปล่อยให้เขาจัดการเอง พี่เฟิงเลยบอกให้น้องเหมี่ยวดูแลตัวเองด้วย ทั้งคู่โอบกอดกันแนบแน่น

สองวันต่อมาเป็นวันเคลื่อนทัพ น้องเหมี่ยวจัดแต่งชุดเกราะใส่ให้พี่เฟิงเองกับมือ ในค่ายทหารนอกเมืองหยางโจว เสียงเป่าเขาสัตว์ส่งสัญญาณ จ้าวเฉาพาเหล่าขุนนางมาส่งกองทัพ นับจากนี้แคว้นเที่ยนฉี่จะทวงคืนแผ่นดินจงหยวน ทำให้ห้าชนเผ่าแตกตื่น รวมกำลังทหารเตรียมเปิดศึกที่ตีนภูเขาหมานซาน ส่วนศึกในราชสำนักยังระอุอยู่ จ้าวเฉาปรึกษาแผนการรบกับน้องเหมี่ยวเป็นระยะ

เดือนสี่ผ่านพ้นปรากฎว่าศึกแรกทัพของเนียตันชนะ ตอนนี้รอเสบียงกองทัพและคำสั่งต่อไป ตอนนี้ทัพของพี่หลีจื้อเฟิงบุกโจมตีซีเหลียงและจับกษัตริย์เผ่ากับเวียนเปยเป็นเชลย พร้อมบีบบังคับให้เมืองต่างๆยอมจำนน ขุมกำลังสามเผ่าสลายไป

น้องโหยวเหมี่ยวได้รับรายงานเลยออกคำสั่งให้พี่เฟิงจัดวางกำลังทหารในสามเมืองแถบแนวรบฝั่งตะวันตก หยุดพักกองทัพ ห้ามบุกต่อให้รอรับเสบียงก่อน จากนั้นโยกกองกำลังทหาร การนี้ถังฮุยและจ้าวเฉาต่างไม่เห็นด้วย แต่น้องเหมี่ยวอธิบายว่าจำเป็นต้องย้ายกองกำลังทหารไว้รักษาสามเมืองที่ยึดมาได้กันพวกสามเผ่าจะกลับมารวมตีชิงคืน มีรายงานทหารจากเนียตันให้ส่งทหารมารักษาการณ์ในเมือง พร้องเร่งรัดของเสบียงกองทัพ  จ้าวเฉาจัดขุนนางพร้องกองทหารไปรักษาการสามเมืองที่ตีคืนมาได้

เดือนห้า ทางเหนือเตรียมเปิดศึกใหญ่ ปาถูโม่เปลี่ยนผู้บัญชาการทหารคนใหม่ พร้อมสงจดหมายขอความช่วยเหลือกับกษัตริย์เกาลี่ ในราชสำนักเดือดพล่านหลีเหยียนเป็นหัวหอก กลัวรบแพ้ อยากหยุดสงคราม พร้อมโจมตีน้องเหมี่ยวตลอดเวลา แต่น้องยังยันผลักดันให้รบต่อไป ทัพเนียตันรับกับเผ่าซยงหนูที่ฝั่งตอนใต้ของแม่น้ำหวงเหอและได้รับชัยชนะติดต่อกันถึงสี่ครั้ง ทัพพี่เฟิงก้อลอบโจมตีซ้ำจนเผ่าซยงหนูหนีไปเมืองเหยียนเปียน ตอนนี้มีปัญหาว่าจะสั่งกองทัพบุกข้ามแม่น้ำหวงเหอรึไม่ น้องเหมี่ยวกลับสภาที่ปรึกษาพบกองฎีกามากมายท่วมท้น 

หลายวันผ่านไปพร้อมข่าวปาถูโม่ยกทัพลงใต้เตรียมทำศึก จากการประชุมขุนนางสรุปตกลงว่ายังไม่ควรยกทัพข้ามไป ระหว่างนี้มีคนกระจายข่าวเรื่องน้องเหมี่ยวมีความสัมพันธ์อันดีกับปาถูโม่ตอนไปเมืองต๋าอัน ทำให้มีแนวโน้มเข้าข้างศัตรต่างแคว้น ตอนนี้จ้าวเฉาก้อมีใจคิดระแวงน้องเหมี่ยวอีก มีรายงานทหารส่งมาด่วนบอกว่าเนียตันจะข้ามแม่น้ำไปเปิดศึก น้องเหมี่ยวรีบเข้าวังไปปรึกษาจ้าวเฉา น้องเหมี่ยวรีบไปทูลให้สนับสนุนเนียตัน แต่ตอนนี้น้องเริ่มรู้สึกว่าจ้าวเฉาคิดทำศึกตามใจตัวเอง เพราะที่จริงเขาอยากให้เนียตันข้ามแม่น้ำไปเปิดศึกอยู่แล้ว น้องเหมี่ยวเลยเริ่มโกรธเพราะน้องเหมี่ยวรู้จักนิสัยจ้าวเฉาดี แถมไม่สนใจฟังความคิดน้อง ทั้งยังหาว่าน้องคิดแผนการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตอนนี้ถ้าคุยต่อคงทะเลาะกัน ทั้งคู่เลยพักยกไปก่อน

น้องโหยวเหมี่ยวกลับสภาที่ปรึกษา รื้อฎีกามานั่งอ่าน เพื่อจะได้ไปเสนอที่ประชุมพรุ่งนี้เช้า ฉับพลันเขาได้ยินเสียงแว่วเรียกชื่อตัวเอง"จื่อเชียน" พร้อมกับเห็นเนียตันในชุดเกราะเต็มยศ เดินถอดหมวกวางที่โต๊ะแล้วทรุดนั่งข้างเขา น้องเหมี่ยวถามว่าเขากลับมาได้ยังไรแล้วถามหาพี่เฟิงละ เนียตันส่ายหน้า บอกแต่ว่ารอหลีจื้อเฟิงกลับไปที่เผ่าเฉวี่ยนหรงแล้ว ขอฝากฝั่งฉงยางลูกชายบุญธรรมของเขาไว้กับพวกเขาแล้ว แล้วเนียตันก้อโอบกอดเขาพางลูบหัว ทันใดน้องเมี่ยวก็ร้องไห้เรียกหา"พี่ใหญ่..." เนียตันลุกเดินจากไป ก่อนออกจากห้องก็หันมายิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น น้องเหมี่ยวสะดุ้งตื่นก้อพอดีถังปั๋วมา น้องเลยเล่าความฝันให้ถังปั๋วฟัง ถังปั๋วเลยว่าน้องเครียดคิดมากไปเอง น้องเหมี่ยวรู้แต่ตัวเองนั่งต่อไปไม่ไหว วิ่งออกมาที่ถนน เดินไปเรื่อยเปื่อยจนสุดท้ายวิ่งไปที่จวนโหราจารย์ ไปพบเฉินชิ่งอดีตเพื่อร่วมรุ่นขุนนางสมัยเดียวกัน น้องเหมี่ยวเลยจะมาให้ช่วยทำนาย ก้อพอดีมีดาวตกเบื้องหน้า น้องเหมี่ยวยิ่งจิตใจสั่นไหว อยากให้ดูดาวแม่ทัพ แต่เฉินชิ่งกลับบอกว่าไม่มีเหตุร้ายหรอกดาวตกเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกอย่างมีเกิดมีดับ ก้อปลอบโยนให้น้องเหมี่ยวสงบจิตสงบใจ

เช้าวันต่อมาหลังประชุมขุนนาง จ้าวเฉาตามน้องเหมี่ยวไปพบที่ห้องทรงอักษร เล่าว่าถังปั๋วบอกมะคืนน้องฝันร้ายแล้ววิ่งออกไปข้างนอก เลยถามว่าน้องเหมี่ยวเป็นอะไร น้องเหมี่ยวเลยเล่าเรื่องมะคืนที่ไปพบกับเฉินชิ่งมา จ้าวเฉาดูแล้วไม่น่าได้คำตอบแบนี้ ก็มีข่าวด่วนจากทหารมารายงานว่า แม่ทัพเนียตันได้รับชัยชนะตรงด่านหลันกวน กองทัพปาถูโม่โดนตีแตกถอยหนีกลับเมืองเหยียนเปียน น้องเหมี่ยวดีใจน้ำตาไหลแถมยังได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นน้าคนแล้ว เพราะตอนนี้เฉียวหรงฮองเฮาท้องแล้ว คืนนั้นจ้าวเฉาจับน้องเหมี่ยวกรอกเหล้าจนเมาหลับในวัง น้องเหมี่ยวฝันเห็นหลีจื้อเฟิงสวมชุดเกราะดำควบม้าสังหารศัตรูนับพันนับหมื่น ตัดเป็นยามดอกท้อโปรยปรายเขาเห็นเฉียวหรงอุ้มทารกแล้วส่งยิ้มให้เขา

สักพักเขาโดนเฉียวหรงปลุก พร้อมมีน้ำแกงสร่างเมาจ่อปากพร้อมชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนใหม่ น้องเหมี่ยวยังไม่ตื่นดีจะล้มตัวนอน เฉียวหรงก็รีบบอกว่าเนียตันมารอเขาที่ห้องทรงอักษร  น้องเหมี่ยวสะกิดใจรีบตะกายลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ห้องทรงอักษร ภายในห้องมีาวเฉาที่ยืนซึมด้วยสีหน้าราวกับคนตาย ยังถังฮุย ผิงซี หลีเหยียนก็มา มีคนส่งารจากแนวหน้าคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะที่โดนพลิกคว่ำ ฎีกากระจัดกระจาย จ้าวเฉาทรงตัวไม่อยู่ล้มลงกับพื้น ฉับพลันน้องโหยวเหมี่ยวรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผินซีเล่าว่าแม่ทัพเนียตันออกไล่ล่าปาถูโม่ แต่เจอะเผ่าเฉวี่ยนหรงลอบจู่โจมที่เหลียงตง ทหารม้าสองหมื่นนายตายหมด แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงกลับมาช่วยไม่ทัน แม่ทัพเนียตันไม่ยอมศิโรราบ จนตาย น้องโหยวเหมี่ยวทรุดตัวลงไปร้องไห้ไม่หยุด

ข่าวจากทหารแนวหน้ายังส่งมาไม่หยุด แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงรวบรวมทหารที่เหลือจากสองกองทัพ ให้มาอยู่ใต้บัญชา ตอนนี้ตั้งค่ายอยู่ที่ด่านหลันกวนเพื่อรอคำสั่ง

สิบวันให้หลัง โลงศฟเนียตันถูกส่งกลับมาที่เมืองหลวง ระหว่างทางมีแต่เสียงร้องไห้ของคนมากมาย ที่ร้องไห้แล้วพุ่งตัวไปกอดโลงศฟ ในท้องพระโรงน้องโหยวเหมี่ยวอ่านรายงานของแม่ทัพหลี่จื้อเฟิง ว่าต๋าเลี่ยเค่อหลับจับแม่ทัพเนียตันเป็นเชลยแล้ว ชาวเฉวี่ยนหรงแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้ผูกมิตรกับทางใต้ อีกฝ่ายให้ผูกมิตรกับชาวต๋าต๋า เก๋อเกินชินอ๋องเผ่าต๋าต๋าเข้ามาเกลี่ยกล่อมให้แม่ทัพเนียยอมจำนน แต่แม่ทัพไม่ยอมจึงถูกเผ่าเฉวี่ยงหรงตัดสินประหารด้วยข้อหาทรยศ เพราะเนียตันเคยแอบแฝงสอดแนมในเผ่าเฉวี่ยนหรง ต๋าเลี่ยเค่อรู้ว่าตอนนี้เผ่าเฉวี่ยนหรงได้ความแค้นให้แดนทางใต้แล้วจึงต้องหันไปร่วมมือกับเผ่าต๋าต๋าแทน แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงได้ใช้คนสนิทในเผ่าให้ลักลอบขโมยนำศฟแม่ทัพเนียตันกลับออกมา แม่ทัพเนียตันเคยบอกว่าถ้าเขาพลาดท่าเสียที ไม่ต้องแก้แค้น ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของบ้านเมืองเป็นหลัก

ตอนนี้กองทัพใหญ่ต๋าต๋าล้มตายไปเยอะมาก เผ่าเฉวี่ยนหรงก็แตกแยกเป้นสองฝ่าย ไม่เกินปีนี้น่าจะยึดเมืองเหยียนเปียน และเมืองต้าอันได้เร็วๆนี้ แต่ประโยคท้ายในรายงานน้องเหมี่ยวไม่ได้อ่านที่พี่เฟิงเขียนขอให้จ้าวเฉาส่งน้องเหมี่ยวมาช่วยเขาวางแผนรบ แต่น้องเหมี่ยวแปลงสารเป็น "ขอฝ่าบาทโปรดรีบออกคำสั่งให้ยกทัพรบต่อโดยเร็วที่สุด" หลังกล่าวจบทุกคนเงียบกริบ ผิงซีเอ่ยว่าแม่ทัพหลี่จื้อเฟิง ตอนนี้ยังไม่อาจวางกลยุทธ์ในการรบได้ น้องเหมี่ยวอาสาไปช่วยวางแผน แต่จ้าวเฉาไม่ยินยอม หลีเหยียนหาว่าพี่เฟิงแอบแทงหลังส่งข่าวให้ศัตรู น้องเหมี่ยวเลยตอกกลับว่าถ้าพี่เฟิงเป็นคนเช่นนั้นคงไม่ช่วยเดรัจฉานอย่างแกกลับมาหรอก(ด่าได้ดีๆ) ตอนนี้เซี่ยฮุยโยนลูกเรื่องคัดเลือกแม่ทัพออกรบแทนแม่ทัพเนียตัน เลยเสนอแม่ทัพฮุย แต่น้องเหมี่ยวสกัดเสนอชื่อถูรื่อเซิงไปแทน

ตอนนี้ถกเถียงถึงความสามารถกันไปมาจนจ้าวเฉาเสนอตัวจะออกรบแทน เหล่าขุนนางคัดค้านกันสนั่น หลีเหยียนอ้างว่าจ้าวเฉายังไม่มีทายาท เลยโดนสวนว่าตอนนี้ฮองเฮาตั้งครรภ์แล้ว น้องเหมี่ยวคิดถึงผลดีผลเสียแล้วเลยบอกให้จ้าวเฉากลับไปคิดดีๆ ตอนนี้เหล่าขุนนางเตรียมไปรับศฟแม่ทัพเนียตันที่ประตูเสวียนอู่

พอถึงคราวเปิดโลงชันสูตรศฟ น้องโหยวเหมี่ยวเป็นลมหมดสติทันที ร่างศฟเนียตันโดนทารุณหนักมาก ขาโดนตัดสองข้าง ดวงตาถูกควัก ลิ้นถูกตัด ฟันโดนถอนหมดปาก น้องฟื้นสติมาก้อคุกเข่าร้องไห้ไม่หยุด จ้าวเฉาเข้ามากอดปลอบน้องเหมี่ยว พร้อมบอกว่าเขาตัดสินใจจะนำทัพออกรบพรุ่งนี้ และอย่าบอกเฉียวหรง

ทั้งหมดนี้เป็นแผนชั่วของเก๋อเกินชินอ๋องที่ล้างแค้นให้เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์ และสร้างความแค้นให้เผ่าเฉวี่ยนหรงกับแคว้นเที่ยนฉี่


ถังปั๋วเดินถือกล่องมาให้น้องเหมี่ยว บอกเป็นของส่วนตัวแม่ทัพเนียตันที่ฝากมอบไว้ให้น้อง และจ้าวเฉาสั่งให้เข้าเฝ้าในคืนนี้ น้องเปิดกล่องออกมาเป็นพัดของเนียตันที่เขาเขียนกลอนไว้ ในที่สุดน้องก็รู้ประโยคบนพัดของเนียตันสะที ข้อความนั้นคือ"แม่ทัพชนะศึกบนกองกระดูก" จากนั้นก้อเตรียมตัวเข้าวัง

น้องโหยวเหมี่ยวอยากให้กององค์รักษ์ติดตามไปด้วย แต่จ้าวเฉาไม่ยอมเพราะกลัวจะมีคนตลบหลัง ผิงซีจึงเสนอให้แม่ทัพถังฮุยเฝ้าเมือง ให้แม่ทัพหลิวติดตามจ้าวเฉา แบ่งกองกำลังองค์รักษืไปหมื่นสองพันนาย ทิ้งไว้องค์รักษ์แปดพันนายไว้ไว้เมือง จากนั้นรอขุนนางออกไปจนหมด จ้าวเฉาจึงพูดเป็นการส่วนตัวกับน้องเหมี่ยวที่คาดเดาอะไรแม่นเหมือนตาเห็นตลอด ถามว่าน้องกลัวว่าเขาจะไม่ได้กลับมาใช่ไหม น้องตอบว่าใช่ จ้าวเฉาบอกว่าเขาไม่อาจหลบซ่อนอยู่หลังพี่ใหญ่อีกต่อไปแล้ว คราวนี้เขาจำเป็นต้องออกไปสู้ น้องเหมี่ยวเลยกำชับให้เขาระมัดระวังตัวให้ดี ใช้สติให้มากๆแล้วก้อให้กลับมาอย่างปลอดภัย จ้าวเฉาฝากน้องเหมี่ยวให้ดูแลฮองเฮากับหลานของเขาให้ดี

ตอนนี้ปาถูโม่หนีกลับเมืองต้าอัน ส่วนต๋าเลี่ยเค่อถอนตัวออกร่อนเร่อยู่นอกด่านไร่ร่องรอย แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงเตรียมรื้อค่ายพร้อมออกเดินทางขึ้นเหนือ เผ่าหูกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะเผ่าต๋าต๋ารบแพ้มาหลายครั้งติดๆกันจนกองกำลังอ่อนแอหนัก ฝั่งเกาลี่ยังดูทีท่าอยู่

ข่าวสารส่งมาว่ากองทัพจ้าวเฉาแสนนายตรงปิดล้อมเมืองเหยียนเปียน กับทัพของแม่ทัพหลี่จื้อเฟิงนำทัพทหารม้าสามหมื่นนายมุ่งไปทางตะวันออกแล้ว

ผ่านไปสามเดือนที่เมืองเหยียนเปียนถูกปิดล้อมจนเสบียงขาด จนคนแทบจะกินกันเองแล้ว ส่วนจ้าวเฉาล้มป่วยด้วยโรคลมเย็น ดูท่าตอนนี้ศึกน่าจะยืดยื้อไปอีก  ยิ่งเข้าใกล้หน้าหนาว ต้องตระเตรียมเสื้อกันหนาวให้กองทัพ เฉียวหรงท้องโตใกล้คลอด ยังติดจะทำชุดขุนศึกสำหรับใส่หน้าหนาวให้จ้าวเฉา น้องเหมี่ยวเลยต้องรีบทำชุดศึกหน้าหนาวให้สามีด้วยเหมือนกัน เลยสั่งบ่าวไพร่ไปตระเตรียมของที่ปราสาทเขาเจียงปัว 

น้องเหมี่ยวให้สารลับจากพี่เฟิงว่าจ้าวเฉาอาการไม่ดีให้เตรียมเตรียมการให้ดี พอเขาเข้าท้องพระโรงก้มีคนมาส่งสารว่าฝ่าบาทป่วนจะทำยังไรดี เหล่าขุนนางมองหน้าน้อง น้องเลยถามคนส่งสารว่าจ้าวเฉาพูดอะไรไว้บ้าง คนส่งสารบอกจ้าวเฉายืนยันจะอยู่ในสนามรบต่อ น้องเหมี่ยวทำตามรับสั่งแล้วส่งหมอหลวงไปตรวจอาการแทน หลีเหยียนเสนอให้นำจ้าวเฉากลับเมืองหลวง แต่น้องเหมี่ยวไม่เห็นด้วยยิ่งป่วยแล้วเดินทางไกลยิ่งอันตราย

หลังเลิกประชุมน้องเหมียวกลับมาที่สภาที่ปรึกษา ก็เจอะเฉิงกวนอู่มารอรายงานว่ามีคนอ้างว่าเป็นลูกน้องเก่าพี่เฟิงมาส่งข้อความ รอเขาอยู่ที่ปราสาทเขาเจียงปัว น้องเหมี่ยวเลยรีบลางานแล้วกลับบ้านทันที เมื่อไปถึงน้าเล้กก้อมาบอกว่าเชิญไปไว้ที่เรือนทิงจู๋ไห๋ น้องเดินไปก้อเจอะคนเผ่าเฉวี่ยนหรงชื่ออวี๋ฮัว พร้องส่งมอบจดหมายว่ามาจากองค์ชายซาน่าตัว ในจดหมายเขียนว่าเจ้าสามป่วยหนักมาก "รีบเตรียมการถอนตัว"น้องเลยสอบถามอาการจ้าวเฉา แต่บอกเพียงไข้ขึ้นสูงไม่ได้สติ น้องเหมี่ยวเริ่มวิตกกังวลใกล้สติแตก ระหว่างที่น้องกำลังสะกดสติตัวเองก้หันไปเห็นสายตาของอวี๋ฮัว น้องก้อฉุกคิด ถามว่าอวี๋ฮัวอยู่ในเผ่าหรืออยู่กับใคร อวี๋ฮัวบอกเขารั้งอยู่ในเผ่า น้องเลยให้อวี๋ฮัวพักในปราสาทเขาไปก่อน ตัวเขาจะกลับไปเขียนจดหมายตอบ น้องเหมี่ยวสั่งน้าเล็กให้เฝ้าอวี๋ฮัวไว้อย่าให้ใครเข้าใกล้ ตัวเขาจะรีบกลับเข้าวังไปหาเฉียวหรง

ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวเริ่มรู้ภาระว่าเขาจะต้องปกป้องพี่สาวกับหลานไว้ให้ทั้งคู่ปลอดภัย ถึงแม้จ้าวเฉาอาจตายก้อต้องปิดข่าวไว้จนกว่าหลานจะออกมาดูโลก ตอนนี้เขาฉุกคิดว่าอวี๋ฮัวน่าจะให้ข้อมูลปลอม เลยจะเอาลายมือหลี่จื้อเฟิงมาเทียบพบว่าเป็นจดหมายปลอม น่าจะแผนของต๋าเลี่ยเค่อกับเก๋อเกินชินอ๋อง น้องเหมี่ยวเรียกแม่ทัพถังฮุยมาปรึกษา วางแผนจัดกองกำลังรักษาเมือง พร้อมกำชับให้เฉียวหรงอยู่ในวังอย่าออกไปไหน แล้วให้ถังฮุยแอบตรวจสอบคนในเมืองถ้ามีคนต้องสงสัยจับมาสอบสวนให้หมด

ที่ประชุมตอนเช้าน้องโหยวเหมี่ยวเริ่มสังเกตุพิรุธขุนนางในท้องพระโรง หลีเหยียน ผิงซีถามถึงจดหมายจากพี่เฟิงว่ามีมาส่งบ้างไหม น้องเหมี่ยวตัดบทบอกทุกอย่างปกติดี แล้วกลับไปพักที่สภาที่ปรึกษา ถัวปั๋วก้อมาเคาะเรียกแต่น้องอยากพักผ่อนถึงจากไป ตกค่ำมีองค์รักษ์บอกว่าถังฮุยให้มารายงาน ว่ามีคนแอบแทรกซึมเข้าเมืองมาพักที่ห่อโม่เหยียนในเมืองหยางโจว สอบถามว่ามาอยู่ได้หนึ่งเดือนแล้วความเป็นมาไม่แน่ชัด แม่ทัพถังฮุยให้มาทาถามว่าจะให้ตรวจค้นไหม น้องบอกอย่าเพิ่งค้น แต่แม่ทัพถังฮุยให้ทหารล้อมหอโม่เยียนแล้ว น้องจึงรีบไปทันที ก่อนไปเขาหันไปสั่งเฉิงกวนอู่ให้ไปสอบหาที่มาของแขกให้แน่ชัดว่าเป็นใคร

ที่หน้าหอโม่เยียน มีชาวบ้านมารุมดูเต็มไปหมด แม่ทัพถังฮุยสั่งให้ชาวบ้านแยกย้าย ปรากฎว่าคนที่ออกมาคือหลีเหยียน น้องโหยวเหมี่ยวเริ่มเดาอะไรได้รางๆ เลยจับมือแอบกดลงไปที่ฝ่ามือ แต่ปากบอกให้แม่ทัพถังฮุยกลับไปก่อน จากนั้นน้องเหมี่ยวเดินเข้าไปในหอกับหลีเหยียน เขาพาขึ้นไปที่ชั้นสองที่ห้องหนึ่งก้อพบอดีตฮ่องเต้จ้าวจั๋วนะเอง จ้าวจั๋วคุกเข่าให้น้องเหมี่ยวขอร้องให้ช่วยเหลือเขา พร้อมกล่าวหาว่าจ้าวเฉาแย่งชิงบัลลังก์ของเขา แล้วให้นึกถึงความเป็นศิษย์พี่น้องอาจารย์เดียวกัน น้องเลยถามว่าเขากลับมาทำไม จ้าวจั๋วบอกว่าได้ข่าวจ้าวเฉาป่วยหนักและกษัตริย์เกาลี่ส่งฑูตมาตามหาเขาจนเจอะ...แต่น้องรู้เรื่องได้รางแล้ว จึงกระชากมีดสั้นแทงจ้าวจั๋ว แต่นักรบชาวเฉวี่ยนหรงพุ่งออกมาจากที่ซ่อน น้องโดนฉากกันซัดมากระแทกจนแขนหัก ส่วนจ้าวจั๋วโดนมีดแทงมือ หลีเหยียน ผิงซี วิ่งเข้ามาดู จ้าวจั๋วโมโหที่น้องเหมี่ยวไม่ยอมร่วมมือ ตอนนี้น้องรู้แล้วว่า  หลีเหยียน ผิงซีรวมมือกับจ้าวจั๋วก่อกบฎ หลีเหยียนบอกให้จ้าวจั๋วรีบลงมือในคืนนี้ นักรบชาวเฉวี่ยนหรงจะลงมือฆ่าน้องเหมี่ยว แม่ทัพถังฮุยก้อบุกเข้ามาช่วยน้องพาหนีได้พอดี

ถังฮุยบอกตอนนี้กองกำลังหยางโจวก่อกบฎ เวลานี้ต้องหนีเข้าเมืองเม่าเฉิง ตอนนี้ ในเมืองโดนโจมตี น้องเหมี่ยวเรียกทุกคนที่ล้อมเขาว่า จ้าวจั๋วกลับมาแล้ว ใครจะไปเข้ากับหลีเหยียนให้ออกจากเมืองไปเดียวนี้ ถ้าไม่ไปให้ทุกคนเข้าเมือง แล้วปิดประตูเมืองเตรียมป้องกันการบุกโจมตี ส่วนตัวเขาจะแจกป้ายระดมพลกองเสริมกำลังพิทักษ์กษตริย์ของแต่ละอำเภอ และรวบรวมทหารพลเรือนสิบหกอำเภอไว้รักษาเมืองชั้นใน ส่วนลูกหลานตระกูลใหญ่ที่อยู่ในเมืองฝากให้เซี่ยฮุนช่วยดูแลด้วย

ก่อนออกเดินทางระดมพล น้องเหมี่ยวคุกเข่าขอร้องแม่ทัพถังฮุยให้ช่วยคุ้มครองเมืองเพื่อจ้าวฉาวด้วย แม่ทัพถังฮุยรับปากจะปกป้องเมืองไว้จนถึงตัวตาย ประตูเมืองปิดทั้งสี่ทิศ เซี่ยฮุยนำขุนนางและเหล่าลูกหลานอพยพเข้าไปหลบภัยในตำหนัก

น้องเหมี่ยวนำขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ที่ตามเขามาพร้อมแจกป้ายระดมพล พร้อมกล่าวว่าจ้าวจั๋วตายแล้วคนที่ก่อกบฎคือหลีเหยียนและผิงซี ที่ปล่อยข่าวลือเหลวไหลว่าจ้าวเฉาตายแล้ว แถมสมคบกับคนที่แอบอ้างเป็นอดีตฮ่องเต้มีโทษสมควรตาย สั่งให้นายอำเภอระดมกองทหารมา ถ้าใครไม่ยอมทำตามให้ฆ่าทิ้งให้หมดแล้วแย่งชิงอำนาจบัญชาการทหารมาแทน ทหารพลเรือนส่วนมามาจากตระกูลใหญ่บอกไปว่าพวกเขาอยู่ในวังทั้งหมดตอนนี้ น้องเหมี่ยวรีบกลับไปรวมทหารที่ปราสาทเขาเจียงปัว

ที่หน้าประตูเมืองจ้าวจั๋วออกมาบัญชาการรบด้วยตัวเอง สั่งให้ยอมแพ้แล้วเปิดประตุเมืองสะ แต่แม่ทัพถังฮุยสวนกลับว่าได้จ้าวจั๋วตายไปแล้ว นี้คือตัวปลอม แล้วสั่งให้ยอมจำนนสะแต่โดยดี ทำให้จ้าวจั๋วโมโหมาก แต่มีเสียงเป่าเขาสัตว์ดังใกล้เข้ามา กองกำลังเสริมพิทักษ์กษัตริย์ใกล้มาถึงเมืองเม่าเฉิงแล้ว ผิงซีหน้าเสีย สั่งให้บุกเข้าเมืองให้ได้เพื่อจับตัวฮองเฮาเป็นตัวประกัน แต่กองกำลังเสริมพิทักษ์กษัตริย์บุกตีจนประตูเมืองทางใต้แตกทหารของน้องโหยวเหมี่ยวก้อกรูกระจายเข้าไปในตัวเมืองเพื่อชิงพื้นที่ป้อมกำแพงเมือง ระหว่างนั้นกองกำลังของถูรื่อเซิงก้อเข้ามาสมทบอีกแรง

มีเสียงจ้าวจั๋วตะโกนมาแต่ไกล น้องเหมี่ยวรู้ว่าต้องจัดการจ้าวจั๋วให้เด็ดขาด น้องสั่งให้ยิงธนูใส่ทันที ตอนนี้กองกำลังหยางโจวโดนตีขนาบทั้งหน้าหลัง กองกำลังเสริมพิทักษ์กษัตริย์สามารถบุกเข้าไปช่วยกองทหารราชองค์รักษ์ตีวงโอบล้อมสำเร็จ ผิงซีต้องธนูตาย จ้าวจั๋วถูกจับ กองกำลังหยางโจวต้องสู้แพ้พ่ายจนตัวตาย

น้องเหมี่ยวเดินเข้าเมือง ถามหาฮองเฮา พบว่ายังปลอดภัยดี เดินต่อไปก็พบแม่ทัพถังฮุยนั่งอยู่ตรงบันไดด้านหน้าตำหนักไท่เห่อ ในสภาพบาดแผลเต็มตัว น้องเหมี่ยวเดินไปจับมือแม่ทัพถังฮุยให้มาแตะที่หน้าผาก แม่ทัพถังฮุยบอกว่าเขารู้ว่าน้องจะกลับมา น้องเหมี่ยวดีใจร้องไห้น้ำตาไหล

ภายหลังการรบ น้องเหมี่ยวรู้สึกเศร้าที่ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง มะคืนเขานั่งหลับที่บันไดหน้าตำหนักไท่เห่อ กลางดึกทหารองค์รักษ์มาตามหาเขาจนเจอะจึงอุ้มมาพักที่ตำหนักใน เขาตื่นมาด้วยความระบมตัว ก้อพอดีเฉียวหรงสั่งโจ๊กมาให้กินพอดี พร้อมรายงานให้น้องเหมี่ยวฟังว่าตอนนี้เซี่ยฮุยสั่งถูรื่อเซิงกับแม่ทัพถังฮุยออกไปตรึงกำลังป้องกันกันเผ่าเฉวี่ยนหรงข้ามแม่น้ำแล้ว ส่วนกองกำลังเสริมพิทักษ์กษัตริย์อยู่ดูแลรักษาการณ์ในเมือง แม่ทัพถังฮุยยังส่งคนออกไปตรวจค้นเมืองหยางโจว ส่วนหลีเหยียนกับจ้าวจั๋วถูกขังในคุกหลวง

หลังกินข้าวเสร็จ น้องเหมี่ยวไปเยี่ยมหลีเหยียนกับจ้าวจั๋วในขังในคุกหลวง น้องโดนจ้าวจั๋วต่อว่าหักหลังเนียตัน หักหลังอาจารย์ซุน น้องเหมี่ยวเลยว่าวันนั้นไหนบอกว่าออกจากเมืองอี๋โจวแล้วจะไม่กลับมายังไงละ หลีเหยียนพูดแทรกว่าจ้าวเฉาตายแล้ว น้องเลยบอกว่าพวกเขาโดนต๋าเลี่ยเค่อหลอกแล้ว จ้าวจั๋วยังคงกล่อมว่าระวังจ้าวเฉาจะจัดการพวกน้องแบบเดียวกับที่ทำกับเนียตัน น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าเขาปกป้องแคว้นเที่ยนฉี่เพราะเป็นคำำมั่นสัญญาระหว่างพวกเขาทั้งสี่คน ถือสะว่าเป็นลิขิตฟ้า จากนั้นก้อคุกเข่าโขกศีรษะให้จ้าวจั๋ว ออกมาจากคุกหลวงก้อพบทหารองค์รักษ์รายงานว่ามีข่าวจากแนวหน้า

น้องโหยวเหมี่ยวเข้าไปท้องพระโรงพบเหล่าขุนนางพร้อมหน้า คนส่งสารคุกเข่ารายงานว่าเมืองเหยียนเปียนแตกแล้ว ส่วนจ้าวเฉาร่างกายฟื้นตัวดีขึ้นมากแล้ว แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงโจมตีทัพเฉวี่ยนหรงที่ด่านตงเหลียงได้สำเร็จ ตอนนี้เหลือเพียงเมืองต๋าอันเท่านั้น

วันที่เก้าเดือนสาม จ้าวเฉาเดินทางกลับเมืองหลวง พร้อมเรียกน้องโหยวเหมี่ยวให้อธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมดทุกรายละเอียด จ้าวเฉาเข้าไปคุกหลวงกลับออกมาก้อประทานเหล้าพิษให้จ้าวจั๋ว 

จ้าวเฉากลับมาที่ห้องทรงอักษร น้องเหมี่ยวถามถึงสุขภาพเขาว่าดีขึ้นรึยัง จ้าวเฉาบอกเขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่เมืองเหยียนเปียน น้องทักว่าเขาไม่น่ากลับมาตอนนี้ จ้าวเฉาบอกว่าเขาไม่วางใจทางบ้านเลยรีบกลับมา น้องเหมี่ยวได้ฟังยิ่งคิดถึงสามีพี่เฟิง ออกไปรบแทบตายในตอนนี้ ยังไม่รู้ว่าพี่เฟิงจะได้กลับบ้านไปเมื่อไร สรุปจ้าวเฉาสั่งให้เขาขนฎีกามาทำงานในวังแล้วมาเป็นเพื่อนพูดคุยกับเขาหน่อย

เฉียวหรงใกล้คลอดแล้ว น้องโหยวเหมี่ยวไม่วางใจเลยมาพักในวัง จะได้อยู่เป็นเพื่อนพี่สาวด้วย ทางเหนือเริ่มอากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว  แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงส่งจดหมายรายงานทหารมาถามว่าจะให้เปิดศึกแตกหักหรือไม่ ถ้าไม่รบจะถอนทัพไปพักที่เมืองเหยียนเปียนเพื่อเตรียมรับฤดูหนาวที่กำลังมาถึง ส่วนบ่าวที่บ้านก้อส่งจดหมายส่วนตัวของพี่เฟิงมาให้น้องเหมี่ยว ถึงจะเล่าเหตุการณ์แนวหน้า แต่ไม่วายหยอดความคิดถึง ว่าสิบปีที่ได้พบคบกันมา น้องเป็นแสงสว่างของพี่เฟิงเขา เมื่อคืนพี่เฟิงเขาเห็นเทพหมาป่าขาวปรากฎตัว พี่เฟิงเลยขอพรสามข้อ ข้อแรกขอให้ได้พบับน้องเหมี่ยวในเร็ววัน ข้อสองขอให้น้องเหมี่ยวสุขภาพแข็งแรงจนสามารถติดตามพี่เฟิงออกไปนอกด่านได้ ข้อสามขอให้ได้ชีวิตอยู่กินกับน้องเหมี่ยวไปจนแก่เฒ่าไม่มีวันพรากจากกัน ตบท้ายให้น้องดูแลตัวเองให้ดี จากสามี จื้อเฟิง(หวานหยด....ดจริงๆ) กะลังซึ้งๆจ้าวเฉาก้อมาทักพอดี บอกว่าเขาคิดจะให้หลี่จื้อเฟิงเตรียมบุกขึ้นเหนือแต่ต้องรอฟังที่ประชุมสภาขุนนางก่อน ตอนนี้เขาจะไปเยี่ยมเมียตัวเองก่อน

จ้าวเฉาไปไม่ทันไร หลินลั่วหยางก้อมาหาน้องเหมี่ยว เรื่องครอบครัวของหลีเหยียน ผิงซี ครอบครัวของทั้งสองจวนโดนกองทหารองค์รักษ์คุ้มเข้มรอบจวน ตอนนี้จ้าวเฉายังไม่ตัดสินลงโทษ หลินลั่วหยางมาหาน้องเหมี่ยวให้ช่วยหาวิธีรักษาสองครอบครัวนี้ น้องรับปากจะหาวิธีให้ น้องเหมี่ยวเลยว่าจะออกจากวังไปเยี่ยมสกุลผิง พร้อมกับจะกลับไปปราสาทเขาเจียงปัวเพื่อหาของขวัญให้หลานสักหน่อย ไม่นึกว่าพอจะก้าวออกจากวังก้อโดนทหารองค์รักษ์ขัดขวางไว้ บอกจ้าวเฉาสั่งว่าไม่มีเรื่องสำคัญห้ามน้องเหมี่ยวออกจากวัง น้องเหมี่ยวเลยรู้ตัวละว่าเกิดอะไรขึ้น

น้องโหยวเหมี่ยวเดินไปที่ห้องทรงอักษร ก็พบว่าจ้าวเฉากำลังวางแผนโจมตีต๋าอัน แต่ยังหาแผนการที่ดีไม่ได้ น้องเหมี่ยวสะกดอารมย์แล้วเข้าไปเสนอแผนโจมตีทางประตูทิศเหนือ โดนรอให้หิมะแรกตกลงมาก่อน แล้วใช้รถศึกผลักก้อนหิมะถล่มกำแพง แล้วจึงเข้าบุกโจมตีต่อ เหล่าขุนนางต่างพึงพอใจในแผนนี้ พร้อมประกาศราชโองการให้ถูรื่อเซิงกับแม่ทัพหลี่จื้อเฟิงดำเนินการต่อได้ทันที

หลังขุนนางทุกคนจากไปเหลือเพียงพวกเขาสองคน จ้าวเฉารู้ว่าน้องมีอะไรจะพูดเลยถามตรงๆ น้องเหมี่ยวก้อพูดเข้าประเด็นทันที เรื่องจะจัดการลงโทษของขุนนางกบฎอย่างไร จ้าวเฉาโมโหอาละวาดตามคาด เลยบอกความลับของจ้าวจั๋ว ว่าหลังการชันสูตรศฟพบว่าเขาโดนเฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์จับตอนหลังถูกจับเป็นเชลยไปที่เมืองต๋าอัน สิ้นสภาพแล้วยังกล้ามาชิงบัลลังก์เขาอีก น้องเหมียวได้ฟังก้อสะท้อนใจ จ้าวเฉายืนยันไม่อภัยให้สองครอบครัว แล้วยังกล่าวโทษน้องเหมี่ยวว่าเขาไม่ลงโทษที่น้องเหมี่ยวแอบไปพบจ้าวจั๋วที่เมืองเอี๋ยโจว แค่นี้ก้อนับว่าดีเท่าไรแล้ว สรุปน้องเหมี่ยวโดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในวัง

ถึงวันที่ฮองเฮาคลอด ปรากฎว่าจ้าวเฉาได้ลูกชายหญิงฝาแฝดเป็นครรภ์มังกรหงส์ เป็นนิมิตหมายที่ดีของแคว้นเที่ยนฉี่ แถมยังมีทหารแนวหน้ามารายงานด่วน ว่าแม่ทัพหลี่จื้อเฟิงชนะศึกตีเมืองต้าอันสำเร็จแล้ว แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงออกศึกหกครั้งชนะทั้งหกครั้งได้รับการยกย่องเป็นเทพแห่งสงคราม จ้าวเฉาดีใจประกาศนิรโทษกรรมทั่งหล้า จ้าวเฉาทำพิธีบวงสรวงฉลองให้แคว้นเที่ยนฉี่ ที่คราวนี้ล้างอัปยศได้หมดแล้ว

แม่ทัพหลี่จื้อเฟิงถวายฎีกาขอยกทัพขึ้นเหนือ เหล่าขุนนางต่างคัดค้าน เพราะแคว้นเที่ยนฉี่กรำศึกมานานหลายปีแล้ว ยิ่งตอนนี้ทวงคืนดินแดนมาหมดได้แล้วยิ่งอยากจะเลิกทำศึก หันมาบำรุงประเทศแทน โดยเฉพาะจ้าวเฉายิ่งรู้ว่าเบื้องหลังคำขอคือคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับหลี่จื้อเฟิง ที่จะมอบกองกำลังทหารให้เขาไปทวงผืนดินเผ่าเฉวี่ยนหรงของตัวเองที่นอกด่าน ดังนั้นสรุปว่าจ้าวเฉาจะเรียกหลี่จื้อเฟิงกลับเข้าเมือง แล้วให้ถูรื่อเซิงรักษาการณ์ด่านเหนือเมืองต๋าอันแทน

เพราะเรื่องนี้ทำให้น้องโหยวเหมี่ยวทะเลาะกับจ้าวเฉาหาว่าเขาผิดสัญญาคำสาบานที่ให้ไว้หลี่จื้อเฟิง ตั้งใจหลอกลวงให้เขาไปรบแทบตายให้กับแคว้นเที่ยนฉี่ จ้าวเฉาโมโหหาว่าน้องเหมี่ยวเอาใจออกห่างราชสำนัก เห็นคนต่างแคว้นดีกว่าคนชาติเดียวกัน แล้วอย่าหวังว่าน้องเหมี่ยวจะได้หนีออกไปจากที่แห่งนี่

น้องโหยวเหมี่ยวโมโหตัดสินใจลงแรงครั้งสุดท้าย  แอบเข้าห้องทรงอักษรแล้วปลอมราชโองการมอบกองทหารม้าห้าหมื่นนายให้ติดตามแม่ทัพหลี่จื้อเฟิงเคลื่อนทัพไปทางเหนือ มีผลบังคับทันที สั่งบ่าวที่บ้านให้รีบเฆี่ยนม้านำไปให้พี่เฟินทันที แล้วก็ทำตัวปกติอยู่ในวังเงียบๆ

ในที่สุดกว่าจ้าวเฉาจะรู้เรื่องก็ผ่านไปหลายวันมากแล้ว รายงานทหารเพิ่งมา ทำให้จ้าวเฉาโมโหน้องเหมี่ยวมากถึงขั้นลากน้องมาต่อยจนฟันกรามหลุด น้องเหมี่ยวก้อปล่อยให้เขาทุบตีไปจนฮองเฮาต้องมาห้าม กว่าจ้าวเฉาจะรู้ตัวน้องเหมี่ยวก้อน่วมไปแล้ว(ตอนนี้เกลียดอีจ้าวเฉามาก...ก รู้ว่ารักและหวงน้องเหมี่ยวมาก แต่ทำไม่ถึงทำร้ายน้องเหมี่ยวได้ขนาดนี้ คราวแรกก้อตอนที่น้องไปสอบขุนนางแต่คราวนั้นเจอะพี่เฟิงต่อยสวนไปทีละ นี้ก็มาต่อยน้องเหมี่ยวจนฟันหลุดอีก เลว...วอะ)

น้องโหยวเหมี่ยวโดนสั่งขังคุกหลวง ได้อยู่ห้องติดกับหลีเหยียน ยังดีที่น้องมีแม่ทัพถังฮุยดูแลถึงได้ไม่มีใครกล้ามารังแกน้องในคุก ฮองเฮาก้อจัดหาอาหารเครื่องใช้อย่างดีให้น้อง ส่วนน้องเหมี่ยวก้อทำใจอยู่ในคุกมีหลีเหยียนเป็นเพื่อนคุยวัยเยาว์ หลีเหยียนทึ่งที่น้องเหมี่ยวกล้าสละทุกอย่างเพื่อช่วยพี่เฟิงแถมมึความคิดอยากไปอาศัยใช้ชีวิตธรรมดานอกด่านอีก ส่วนจ้าวเฉาตามหากองกำลังของแม่ทัพหลี่จื้อเฟิง 

ถัวปั๋วมาเยี่ยมน้องเหมี่ยวในคุก เล่าข่าวว่าแม่ทัพหลี่จื้อเฟิงบุกขึ้นเหนือ ชนะศึกจนรวบรวมเผ่าเฉวี่ยนหรงได้แล้ว ส่วนต๋าเลี่ยเค่อแพ้ศึกหนีไปพึงกษัตริย์เมืองเกาลี่ แต่ตอนนี้กองทัพของหลี่จื้อเฟิงออกนอกด่านตงเหลียงไร้ร่องรอย ถัวปั๋วมาขอบคุณน้องเหมี่ยวที่ทำให้เขาสามารถปกป้องตระกูลที่หลบพ้นเรื่องกบฎกลางเมืองคราวนั้น

เวลาผ่านไปจนถึงเทศกาลหยวนเซียวอีกครา ก้อมีนางกำนัลประคองจอกสุรามา น้องโหยวเหมี่ยวคิดว่าคงถึงเวลาไปของตัวเองแล้ว ก้อบอกให้นางกำนัลรินสุรามาให้เขา แต่สุราจอกนั้นกลับโดนสั่งประทานให้หลีเหยียนแทน น้องเหมี่ยวนั่งดูหลีเหยียนที่ดื่มสุราแล้วตายจากไปต่อหน้า น้องเศร้าใจมากก้อพอดีนางกำนัลเชิญน้องเหมี่ยวออกจากคุก มีแม่ทัพถังฮุยคอยดูแลให้อาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ จากนั้นก้อพาน้องไปยังท้องพระโรง

ที่นั้นมีเพียงจ้าวเฉากับเฉียวหรงสองคน สรุปจ้าวเฉาจำต้องปล่อยตัวน้องโหยวเหมี่ยว เพราะพี่หลี่จื้อเฟิงตอนนี้ขึ้นเป็นกษัตริย์เผ่าเฉวี่ยนหรงแล้ว ได้ส่งคนมาเจรจาทำสัญญาว่าเผ่าเฉวี่ยนหรงจะไม่บุกตีแคว้นเที่ยนฉี่สี่ร้อยปี(นานไปป่าวเนีย) ยกที่ราบตงเหลียงแลกกับการปล่อยตัวน้องมาให้พี่เฟิง และสัญญาจะดูแลด่านตงเหลียงจะไม่ยอมให้กองทัพเกาลี่ข้ามด่านเข้ามาบุกจงหยวนได้ ทำให้สภาขุนนางเห็นชอบที่จะปล่อยตัวน้องเหมี่ยว ตอนนี้พี่หลี่จื้อเฟิงยกกองทัพมารอหน้าเมืองแล้ว จ้าวเฉาจึงไม่อาจต่อต้านได้อีก เขาเลยสั่งราชโองการแต่งตั้งให้น้องเหมี่ยวเป็นเหลียวตงอ๋อง(จ้าวเฉายังไม่เลิกวอแวกับน้องเหมี่ยวอีก บังคับให้น้องเป็นขุนนางแคว้นเทียนฉี่ติดตามตัวไปขนาดนี้) จากนั้นให้แม่ทัพถังฮุยพาน้องออกนอกประตูเมืองส่งมอบตัวให้พี่หลี่จื้อเฟิงที่เป๋าขลุ่ยเรียกเมียอยู่หน้าประตูเมือง555....ในที่สุดน้องโหยวเหมี่ยวได้กลับเข้าสู่อ้อมอกของพี่หลี่จื้อเฟิง ทั้งคู่ขี่ม้าเดินทางขึ้นเหนือไปใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข......สะที


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Nirvana in Fire 2 ถิงเซิงจากเด็กน้อยในเรือนทาส...มาสู่การเป็นยอดขุนพลพิทักษ์ต้าเหลียง

สารบัญชุมนุมปีศาจเล่มสอง ตอนพญากวางเก้าสี...อื้อหือ...น้องลู่โคตรน่ารั...ก (ฉบับพิมพ์1ที่แปลมาไม่ครบนะจ๊ะ...รอเล่มที่เขาอีดิทใหม่ไม่ไหว555)

สารบัญชุมนุมปีศาจ...เรื่องราวของมือปราบปีศาจห้าหนุ่มหล่อ จากหน่วยปราบมารแห่งต้าถัง