ปราชญ์กู้บัลลังก์...ตอนพิเศษ(ภาคเสริมในท้ายเล่มสาม)
ตอนพิเศษไว้ชูใจในความรักของน้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิง
(ต้องมาขึ้นหน้าใหม่เพราะพิมพ์ต่อในหน้าเก่าไม่ได้เลย...สงสัยคงจะยาวไป555)
เช้ามาน้องเหมี่ยวก้อวางแผนลงทุนซื้อของเตรียมไปค้าขาย เพราะตอนนี้มีเงินติดตัวมาไม่มาก จนน้องเสียดายทำไมถึงไม่มาลงทุนเปิดร้านทิ้งไว้ที่เมืองนี้ (ส่วนพี่เฟิงนั้นไม่เคยคิดอะไร ขาดเงินก้อแค่เข้าไปปล้นชิงในเมืองแค่นั้นเอง555) สรุปได้รถม้าพร้อมสินค้าทางการเกษตรและเมล็ดพันธ์หลากหลายชนิดบรรทุกเต็มรถม้า (กับของสำคัญที่พี่เฟิงบอกต้องซื้อมาคือไม้แคะหู) เพราะที่ตงเหลียงเน้นเลี้ยงฝูงสัตว์ในที่ราบมากกว่า แต่น้องเหมี่ยวกะไปพัฒนาพื้นดินให้เจริญมากกว่านั้น ระหว่างเดินทางพี่เฟิงก้ออารมย์ดีมาก กอดรัดจับน้องกดบนรถม้าทุกระยะการเดินทาง จนน้องบ่นว่ารับจะไม่ไหวแล้ว555
จากหนุ่มน้อยผู้ดีแห่งเมืองหลวง ที่อาศัยอยู่แต่ในแดนศิวิไลซ์ เมื่อมาถึงเมืองตงซานแล้ว....น้องโหยวเหมี่ยวพบว่ามันคือทุ่งราบสุดลูกหูลูกตา...ไม่มีบ้านเรือนสักหลัง มีเพียงกระโจมที่องค์รักษ์พี่เฟิงตั้งไว้ให้....พร้อมคำพูดสวยหรูจากพี่หลี่จื้อเฟิงว่า "นี้ยกให้เจ้าทั้งหมด...ภรรยาข้า" น้องเหมี่ยวอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา555....สถานการณ์ยิ่งกว่าตอนไปบุกเบิกเขาเจียงปัวสะอีก ระหว่างที่กำลังอึ้งกับอนาคตข้างหน้า ก็มีเด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดพี่เฟิง พี่เฟิงก็จับมาอุ้มพร้อมกอดรัดตอบจากนั้นก้อโยนเด็กน้อยให้น้องเหมี่ยวที่เกือบรับเด็กแทบไม่ทัน จนทั้งคู่ล้มลงกับพื้น พี่เฟิงสั่งเด็กน้อยให้เรียกน้องเหมี่ยวว่าพ่อเล็ก น้องเหมี่ยวก้อรู้ทันทีนี่คือฉงยาง ลูกชายบุญธรรมของพี่เนียตัน น้องเหมี่ยวกอดรัดฉงยางด้วยน้ำตา จากตอนแรกที่ทำใจไม่ค่อยได้เมือมาถึง แต่พอได้กอดลูกชายความรู้สึกก้อเปลี่ยนไป ทำให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อสร้างชีวิตใหม่ในตงซาน
ฉงยางเป็นเด็กน่ารัก ฉลาดมากๆ แถมยังมีชีวิตชีวา ทำให้น้องโหยวเหมี่ยวมีความสุข ทั้งสองอยู่ในกระโจมเดียวกัน น้องเหมี่ยวกลายเป็นคนดูแลลูก ส่วนพี่เฟิงพ่อบ้านใจกล้าออกไปจัดการบริหารลูกน้องที่นอกบ้าน (ขำคืนแรก น้องเหมี่ยวกล่อมลูกหลับไป พี่เฟิงก้อเลิกงานกลับเข้ามาพอดี พี่เฟิงขอกอดหน่อยน้องเหมี่ยวก้อว่ามีลูกอยู่ข้างๆ อีพี่เฟิงบอกลูกหลับลึกมากไม่เป็นไร ปรากฎว่าทั้งคู่กำลังซั่มกัน ลูกก็ตื่นเพราะปวดฉี่ เห็นพ่อแม่ทำหน้าเลิกลั่กเลยถามว่าพี่เฟิงทำอะไร พี่เฟิงบอกกำลังนวดไหล่ให้พ่อเจ้า555 น้องเลยเดินไปฉี่แล้วลงไปนอนต่อ...พี่เฟิงเลยขอน้องเหมี่ยวทำต่อ555)
เช้ามาน้องโหยวเหมี่ยวเริ่มจัดการบริหารที่ดิน มีฉงยางเป็นล่าม มีสามีรับคำสั่งจัดการ เริ่มจากสามคนพ่อลูกก็ขี่ม้าสำรวจพื้นที่ดินและเส้นทาง จากนั้นน้องเหมี่ยวเริ่มทำแปลงเกษตรทดลองปลูกพืช แต่ทำเองทั้งหมดคงไม่รอด เลยใช้พี่เฟิงไปตามคนในเผ่ามาช่วยไถเปิดหน้าดิน พร้อมให้ใบสัญญาจ่ายค่าแรงงาน ส่วนพี่เฟิงเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อนำไปขายแลกเงิน ผ่านไปครึ่งเดือนได้ที่ดินเตรียมเพาะปลูกสองร้อยหมู่แล้ว ตอนนี้น้องเหมี่ยวมีใบหนี้ค่าแรงปึกใหญ่ แต่เงินสดนั้นไม่มี555 น้องโหยวเหมี่ยวเลยถามว่าล้มล้างพี่ชายสำเร็จแล้ว ทรัพย์สมบัติที่ยึดมาได้หายไปไหนหมด พี่หลี่จื้อเฟิงเลยบอกแจกจ่ายให้นักรบของเผ่าเฉวี่ยนหรงไปหมดแล้ว เป็นค่าติดตามเขาไปกดดันชิงตัวน้องเหมี่ยวมาจากจ้าวเฉาไง ไม่งั้นจะมีใครยอมเดินทางนับหมื่นลี่ไปช่วยพี่เฟิงละ(เหมือนว่าน้องเหมี่ยวจะต้องกลับมาทำงานใช้หนี้ให้พี่เฟิงทั้งชีวิตเลยอะ555)
สรุปชีวิตดั้งเดิมชาวเฉวี่ยนหรงมีอาชีพหลักคือการปล้น น้องโหยวเหมี่ยวเลยต้องคิดวิธีทำมาหาเงินแบบยั่งยืนโดยด่วน เริ่มจากปลูกข้าวเจ้า ในขณะเดียวกันก้อแจกไม้แคะหูอันเป็นสิ่งของหายากในดินแดนนี้555 ทำให้น้องเหมี่ยวได้รับความนับถือจากชาวบ้านในเผ่ายิ่งขึ้น น้องเหมี่ยวหาวิธียุติชีวิตเร่ร่อนให้เผ่าเฉวี่ยนหรงให้มาอยู่กันเป็นหลักแหล่ง ก้อเลยจัดการให้หนุ่มๆเผ่าเฉวี่ยนหรงพาลูกเมียให้มาอยู่ที่เมืองตงซานสะ (จากวิถีเดิมที่เมียของหนุ่มๆเผ่าเฉวี่ยนหรงจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเผ่าตัวเอง เวลาคิดถึงเมียก้อไปเยี่ยมที เปลี่ยนมาเป็นให้พาลูกเมียมาอยู่ในหมู่บ้านตงซานรวมกัน ส่วนหนุ่มๆไม่อยากอยู่ในหมู่บ้าน ก็ไปตั้งกระโจมรอบนอกเมือง ถ้าคิดถึงเมียก้อให้เดินมาหา555)
พี่หลี่จื้อเฟิงหายไปล่าสัตว์สองสามคืนพึ่งกลับมาบ้านพร้อมแบกเสือที่ล่ามาได้ ทำให้คนในเผ่าตะโกนโห่ร้องยินดี น้องโหยวเหมี่ยวก็นึกว่าชาวบ้านจะมาช่วยกันจัดการแบ่งปันเสือตัวนี้ ปรากฎว่าโห่ร้องเสร็จก้อแยกย้านกันไปหมด ทิ้งเสือไว้กับสามคนพ่อลูก พวกเขาเลยต้องมาช่วยกันนั่งถลกหนังเสือนอกกระโจม หนัง เนื้อเสือหมักเกลือ ดีเสือแช่เหล้า กระดูกเสือมัดกองไว้รวมกัน ส่วนจู๋เสือพี่เฟิงจะเอาไว้กินเอง น้องเหมี่ยมร้องห้ามทันที แค่ปกติไม่กินจู๋เสือพี่เฟิงยังคึกไม่เลิกขนาดนี้ ทุกวันนี้น้องเหมี่ยวก้อแทบทนทานไม่ไหวแล้ว5555
น้องเหมี่ยวเล่าแผนการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนเผ่าเฉวี่ยนหรง พี่เฟิงเห็นด้วย แต่น้องเหมี่ยวต้องแก้ปัญหาปากท้องคนเผ่าเฉวี่ยนหรงด้วยการสร้างงานเลี้ยงชีพก่อน
รุ่งเช้าพี่หลี่จื้อเฟิงเรียกคนเผ่าเฉวี่ยนหรงประชุม เรื่องการจะสร้างบ้านแล้วให้หนุ่มๆไปรับลูกเมียมาอยู่ที่ตงซาน หนุ่มๆเห็นด้วยเพราะทนคิดถึงเมียแทบไม่ไหว ส่วนคนเก่าแก่ไม่เห็นด้วยที่จะทำลายวิถีเดิมของเผ่า แต่พี่หลี่จื้อเฟิงอาศัยฐานะการเป็นกษัตริย์ของเผ่าพร้อมน้องโหยวเหมี่ยวที่คำอธิบายถึงผลดี แต่ก็ยังถูกคัดค้านจนพี่เฟิงโมโหหนักมาก น้องเหมี่ยวเลยสกิดให้พี่เฟิงเลิกประชุม พี่เฟิงโมโหเลยอาละวาดทุบข้าวของแตกกระจายระบายอารมย์ น้องเหมี่ยวก้อช่วยปลอบใจพี่เฟิงว่าต้องค่อยๆสู้กันไป ถ้าทำทั้งหมดเลยอาจยังรับไม่ได้ ก้อลองถอยคนละก้าว ให้สร้างเมืองใหม่ทางตะวันออก ให้คนที่ยินดีรับลูกลูกเมียมาอยู่ ปล่อยพวกเขาใช้ชีวิตกันที่นั่น แล้วน้องเหมี่ยวจะหาอาชีพให้ลูกเมียพวกเขาทำ ไม่ต้องให้ลูกเมียพวกเขาไปยุ่งกับส่วนแบ่งอาหารของเผ่าเฉวี่ยนหรง เพียงแต่พวกเขาต้องมาช่วยกันสร้างหมู่บ้านในเมืองตกซานก่อน
เมื่อสรุปหัวข้อได้แล้วพี่หลี่จื้อเฟิงเรียกคนเผ่าเฉวี่ยนหรงประชุมอีกครั้ง ให้เหล่าภรรยาของหนุ่มๆในเผ่าเฉวี่ยนหรงไปอยู่ในเขตหมูบ้านตะวันออก คนที่เหลือก้ออาสัยอยู่ในหมู่บ้านเดิม อยากล่าสัตว์ก้ออกไปล่า อยากอยู่เฉยๆก้ออยู่กันไป แยกเป็นหมู่บ้านชายหญิงก็แล้วกัน พวกคนเก่าคนแก่ก้อยอมตกลง
วันที่สองพี่หลี่จื้อเฟิงเรียกหนุ่มๆเผ่าเฉวี่ยนหรงเข้าป่าตัดไม้ขนหิน มาเริ่มสร้างเมืองใหม่บริเวณตีนเขาใกล้แม่น้ำซงเจียง หนึ่งเดือนหมู่บ้านก็เสร็จพร้อมอยู่ ตัวบ้านเรียบง่าย ทุกบ้านแต่ละหลังให้ขุดห้องใต้ดินเอาไว้ จากนั้นให้หนุ่มๆแยกย้ายไปรับบรดดาเมียๆมาจากหมู่บ้านต่างๆ ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวก้อพาครอบครัวขนสินค้าไปขายในเมืองพร้อมซื้อเสบียงอาหารกลับมาหลายคันรถ พอกลับมาถึงหมู่บ้านก้อพบว่ามีคนมากมายเข้ามา อยู่ล้วนหลายหลากเผ่าพันธ์มากสารพัดภาษา
น้องโหยวเหมี่ยวเลยถือโอกาสประกาศตำแหน่งขุนนางตัวเอง พร้อมบอกถึงระเบียบการใช้ชีวิตที่หมู่บ้านนี้ ที่บ้านของน้องเหมี่ยวหลังใหญ่สุด555 น้องเหมี่ยวตั้งโต๊ะแล้วจัดการทำทะเบียนบ้าน ให้คนในเผ่าลงชื่อ เสร็จก้อรับป้ายไม้ระบุที่ดินของบ้านแต่ละหลัง สามวันเต็มก็จัดระเบียบคนอาศัยในหมู่บ้านได้หนึ่งพันสี่ร้อยครัวเรือน พร้อมใบสัญญาว่าตอนเก็บเกี่ยวจะแบ่งเสบียงอาหารให้พวกเมียๆของหนุ่มๆในเผ่าเฉวี่ยนหรง ผ่านไปสิบวันหมู่บ้านก้อเริ่มมีชีวิตชีวา สาวๆก้อชวนกันไปตักน้ำซักผ้าริมแม่น้ำ พวกหนุ่มๆที่อาศัยอยู่นอกเมืองก้อได้แต่ส่งเสียงเรียกเมียอยู่รอบนอกตามที่ตกลงกันไว้555 พี่เฟิงดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
น้องโหยวเหมี่ยวยังคงต้องทำบัญชีคำนวนวิธีหาเงินต่อไป น้องเหมี่ยวตอนนี้เป็นขวัญใจแม่บ้านเผ่าเฉวี่ยนหรง555 วันนี้มีเด็กสาวมาสอบถามเรื่องจะพาญาติมาอยู่ด้วยได้ไหม น้องเลยบอกให้ปรึกษากับสามีพวกนาง ถ้าผัวนางอนุญาติก็ไปรับมาอยู่ด้วย แต่พอคนยิ่งมาอยู่มาก ที่ทำกินก้อต้องขยายเพิ่ม สาวๆเลยบอกไม่เป็นไร หลังผัวกลับจากล่าสัตว์จะให้มาช่วยทำไร่ไถ่นา เพาะปลูกในที่ดินทำกินเขตบ้านที่ได้มา น้องเหมี่ยวเลยดีใจ เปิดคลังเมล็ดพันธ์แจกจ่ายให้บรรดาแม่บ้านไปเตรียมเพราะปลูกพร้อมจดบันทึกจำนวนที่เบิกไปเป็นหลักฐาน หมู่บ้านก็เริ่มมีวิถีชีวิตขึ้นมา
น้องโหยวเหมี่ยวยังคงคิดเรื่องการทำการค้าให้เกิดขึ้นในเมือง ก้อพอดีพี่หลี่จื้อเฟิงบอกมีผู้บุกรุกข้ามเขตมา กำลังเตรียมกองกำลังไปจัดการ น้องโหยวเหมี่ยวจับฉงยางไปฝากไว้กับคนในหมู่บ้าน ส่วนตัวเองเตรียมพร้อมไปรบกับพี่หลี่จื้อเฟิง สรุปเป็นกองกำลังเกาลี่ประมาณห้าร้อยคนบุกรุกข้ามเขตเข้ามา น้องเหมี่ยววางแผนให้พี่เฟิง รอฟ้ามืดแล้วจัดกองทหารเป็นหกหน่วย จากนั้นตีวงล้อมเหยื่อไว้แล้วดักทางหนีให้เหลือทางเดียว จากนั้นซุ้มลอบดักจัดการแล้วดักเก็บเชลยที่ปากทาง สรุปกองทัพพี่เฟิงชนะแบบเบ็ดเสร็จ แถมได้เชลยเกาลี่มาสองร้อยกว่าคน น้องเหมี่ยวยิ่งเป็นที่นับถือมากขึ้นไปอีก555(เพราะตอนแรกพี่เฟิงกะล้อมเผาป่าดักคนหนีไฟออกมา น้องเหมี่ยวเสียดายป่า เพราะป่าคือแหล่งเงินของที่นี่ แล้วจะเผาเงินตัวเองเล่นทำไม555)
น้องโหยวเหมี่ยถามพี่หลี่จื้อเฟิงจะจัดการกับเชลยยังไง พี่เฟิงบอกจับมาสอบสวนก่อน สรุปใจความว่ากษัตริย์เกาลี่อายุมากใกล้ตายแล้ว องค์ใหญ่อยากได้โสมพันปีก้อพอดีองค์ชายเล็กเกาลี่เลยอาสานำทหารออกมาหาโสมพันปีไปรักษาพ่อ แต่น้องเหมียววิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นการส่งคนมาดูลาดเลาแถวนี้ของผู้นำเกาลี่มากกว่า แล้วนี้คนตั้งสองร้อนกว่าคนจะทำยังไง พี่เฟิงบอกเอาไว้กิน....น้องเหมี่ยวอึ้ง ถึงขั้นสั่งห้ามฆ่าคนกินเด็ดขาด พี่เฟิงเลยบอกว่าคนตั้งเยอะขนาดนี้เลี้ยงไม่ไหว
น้องโหยวเหมี่ยได้ความคิด บอกให้เลี้ยงเอาไว้ก่อน จากนั้นให้เชลยเขียนจดหมายส่งไปที่บ้าน แล้วให้ทางบ้านส่งเงินค่าไถ่ตัวมา แล้วจะปล่อยเชลยกลับบ้าน ระหว่างนี้ก็แบ่งปั่นจำหน่ายเชลยให้คนที่ร่วมศึกในครั้งนี้ ไว้ใช้เป็นแรงงานในหมู่บ้าน บ้านละสองสามคนตามขนาดของบ้าน เวลาให้อาหารอย่าให้กินจนอิ่ม เชลยจะได้ไม่มีแรงหลบหนี พี่หลี่จื้อเฟิงตบเข่าฉาด ได้แต่ชื่นชมเมียว่าฉลาดหาเงินจริงๆ555 ในกลุ่มเชลยนั้น น้องเหมี่ยวเก็บองค์ชายเล็กของเกาลี่ไว้พร้อมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ค่าไถ่ตัวสูงถึงหนึ่งพันสี่ร้อยตำลึง (ได้เงินเยอะกว่าไปดักปล้นแถมได้มาง่ายๆอีก555) สามเดือนต่อมาก้อมีชาวเกาลี่เอาเงินมาไถ่ตัวเชลยจนหมด
ถึงช่วงเก็บเกี่ยวข้าว ชาวเผ่าเฉวี่ยนหรงก้อร่วมแรงกันร่วมใจเก็บเกี่ยวจนหมด ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวมีเงินจ่ายหนี้ค่าแรงได้หมดแล้ว ถึงแม้จะปลูกข้าวได้ปีละครั้ง แต่จำนวนผลการผลิตก้อได้มากพอเพียงเป็นเสบียงเก็บไว้กินได้ทั้งปี น้องโหยวเหมี่ยวขยายแผนสร้างจำนวนประชากรต่อ ด้วยการกระจายข่าวว่าหลังเผ่าเฉวี่ยนหรงเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว ยังมีข้าวและพืชพันธ์อื่นเหลืออยู่ อนุญาติให้คนรอบนอกหมู่บ้านเหลียวตงที่ไม่มี่ดินทำกิน เข้ามาเก็บเกี่ยวต่อได้ฟรีไม่คิดเงิน ใครเก็บได้เท่าไรก้อขนไปเท่านั้น ข่าวนี้ทำให้คนแห่แหนเข้ามาในเมืองเหลียวตงมากมาย
แถมน้องโหยวเหมี่ยวยังยินดีถ้าจะมีคนอพยพเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตะวันออกเพิ่ม พร้อมแจกจ่ายที่ดินกับบ้านให้อีกต่างหาก จากนั้นน้องจัดการขึ้นทะเบียนผู้อยู่อาศัย แล้วประกาศกฎหมายใหม่ทันที เพื่อจัดระเบียบคนในเมืองตงซาน ทำให้ชาวเซียนเปยรีบแห่มาจับจองที่กันทันที เพราะกลัวจะโดนคนต่างถิ่นมาแย่งที่ดินทำกิน จนน้องเหมี่ยวต้องขยายพื้นที่ดินทำกินไกลออกไปอีกฝั่งของแม่น้ำ จนหลายเดือนต่อมาเมืองตงซานก็มีคนมาอยู่อาศัยเกือบห้าหมื่นคน
น้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงดีใจที่เพียงแค่หนึ่งปี จากพื้นที่โล่งราบเรียบสุดลูกหูลูกตาไม่มีบ้านสักหลัง ตอนนี้ที่ตรงนี้ได้กลายเป็นเมืองใหม่แล้ว ตอนนี้เริ่มโครงการสร้างเมืองใหม่ทางฝั่งตะวันตก พร้อมกับเริ่มก่อกำแพงเมืองขึ้นอย่างง่ายๆแล้ว ส่วนหมู่บ้านตรงพื้นที่ราบด้านนอกก็หายไป ทุกคนกลับเข้ามาอยู่ในเมือง เพื่อเตรียมรับมือในฤดูหนาวที่จะมาเยือน ส่วนคนในเมืองเหยียนเปียนได้ข่าวว่ามีเมืองใหม่ในตงซาน ก้อเห็นโอกาสค้าขาย ทยอยออกด่านมุ่งเข้าเมืองตงซาน น้องเหมี่ยวมองเห็นรายได้มหาศาล เลยถือโอกาสเรียกเก็บภาษีทันที555 ส่วนคนเผ่าเฉวี่ยนหรงได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี (พี่เฟิงได้เมียคนนี้ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งสะอีก พี่เฟิงตอนมาถึงที่นี่มีแต่ตัว มาด้วยหัวใจล้วนๆ ถึงมีฐานะเป็นกษัตริย์แต่ไร้ซึ่งทรัพย์สมบัติใดๆ มีแค่เมียคนสวยคนเดียวกับพื้นดินว่างเปล่า แต่ดูสิ...เมียคนเดียวแต่สามารถสร้างเมืองทั้งเมืองได้ในหนึ่งปี...อึมช่างเป็นสามีทีโชคดีอะไรเยี่ยงนี้)
กลางดึกคืนหนึ่ง มีเสียงม้าดังมาจากข้างนอกทำให้ชาวเผ่าเฉวี่ยนหรงที่อยู่ตีนเขาตกใจ มารายงานพี่หลี่จื้อเฟิงเลยต้องรีบออกไปสำรวจ ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวยังคงหลับไหลโดยมีฉงยางนอนกอดเอวน้องเหมี่ยวไม่ยอมปล่อยมืออีก พี่หลี่จื้อเฟิงกลับมาก็ช้อนอุ้มสองพ่อลูกออกมาข้างนอกทันที ในกระโจมถูกจุดตะเกียงสว่างไสว พร้อมเสียงเรียกหาน้องเหมี่ยวอย่างดีใจมากจากเฉินกวงอู่ น้องโหยวเหมี่ยวทั้งดีใจทั้งตกใจได้เจอะบ่าวคนสนิทอีกครั้ง สองนายบ่าวต่างพากันร้องไห้ จากการทักทายถึงได้รู้ว่าหลังน้องเหมี่ยวจากมา พี่สาวเฉียวหรงจัดการดูแลทุกเรื่องแทนให้น้องเหมี่ยวเรียบร้อย ส่วนปราสาทเขาเจียงปัวน้าเล็กจัดการรับผิดชอบดูแลแทนให้จนหมด
เฉียวหรงเห็นจ้าวเฉาล้มป่วยหนักเพราะคิดถึงน้องเหมี่ยวมาก ก็เลยให้น้าเล็กจัดตั้งกลุ่มคนออกขึ้นเหนือตามหาน้องโหยวเหมี่ยว เฉินกวงอู่ตามหามาถึงเมืองเหยียนเปียน ก็สืบข่าวในเมืองจนได้ยินข่าวของเมืองตงซาน เลยเข้าไปขอหนังสืออนุญาติจากแม่ทัพถูรื่อเซิง จากนั้นก้อหาคนนำทางมาถึงด่านตงเหลียง แล้วเดินทางต่อมาถึงเหลียวตง ในที่สุดก็ได้มาพบน้องโหยวเหมี่ยวสะที
เฉินกวงอู่เห็นฉงยางก็ทักว่านี่คือคุณชายน้อยละสิ ฉงยางมองกลับด้วยความสงสัย แต่เฉินกวงอู่กลับมอบไข่มุกราตรีขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบให้ฉงยาง พร้อมบอกว่าเป็นของที่ระลึกจากฮองเฮาให้นำฝากมามอบให้ฉงยางนะเอง จาก ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวนั้นกลับนึกได้ถึงอะไรบางสิ่ง ก้อถามว่าเฉินกวงอู่พกเงินมาเท่าไร...ทุกคนอึ้งหมด555 เฉินกวงอู่เลยรายงานว่าฮองเฮาให้นำของมามอบให้นายน้อย และมีราชโองการอีกฉบับอยู่ที่แม่ทัพถูรื่อเซิง ส่วนน้าเล็กนั้นฝากตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาให้น้องเหมี่ยวเผื่อไว้ใช้จ่ายในเหลียวตง
น้องโหยวเหมี่ยวได้ยินดังนั้นก้อแสนดีใจ จัดการสั่งเฉินกวงอู่ทันที ให้ที่บ้านจัดตั้งกองคาราวานสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นมาค้าขายที่นี้ เอาใบชาไม่ต้องชั้นเลิศ กับใบชาของปีหน้าก้อขนมาด้วย ส่วนตอนขาไปก้อคัดโสมคนกับขนเตียวชั้นดีของที่นี้นำไปมอบให้ฮองเฮาหลายๆลัง จากนั้นให้พี่สาวเฉียวหรงจัดหาบัณฑิตจำนวนหนึ่ง บอกว่าเหลียวตงอ๋องเชิญมาเพื่อขอคำแนะนำ ถ้าใครยินดีมาก้อเชิญมาให้หมด หลังสั่งการเสร็จสับ ก้อถามถึงคนทางบ้าน ได้ยินข่าวยังอยู่กันเหมือนเดิมเป็นอย่างดี ขนาดกังหันน้ำก็ยังอยู่ดีไม่มีปัญหาอะไร น้องเหมี่ยวรู้ก้อดีใจนัก ยิ่งตอนนี้มีเฉียวหรงฮองเฮาและยังมีรัชทายาทจ้าวไท่ยังองค์หญิงจ้าวเหมยอยู่ค้ำยันให้สกุลโหยวขนาดนี้ ยิ่งทำให้น้องเหมี่ยวแสนปลอดโปร่งใจ
หลังจากไปเฉินกวงอู่ไม่กี่วัน แม่ทัพถูรื่อเซิงก้อมาเยี่ยมแทน เพราะมีข่าวจากทางการว่ากษัตริย์เกาลี่ตายแล้ว สายสืบพบว่าภายในแคว้นอาจมีการเปิดศึกขึ้นภายใน น้องโหยวเหมี่ยวบอกว่าถ้าไม่รบได้ก็อย่ารบเลย ตอนนี้เมืองใหม่ฝั่งตะวันออกต้องการความสงบอย่างน้อยสักห้าถึงสิบปี ถ้ามีการรบขึ้นมาทางตงซานอาจจะไม่มีกำลังในการสนับสนุนกองทัพ แม่ทัพถูรื่อเซิงเลยคิดว่าจะทำป้อมกระโจมไฟไว้ส่งสัญญาณอันนี้น้องเหมี่ยวก็เห็นด้วย จากนั้นน้องโหยวเหมี่ยวก้อชวนแม่ทัพถูรื่อเซิงทานข้าวพร้อมกับชวนไปดูเมืองใหม่ในตงซาน ตอนนี้ในเมืองมีเตาเผาอิฐ ทำให้เริ่มใช้อิฐกันแล้ว
ไม่นานเฉียวหรงฮองเฮาก้อส่งขบวนคาราวานสินค้าขึ้นมาพร้อมบัณฑิตกลุ่มหนึ่ง น้องโหยวเหมี่ยวก่อสร้างสำนักศึกษาในเมืองตะวันออก พร้อมจ้างกวรชาวหูเขียนบันทึกวัฒนธรรมชาวหูนอกด่านของเผ่าต่างๆ และเผ่าเฉวี่ยนหรงรวมกันเป็นตำรา นอกจากนี้ยังเชิญผู้เฒ่าเผ่าเฉวี่ยนหรงมาศึกษาอักษรด้วยกัน จนพบว่าเผ่าเฉวี่ยนหรงเองก็มีอักษรเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกคนแทบไม่ได้ใช้ ยกเว้นตอนทำพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษหรือขุนเชาสายน้ำเท่านั้น ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวพัฒนาเมืองถึงขั้นมีการจัดสอบขุนนางเองด้วย ตลาดข้างแม่น้ำซงเจียงก้อคึกคักยิ่ง จวนจนปีนี้เมืองตะวันออกกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่อย่างแท้จริง
ตอนนี้น้องโหยวเหมี่ยวก็อายุสามสิบ พี่หลี่จื้อเฟิงก้อใกล้สี่ลิบ ส่วนฉงยางเข้าใกล้พิธีบรรลุภาวะเป็นผู้ใหญ่ละ...ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่อย่างมีความสุขละเกินที่นอกด่าน....น
ตอนพิเศษสอง ยังคงเป็นเรื่องความรักของน้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงอีกครั้ง
ทุกครั้งยามเข้าฤดูใบไม้ร่วง น้องโหยวเหมี่ยวยังคงได้ยินเสียงร้องหาคู่ของหมาป่าเดียวดายข้างกำแพงฉางเฉิงมาตลอด ถึงแม้เมืองใหม่จะก่อเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ชาวเผ่าเฉวี่ยนหรงยังคงไม่ประกอบอาชีพอะไรอย่างจริงจัง ส่วนคนที่ทำมาหากินตัวเป็นเกลียวกลับเป็นพวกชาวฮั่น เป็นเพราะเผ่าเฉวี่ยนหรงเคยชินกับชีวิตเร่ร่อน ทำให้น้องเหมี่ยวหงุดหงิดโมโหยิ่งนัก ขนาดกำหนดเอาภาษาพูดทั้งยังใช้ตัวหนังสือของเผ่าเฉวี่ยนหรงให้ใช้เป็นภาษาทางการที่นี้ แต่กลายเป็นว่าเผ่าอื่นๆเรียนรู้กันหมด ยกเว้นเผ่าเฉวี่ยนหรงที่กลับไม่รู้ภาษาของตัวเองเลย เลยถูกเผ่าอื่นหลอกเอาได้ง่ายๆ สรุปน้องเหมี่ยวก้อกลายมาเป็นคนบริหารจัดการด้านการปกครองไปด้วย ส่วนพี่หลี่จื้อเฟิงนั่นก็ยังคงมีความสุขกับการเข้าป่าออกล่าสัตว์ทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้ให้น้องโหยวเหมี่ยวจัดการต่อไปล่าสุดพี่หลี่จื้อเฟิงจะเข้าป่าล่าสัตว์ น้องโหยวเหมี่ยวทำหน้าละเหี่ยเข้าใส่พร้อมปาจดหมายลับใส่หน้าพี่เฟิง แล้วถามว่าพี่เฟิงยังจะกล้าออกไปอีกหรอ ตอนนี้มีคนรวมตัวจะล้มล้างพี่เฟิงในคืนไหว้พระจันทร์นี้....พี่หลี่จื้อเฟิงตอบว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรอ? น้องเหมี่ยวหมดคำพูดทันที555 พี่หลี่จื้อเฟิงนั่นหลังกลับมาอยู่ทางเหนือ อาหารการกินก็เปลี่ยนไป กินเนื้อกินเหล้าจนน้ำหนักขึ้น แต่ดีที่น้องโหยวเหมี่ยวจัดการควบคุมอาหารไว้ สภาพร่างพี่หลี่จื้อเฟิงยังไม่ถึงขั้นแตกสลายแค่ตัวแน่นๆขึ้น
น้องโหยวเหมี่ยวให้พี่หลี่จื้อเฟิงอ่านจดหมาย...พี่เฟิงบอกภาษาเกาลี่อ่านไม่ออก555 ก้อพอดีมีขุนนางเข้ามารายงานว่าองค์หญิงที่เกาลี่ส่งมาถวายสานสัมพันธไมตรีนั่น...ยังพูดไม่จบ พี่หลี่จื้อเฟิงก้อรีบชิงตัดบทบอกให้นางไปพักผ่อนก่อน คืนวันไหว้พระจันทร์ค่อยจัดงานเลี้ยงตอนรับนาง
หึหึสานสัมพันธไมตรี...น้องโหยวเหมี่ยวจ้องหน้าพี่หลี่จื้อเฟิงเขม็ง ส่วนพี่หลี่จื้อเฟิงมีสีหน้าแปลกๆในการมองกลับ พี่หลี่จื้อเฟิงรีบพูดเอาใจว่าอย่าโมโหนะ พร้อมถลาเข้าไปจูบน้องเหมี่ยวยังไว แล้ววิ่งออกไปบอกว่าจะไปล่าสัตว์แล้ว....ทิ้งน้องเหมี่ยวที่อารมย์เสียเอาไว้ในบ้าน
น้องโหยวเหมี่ยวสั่งเปิดวาระประชุมด่วนในหัวข้อองค์หญิงเกาลี่ที่มาสานสัมพันธไมตรีนั่นคืออะไร เหล่าขุนนางได้แต่อึกอักแต่ก้ออ้อมแอ้มตอบว่าน่าจะหมายถึงการเกี่ยวดองด้วยการแต่งงาน คำตอบนี้สร้างความขุ่นเคืองใหญ่หลวงให้น้องเหมี่ยว น้องโหยวเหมี่ยวจึงตะโกนก้องถามว่าแล้วน้องละมีฐานะอะไรที่นี้ ถ้าเหล่าขุนนางคิดปิดบังความจริงกับน้องโหยวเหมี่ยวละก้อ อย่าหวังว่าชีวิตจะมีความสุขอีกต่อไป คืนนั้นเหล่าขุนนางได้แต่คร่ำครวญต่างพากันปวดหัวเรื่องของสองผัวเมียคู่นี้
เหล่าขุนนางในราชสำนัก ทุกคนล้วนรับเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนจากน้องโหยวเหมี่ยวทั้งนั้น เพราะจ้าวเฉานั้นไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับเมืองเหลียวตง ฉะนั้นในเมืองนี้ปกครองดูแลโดยน้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงนั่นเอง ต่างมีขุนนางใต้การดูแลอย่างละครึ่งแบ่งเป็นขุนนางบุ๋นกับขุนนางบู๊พอดี ปกติก็อยู่กันสงบสุขดีมาตลอด จนถึงคราวองค์หญิงเกาลี่มา ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ก็มีขุนนางเสนอให้น้องโหยวเหมี่ยวไปถามองค์หญิงเกาลี่ดูเองสิ จะได้ไม่ต้องมาคาดเดาอะไรอีก
น้องโหยวเหมี่ยวรู้สึกเจ็บปวดกับการถูกหมดรัก จะให้ไปถามหญิงคนใหม่ก้อดูจะเป็นการเสียศักดิ์ศรีตัวเอง ในเมื่อพี่หลี่จื้อเฟิงหมดใจ งั้นน้องเหมี่ยวเป็นคนจากไปเองดีกว่า ว่าแล้วก้อวิ่งออกจากท้องพระโรงแล้วควบม้าออกไป เหล่าขุนนางต่างพากันวิ่งตามแตกตื่นตะโกนร้องเรียกน้องโหยวเหมี่ยวกันสนั่น พร้อมตะโกนร้องอย่างน่าสงสารว่าเงินเดือนนี้ยังไม่ได้จ่ายออกมาเลยน้า...า ฉงยางเฆี่ยนม้าตามติดตะโกนร้องให้น้องกลับไป แต่ยามนี้ความโมโหหึงมันบังตาไปหมดแล้ว น้องโหยวเหมี่ยวก้อตะโกนตอบไปว่าให้กษัตริย์ของเจ้าเป็นคนจัดการเองละกันก่อนจะควบม้าหนักกว่าเดิม
ม้าที่น้องโหยวเหมี่ยวใช้ขี่ เป็นม้าเหงื่อโลหิตชั้นดีวิ่งได้ไกลโดยไม่ต้องหยุดพัก ส่วนในท้องพระโรงเหล่าขุนนางต่างพากันเดือดร้อนใจ รีบไปส่งข่าวให้พี่หลี่จื้อเฟิงรีบกลับมาจัดการโดยด่วน ส่วนน้องโหยวเหมี่ยวนั้นไม่นานก็ออกจากเมืองเหลียวตง พลังเกิดความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายยิ่งนัก แถมทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่ห้าตำลึงติดกาย อากาศก็เริ่มหนาวเย็นแต่ว่าจะให้หันหลังกลับไปนั้น...ไม่มีทาง งั้นหาที่พักสักคืนแล้วกัน หลังหายโมโหแล้วตื่นมานั้น กลับไม่มีใครตามมารับกลับบ้านเลย555
น้องโหยวเหมี่ยวเลยฮึด...ดทำให้มีมานะที่จะกลับบ้านเดิม ควบม้าจะลงใต้ให้ได้ระหว่างทางก็ขายของติดกาย ถูไถจนเดินทางถึงจงหยวน หลายวันที่เดินทางมาคนเดียว ใจก็นึกถึงสามีตลอดเวลา โทสะที่มีก็เริ่มคลาย หวนนึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากี่สิบปีแล้ว หรือจะยอมให้สามีมีเมียน้อย....แต่ว่าถ้ามีคนแรกมักมีคนต่อมาเรื่อยๆงั้นก็ตัดใจอีกรอบ555 ตอนแรกว่าจะกลับหยางโจวไปพักที่ปราสาทเขาเจียงปัว แต่เฉียวหรงอยู่ที่เมืองหลวงระยะทางใกล้กว่า เลยว่าจะแวะไปเยี่ยมเยือนสะหน่อย ไปที่วังหลวงจะเข้าพบพี่สาว แต่ทหารยามดูสภาพน้องเหมี่ยวแล้วไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป เพราะน้องเหมี่ยวเอาผ้าปิดหน้ากันฝุ่น แถมเสื้อผ้าก้อดูธรรมดายับเยิ่นจากการเดินทาง น้องโหยวเหมี่ยวเลยฝากของให้ทหารนำเข้าไปถวายให้จ้าวเฉาดูสะ
วันนี้เป็นวันหยุดพักไม่มีการประชุม จ้าวเฉายังคงนอนหลับอยู่ รัชทายาทก็วิ่งนำหยกพกของน้องโหยวเหมี่ยวไปให้จ้าวเฉาดู รัชทายาทบอกว่าใต้เท้าถังปั๋วให้มาบอกพ่อว่าน้าเล็กกลับมาแล้ว จ้าวเฉากับเฉียวหรงตื่นเต้นลนลานที่น้องโหยวเหมี่ยวกลับมา เลยไประดมขุนนางให้เตรียมขบวนออกไปต้อนรับน้องโหยวเหมี่ยวที่หน้าประตู
น้องโหยวเหมี่ยวยังคงยืนรอที่หน้าประตูเริ่มหงุดหงิด เลยตะโกนว่าเขามาส่งข่าวว่าชาวหูห้าเผ่ารวมตัวโจมตีกำแพงฉางเฉิงแตกแล้ว ตอนนี้ยกทัพกำลังมาถึงริมแม่น้ำหวงเหอแล้ว ถังปั๋วได้ยินก็ตกใจแตกตื่นเลิกลั่ก ก็พอดีประตูเมืองเปิดออกมา มีขบวนเหล่าขุนนางตั้งสองแถว มีจ้าวเฉาขี่ม้ามารับถึงตรงหน้า น้องโหยวเหมี่ยวตกใจที่ได้รับการต้อนรับอลังการขนาดนี้ ก้อรีบลงม้าเตรียมวิ่งไปสวนกอดจ้าวเฉาพร้อมตะโกนเสียงดังว่า...พี่สาม...แต่อนิจาขาดันสะดุดพื้นหน้าประตูล้มลงเงินอีแปะกระจายเกลื่อนพื้น555(นิมันภาคตลกปะเนีย555)
มื้อกลางวันนั้นน้องโหยวเหมี่ยวกินอาหารมูมมามด้วยความหิวโหยอย่างแรง จนฮองเฮาต้องลงครัวทำอาหารเจียงโจวให้น้องเหมี่ยวกิน จ้าวเฉาได้ทีก็ถามน้องเหมี่ยวว่าทำไมถึงกลับมาคนเดียวละ หลี่จื้อเฟิงไม่มาด้วยหรือ น้องโหยวเหมี่ยวตอบด้วยความโมโหว่าอย่ามาพูดถึงเขาอีกแถมยังระบายความคับแค้นว่าจะรับสนมเลยไล่น้องเหมี่ยวออกมา เฉียวหรงเห็นสภาพน้องที่ดูอดอยากก้อสงสารน้องชายยิ่งนักจนแทบร้องไห้ ส่วนจ้าวเฉาได้ยินปัญหานี้ ก็รำพึงเบาๆว่าที่จริงบางครั้งการรับสนมก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่เห็นเมียมองกลับมาตาแข็ง ก็รีบปฎิเสธทันทีว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้5555
น้องโหยวเหมี่ยวยังไม่หายแค้น เลยขอกองกำลังทหารสักกองเพื่อจะเอาไปถล่มเฉวี่ยนหรงให้เละ จ้าวเฉาเลยบอกจะถล่มได้ไง เขาเองยังไม่เคยรบชนะหลี่จื้อเฟิงเลย แต่จ้าวเฉาแนะให้น้องโหยวเหมี่ยวฉีกสัญญาแล้วกลับมาอยู่ที่นี้ดีกว่า...น้องเหมี่ยงรู้ว่าจ้าวเฉากำลังคิดอะไรอยู่5555 ก้อพอดีเฉียวหรงมาห้ามจ้าวเฉาไว้ บอกตอนนี้แค่รอหลี่จื้อเฟิงให้ตามมาง้อ แล้วยอมรับผิด น้องเหมี่ยวก็ใจอ่อนแล้ว
คืนนั้นน้องโหยวเหมี่ยวกับจ้าวเฉา นั่งเปลือยกายแช่น้ำพุร้อน น้องเหมี่ยวเห็นผิวกายจ้าวเฉาเต็มไปด้วยบาดแผล น่าจะเกิดตอนยกทัพไปบุกแดนเหนือคราวนั้น ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ ทั้งคู่ต่างนั่งคุยถึงความหลัง จ้าวเฉาชมน้องเหมี่ยวว่ายังคงงดงามเหมือนเดิมพร้อมเกลี่ยกล่อมให้น้องโหยวเหมี่ยวกลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง น้องโหยวเหมี่ยวบอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันเดียวก็ทะเลาะกันจนรำคาญใจอีก จ้าวเฉาบอกถึงน้องเหมี่ยวจะทำตัวน่ารำคาญยังไงพี่จ้าวเฉาก็ยังคงรักน้องเหมี่ยวอยู่ดี(นี่คือรักแรกของจ้าวเฉา ถึงน้องเหมี่ยวจะมีสามีแล้วก็ยังคงตามรักไม่เลิก555) น้องเหมี่ยวเลยจะลองกลับไปคิดดู น้องโหยวเหมี่ยวพูดถึงฉงยางให้จ้าวเฉาฟัง บอกว่าถึงฉงยางหน้าไม่เหมือนแต่นิสัยถอดแบบเหมือนพี่เนียตันมากให้
หลายวันผ่านไปน้องโหยวเหมี่ยวพักผ่อนอยู่ในวัง ก้อนั่งเล่นเป็นเพื่อนจ้าวเฉา ดีดพิณบ้าง เล่นวางหมากบ้าง แต่น้องเหมี่ยวเล่นทีไรชนะจ้าวเฉาทุกที จนจ้าวเฉาต้องไปลากถังปั๋วให้มาช่วยกันรุมน้องเหมี่ยวถึงจะสู้ได้สูสี ถังปั๋วก็มากล่อมให้น้องเหมี่ยวกลับเข้าราชสำนัก แต่น้องเบื่อหน่ายในการทะเลาะกับถังปั๋วในท้องพระโรง ถังปั๋วบอกว่าถ้าน้องเหมี่ยวกลับมาเขาจะกลับไปอยู่หยางโจว จะไปจัดการปัญหาโจรสลัดในแถบทะเลตงหนาน น้องเหมี่ยวเริ่มลังเล เพราะสามวันมาแล้วยังไร้วี่แว่วว่าสามีจะตามง้อกลับบ้านสะที ถังปั๋วบอกคืนนี้จ้าวเฉาจัดงานเลี้ยงฉลองไหว้พระจันทร์ เวลานั้นก็ลองคุยกับเหล่าขุนนางดูหน่อยแล้วกัน
น้องโหยวเหมี่ยวคิดถึงพี่หลี่จื้อเฟิงแต่ก็รู้สึกเศร้าใจ ที่ตัวเองทำไมถึงหนีมาที่นี่ แทนจะอยู่ทะเลาะกับพี่เฟิงที่เหลียวตง หรือไม่ก้อปิดประตูเมืองไม่ให้พี่เฟิงเข้ามาในบ้าน...แทนจะหนีมาไกลตั้งหลายพันลี้ขนาดนี้
ตกบ่ายเฉียวหรงให้คนมาส่งชุดอ๋องสีดำใหม่ เพื่อใส่มาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ น้องโหยวเหมี่ยวเดินไปตามระเบียนก้อหวนคิดถึงงานไหว้พระจันทร์ปีนั้น ที่น้องเหมี่ยวเพิ่งสอบได้เป็นทั่นฮวา ปีนั้นพี่หลี่จื้อเฟิงก็ไม่อยู่ ผ่านมาปีนี้พี่หลี่จื้อเฟิงก็ยังไม่อยู่อีก(คิดไปคิดมาตัวเองก้เฝ้าคิดถึงแต่สามีทุกลมหายใจ สุดท้ายก้อปลงได้กะว่าหลังงานเลี้ยงคืนนี้จะส่งจดหมายให้พี่หลี่จื้อเฟิงมารับตัวเองกลับบ้านที่ตงเหลียนแทน...แต่ถ้าเขาไม่กลับมารับละ หรือจะต้องเป็นคนกลับไปเองแล้วยอมให้เมียน้อยรังแกตัวเอง น้องเหมี่ยวเริ่มฟุ้งซ่าน555)
ที่งานเลี้ยงน้องเหมี่ยวเห็นถูรื่อเซิงคุยกับจ้าวเฉาอยู่ น้องเหมี่ยวกำลังอารมย์ไม่ดีจ้าวเฉาก็มาถามถึงหลี่จื้อเฟิงว่าไม่สำคัญแล้วแน่นะ น้องเหมี่ยวเลยตอบด้วยความโมโหว่าอย่าพูดถึงหลี่จื้อเฟิงให้น้องเหมี่ยวได้ยินอีก ถังปั๋วพยายามถามน้องเหมี่ยวถึงหลี่จื้อเฟิงว่า..ยังไม่ทันจบประโยค ก้อโดนน้องเหมี่ยวตัดบทด้วยความโมโห แต่ถังปั๋วยังคงเพียรถามอย่างระวังจนเหงื่อตกว่า พวกเรามานั่งกินดื่มชมจันทร์ในเมือง แต่กลับปล่อยให้กษัตริย์เฉวี่ยนหรงค้างแรมกลางแจ้งนอกเมืองยังงี้จะดีหรอ....น้องโหยวเหมี่ยวตกใจ ก้อมีคนมาแอบกระซิบบอกว่ากษัตริย์เฉวี่ยนหรงมาถึงแต่เที่ยง รอมาตลอดบ่ายแต่จ้าวเฉาไม่ยอมให้หลี่จื้อเฟิงเข้ามาเมือง
น้องโหยวเหมี่ยวเดินไปหาจ้าวเฉาด้วยความโมโห ที่ไม่ยอมบอกน้องว่าหลี่จื้อเฟิงมาถึงแล้ว จ้าวเฉาบอกว่าเขาให้คนไปแจ้งแล้วนะ แถมให้คนไปบอกหลี่จื้อเฟิงด้วยว่าน้องโหยวเหมี่ยวสั่งให้พี่เฟิงคุกเข่าสามวันสามคืนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที น้องเหมี่ยวเลยถามว่าพี่เฟิงยอมคุกเข่าไหม ผลปรากฎว่าไม่ทำจ้า555 น้องเหมี่ยวเลยบอกว่าไม่ทำก้อไม่ต้องทำ ตอนนี้ให้เขาเข้ามาก่อนละกัน จ้าวเฉายังบอกว่าองค์หญิงเกาลี่นั่นมาแต่งงานสานสัมพันธไมตรีจริงแต่ไม่ได้แต่งกะพี่เฟิง แต่มาแต่งกับฉงยางต่างหาก น้องโหยวเหมี่ยวได้ฟังแทบเป็นลม555
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลี่จื้อเฟิงมาด้วยชุดล่าสัตว์เต็มยศทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นมอมแมมไปทั้งตัว ใบหน้ายังวาดลวดลายด้วยสีเหมือนคนป่าไม่มีผิด เหล่าขุนนางต่างตื่นตะลึงไม่รู้จะเรียกกล่าวยังไง ถังปั๋วหัวไวสุดรีบเรียกท่านแม่ทัพ..จากนั้นก้อมีเสียงเรียกท่านแม่ทัพๆระงมไปหมด จ้าวเฉาทักทายว่าหลี่จื้อเฟิงมาช้าแล้วๆ หลี่จื้อเฟิงก้อตอบจ้าวเฉาว่าเขามาช้าดังนั้นขอดื่มสุราชดเชยสามจอกรวด จากนั้นบรรยากาศเงียบกริบ...บ
น้องโหยวเหมี่ยวอยากคุยกับสามีจะแย่ แต่หลี่จื้อเฟิงกลับชิงพูดก่อน ว่าเขาล่าเสือหน้าผากขาวมาให้เจ้าได้ตัวหนึ่ง แต่ยังไม่ทำลายหนังของมันตอนนี้ก้อมอบให้เจ้าจัดการละกัน ว่าแล้วก้อสั่งลูกน้องให้แบกมา แต่มันยังเป็นเสือหน้าผากขาวตัวมหึมาที่ยังมีชีวิตเป็นๆแถมท่าทางยังดูหิวโหยมาเกือบสิบวันแล้ว เหล่าขุนนางเห็นเข้าก้อตกใจวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น
น้องโหยวเหมี่ยวไม่กะจิตกะใจจะดูเสือ เลยรีบกล่าวขอโทษสามีว่า เป็นน้องเหมี่ยวไม่ดีเอง ที่รีบร้อนจากมา...แต่จ้าวเฉายังคงแกล้งไม่หยุด จัดที่นั่งหลี่จื้อเฟิงให้ห่างไกลกับน้องเหมี่ยว จากนั้นก้อเป็นการเกทับระหว่างจ้าวเฉากับหลี่จื้อเฟิง จนน้องเหมี่ยวแสนจะเพียลใจที่กว่างานเลี้ยงนี้จะจบลง
น้องโหยวเหมี่ยวรอหลี่จื้อเฟิงที่ด้านหน้าระเบียง เพราะกลัวว่าสามีจะโกรธเอา พอดีหลี่จื้อเฟิงมาถึง ยังไม่ทันกล่าวอะไรน้องเหมี่ยวก้อโดนพี่เฟิงจูบอย่างดุดันพร้อมจับกดกับเสา...จนต่างแยกมาหายใจ พี่หลี่จื้อเฟิงบอกว่าปีนี้น้องเหมี่ยวอารมย์ไม่ดีไม่มีความสุข น้องโหยวเหมี่ยวรีบปฎิเสธว่าเปล่า แต่พี่เฟิงบอกว่าให้ฟังเขาพูดสามประโยคก่อน เริ่มจากพี่เฟิงรู้ว่าน้องเหมี่ยวคิดถึงบ้านทางใต้ ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เขาสองคนจะไปเที่ยวเจียงหนานด้วยกัน ถ้าอยากไปที่ไหนให้บอกพี่เฟิงได้เลย น้องเหมี่ยวยิ้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง ประโยคที่สองถ้าพี่หลี่จื้อเฟิงคิดถึงบ้านก้อให้กลับอยู่ตงเหลียงสักสองสามปี ถ้าน้องโหยวเหมี่ยวคิดถึงบ้านก้อกลับมาอยู่เจียงหนานทางใต้สองสามปีดีไหม น้องโหยวเหมี่ยวตอบตกลงทันที ส่วนประโยคที่สามนั้นพี่หลี่จื้อเฟิงขอถามว่าห้องนอนอยู่ที่ไหน น้องโหยวเหมี่ยวหัวเราะคิกแล้วรีบจูงมือพี่เฟิงวิ่งเข้าห้องนอนทันที5555
สองตอนพิเศษนี้ผู้แต่งเขียนได้บันเทิงจนเหมือนเป็นการปลดปล่อยความเครียดในเนื้อเรื่องหลักรึป่าวเนย555 เหมือนเขาจะเขียนเพื่อเยียวยาจิตใจคนอ่าน จากที่ลุ้นระทึกว่าสองผัวเมียจะได้อยู่ด้วยกันไหม หรือจะต้องพรากจากกันไป....สุดท้ายนั้นรักของพี่เฟิงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจริงๆ
สรุปชีวิตน้องเหมี่ยวในภาคหลักแบบย่อๆละกันนะ เพื่อคนมาอ่านแต่ภาคเสริม แล้วจะคิดว่านี่คือนิยายวายโบราณสายตลก555
ชีวิตเริ่มต้นของน้องโหยวเหมี่ยว ตั้งแต่เกิดจนอายุสิบสองปีอยู่ที่เจียงเป่ย เป็นคุณชายลูกพ่อค้าชาอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ จากนั้นพ่อส่งเข้าเรียนในโรงเรียนไฮโซที่เมืองหลวง ได้อยู่ในกลุ่มลูกคนรวยและทรงอิทธิพลเมื่อชีวิตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นพร้อมพบรักแรก น้องโหยวเหมี่ยวพออายุสิบห้าปี ก็ถึงจุดเปลี่ยนชีวิตเพราะไปช่วยทาสที่อาการปางตายด้วยความสงสาร จนต้องจ่ายเงินก้อนโตให้หลีเหยียนเพื่อนรักที่เป็นเจ้าของทาส หลังดูแลรักษาทาสจนรอดชีวิต ก้อกลายเป็นว่าชีวิตน้องเหมี่ยวหลังจากนี้ได้ถูกผูกติดไว้กับพี่หลี่จื้อเฟิงทาสชาวเฉวี่ยนหรงตลอดไป
แอบเลี้ยงดูพี่หลี่จื้อเฟิงไว้ได้ไม่นาน ก็โดนพ่อสั่งให้กลับบ้านด่วน เลยตัดใจจะปล่อยพี่หลี่จื้อเฟิงเอาบุญ เพราะไม่สามารถพาพี่หลี่จื้อเฟิงกลับบ้านที่เจียงเป่ยได้ ก่อนไปก้อให้พี่เฟินสอยบทเรียนรักให้ก่อนจากกันโดยที่เฟิงผู้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนเท ตอนนี้เองก็ได้พบจ้าวเฉาองค์ชายผู้ตกหลุมรักน้องเหมี่ยวแต่น้องเหมี่ยวไม่เคยจะรู้555 แต่สุดท้ายถึงจะปล่อยพี่เฟิงไป ก็เจอะลิขิตสวรรค์ให้มีเหตุให้พี่เฟิงกลับมาช่วยน้องจากโจรร้าย พี่เฟิงเลยได้อยู่กับน้องเหมี่ยวอยู่ดี ทั้งคู่พากันกลับบ้านที่เจียงเป่ย
ชีวิตน้องเหมี่ยวกราฟตกอีกครั้ง เมื่อกลับไปถึงพบว่าพ่อพาเมียใหม่เข้าบ้านพร้อมพี่ชายต่างแม่ก็ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดกิจการแทน ชีวิตระทมเกินจะอยู่ต่อ เลยชวนพี่เฟิงไปบุกเบิกสร้างชีวิตใหม่ ด้วยทุนรอนจากสมบัติแม่ที่ทิ้งไว้ให้เขาก่อนตาย
ชีวิตน้องโหยวเหมี่ยวเริ่มต้นอีกครั้ง คราวนี้สองหนุ่มผัวเมียเริ่มต้นทำมาหากินด้วยสองมือเปล่าๆ โดยมีน้องโหยวเหมี่ยวเป็นคนวางแผน พี่หลี่จื้อเฟิงเป็นคนลงมือทำ บุกเบิกที่ดินเสื่อมราคาจนกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้มหาศาล แถมน้องโหยวเหมี่ยวเริ่มเตรียมตัวสอบขุนนาง เพราะก่อนหน้า2-3ปีการใช้ชีวิตหลักคือการพลิกพื้นดินแห้งแล้งที่แทบจะไม่เหลือคนเช่าที่ดิน มาลงทุนปรับปรุงใหม่จนคนแห่มาเช่าที่แทบจะล้นเขาเจียงปัว หลังมีเงินทองจนเหลือใช้คือการช่วงนี้ว่างมากไม่มีอะไรจะทำแล้ว เลยตั้งใจศึกษารอสอบเป็นขุนนางเพื่อหาโอกาสไปช่วยจ้าวเฉาอีก
เริ่มเข้าสู่วงการศึกษาและก้าวเข้าสูราชสำนัก น้องโหยวเหมี่ยวอายุสิบแปด เริ่มเข้าสู่หนทางเป็นขุนนางด้วยการสอบเซียงซื่อแล้วสอบได้ที่หนึ่งเป็นเจี่ยหยวน ทำมีโอกาสไปเป็นศิษย์ของอาจารย์ซุนอวี่ผู้เคยเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทมาก่อน หลังจากได้รับการสั่งสอนเล่าเรียนอย่างเข้มงวดจากอาจารย์ซุนอวี่ ทำให้น้องเหมี่ยวได้เข้าไปสอบขุนนางในเมืองหลวง จนสอบได้ตำแน่งทั่นฮวาได้ที่ลำดับสาม ชีวิตน้องโหยวเหมี่ยวหลังจากนี้ก้อจะถูกผูกติดกับราชสำนักแล้ว ช่วงนี้พี่เฟิงกลับบ้านที่เจียงหนานเพราะต้องไปดูแลกิจการที่บ้านปราสาทเจียงปัวทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันไปด้วยความจำเป็น แต่ชีวิตราชการยังไม่ทันเริ่ม ก็เกิดศึกห้าชนเผ่าเหนือรวมตัวเข้าโจมตีเมืองหลวงจนแตกพ่าย
ชีวิตตกยากลำเข็นเพราะแคว้นตัวเองแพ้ส่งคราม กลายเป็นเชลยศึก โดนทารุณจนเกือบตายเพราะไม่ยอมก้มหัวให้ใครมาหยามศักดิ์ศรี กษัตริย์แคว้นเทียนฉี่พร้อมเหล่าราชวงค์รวมถึงน้องโหยวเหมี่ยวและผู้คนในเมืองหลวงโดนกวาดต้อนเป็นเชลย โดนบังคับให้เดินทางขึ้นเหนือไปเมืองต้าอัน ระหว่างทางก็โดนทารุณจนคนล้มตายไปมากมาย ส่วนตัวน้องโหยวเหมี่ยวเองนั้น ยอมตายดีกว่ายอมเสียศักดิ์ศรี ระหว่างที่กำลังโดนทรมานจนใกล้ตาย พี่หลี่จื้อเฟิงก็มาช่วยได้พอดี พร้อมเปิดปูมหลังพี่หลี่จื้อเฟิงว่าเป็นองค์ชายเล็กของเผ่าเฉวี่ยนหรง จากนั้นพี่หลี่จื้อเฟิงก้อช่วยพาน้องโหยวเหมี่ยวกับกวนเพื่อนรักพาหนีกลับแดนใต้จนได้ไปพบกับจ้าวเฉา แล้วทั้งหมดพากันหลบหนีจนรอดพ้นศัตรูมาถึงเมืองหยางโจว
เติบโตเป็นหนุ่มแกร่ง พร้อมเข้าสู่วัยฟาดฟันในราชสำนักอีกครั้ง น้องโหยวเหมี่ยวหลังกลับมาถึงบ้านก้อตั้งใจขยายพื้นที่เพราะปลูกขยันหาเงินพร้อมสะสมอาหาร ส่วนพี่หลี่จื้อเฟิงสร้างผลงานการรบเข้าตาจนแม่ทัพเนียตันชวนไปทำงานด้วย เลยกลายเป็นแม่ทัพหู่เว่ย(ฉายานี้เมียตั้งให้555) หลังกลับมาอยู่บ้านน้องเหมี่ยวก้อเตรียมเสบียงเตรียมอาวุธไว้สนับสนุนสามี น้องเหมียวนี่เป็นคนเก่งรอบด้านนะ ทั้งทางการเมืองจนถึงการเกษตรและการค้า รู้ว่าการจะกู้บ้านกู้เมืองล้วนแต่ต้องใช้เงิน น้องก็เตรียมสะสมทั้งเงินทั้งอาหาร เพื่อสนับสนุนแคว้นเที่ยนฉี่ในการเปิดศึก
ส่วนจ้าวเฉาขึ้นครองบัลลังก์ น้องเหมี่ยวเองก้อกลับเข้าราชสำนัก พร้อมเป็นฝ่ายสนับสนุนทั้งสามีและพี่ชายร่วมสาบานทั้งสอง(แม่ทัพเนียตันกับจ้าวเฉา) ชีวิตน้องโหยวเหมี่ยวหลังจากนี้ก็เต็มไปด้วยการวางแผนทำศึก เพื่อชิงพื้นดินกลับคืนจากคนเผ่าทางเหนือ พี่หลี่จื้อเฟิงออกรบรัวๆตลอดเวลา
ส่วนจ้าวเฉาขึ้นครองบัลลังก์ น้องเหมี่ยวเองก้อกลับเข้าราชสำนัก พร้อมเป็นฝ่ายสนับสนุนทั้งสามีและพี่ชายร่วมสาบานทั้งสอง(แม่ทัพเนียตันกับจ้าวเฉา) ชีวิตน้องโหยวเหมี่ยวหลังจากนี้ก็เต็มไปด้วยการวางแผนทำศึก เพื่อชิงพื้นดินกลับคืนจากคนเผ่าทางเหนือ พี่หลี่จื้อเฟิงออกรบรัวๆตลอดเวลา
วันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหักของพี่น้องรวมสาบาททั้งสี่คน เมื่อจ้าวเฉาโดนกดดันให้จัดกองกำลังทหารไปรับสองอดีตฮ่องเต้แห่งเที่ยนฉี่ แล้วปรากฎว่าสองอดีตฮ่องเต้ดันตายระหว่างทางอีก ยิ่งทำให้แม่ทัพเนียตันหมดใจกับจ้าวเฉาทันที สุดท้ายแม่ทัพเนียตันโดนสั่งขังคุกหลวง น้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงก้อออกจากราชสำนักไปพักจิต ทำให้ได้พบกับอดีตฮ่องเต้จ้าวจั๋วที่แกล้งตายก็ที่เขาหลบหนีออกนอกประเทศ
แต่สุดท้ายวันพักร้อนพี่หลี่จื้อเฟิงก็มีกำหนดสิ้นสุดสองหนุ่มคู่สามีภรรยาก็โดนตามกลับไปรับใช้สำนัก มีเพียงพี่หลี่จื้อเฟิงที่กลับกรมทหาร น้องเหมี่ยวยังขอพักร้อนต่อ ก็พอดีพี่สาวได้รับราชโองการรับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ส่วนพี่หลี่จื้อเฟิงก็รวมรายชื่อคนลงนามถวายฎีกาให้ปล่อยตัวแม่ทัพเนียตัน หลังเขาโดนปล่อยออกจากคุกจากนั้นเขาก็หายตัวไป
น้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงชวนกันขึ้นแดนเหนือ กะไปลอบฆ่าแม่ทัพใหญ่เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เพื่อตัดกำลังการรบของเผ่าต๋าต๋าคู่แค้น ก้อพอดีไปเจอะแม่ทัพเนียตันที่เมืองต้าอัน ทั้งสามคนรวมมือกันสังหารจนตาย ก้อหนีกลับเข้าเมืองหลงทันที เตรียมกองกำลังบุกขึ้นแดนเหนือเพื่อเปิดศึกครั้งสุดท้าย
ระหว่างส่งสองแม่ทัพขึ้นไล่ตีชิงเมืองคืนมาได้เรื่อยๆ แม่ทัพเนียตันฝ่าฝืนคำสั่งนำทัพข้ามแม่น้ำหวงเหอออกไปไล่ตีข้าศึก เลยเจอะแผนลวงลอบฆ่า แม่ทัพเนียตันคราวนี้ดวงถึงฆาตได้ตายจริง จ้าวเฉาจึงอาสานำรบแทนแม่ทัพเนียตัน ปล่อยให้น้องโหยวเหมี่ยวดูแลเมืองหลวงแทน
เลยเจอะแผนหลีเหยียนที่รวมมือกับผิงซีนำอดีตฮ่องเต้จ้าวจั๋วตลบหลัง นำกองทหารเมืองหยางโจวกะปฎิวัติยึดเมืองหลวงแล้วจะนำฮองเฮามาเป็นตัวประกัน ดีที่น้องเหมี่ยวมีแม่ทัพถังฮุยปิดประตูเมืองชั้นในคอยต้านศึกไว้ ส่วนตัวน้องเหมี่ยวขี่มม้าถือป้ายระดมกองกำลังเสริมพิทักษ์มาช่วนตลบหลังตีกองทหารหยางโจวอีกที ถึงได้รักษาเมืองหลวงและฮองเฮาเอาไว้ได้
พี่หลี่จื้อเฟิงเปิดศึกสุดท้ายถล่มเมืองต้าอันได้ ถวายฎีกาขอนำทัพขึ้นเหนือตามสัญญาที่จ้าวเฉาให้ไว้ แต่จ้าวเฉากลับปฎิเสธแถมจะเรียตัวพี่หลี่จื้อเฟิงกลับเมืองหลวงอีกต่างหาก ทำให้น้องโหยวเหมี่ยวไม่พอใจทะเลาะกับจ้าวเฉาที่ตระบัดสัตย์ น้องโหยวเหมี่ยวยอมทำผิด แอบปลอมราชโองการอนุมัติให้พี่หลี่จื้อเฟิงนำทัพขึ้นเหนือได้ทันที กว่าจ้าวเฉาจะรู้เรื่องของกองทัพกับพี่หลีจื้อเฟิง ทั้งหมดก้อหายไปในแดนทางเหนือเรียบร้อย น้องโหยวเหมี่ยวโดนจ้าวเฉาซ่อมจนฟันหลุด พร้อจับเข้าคุกหลวง จ้าวเฉาออกตามล่าหาข่าวของกองทัพของพี่หลีจื้อเฟิง แต่กลับไร้ร่องรอย
หลายวันคืนผ่านไปพี่หลีจื้อเฟิงชนะศึก สามารถรวมเผ่าเฉวี่ยนหรงพร้อมได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แดนเหนือ พี่หลีจื้อเฟิงก้อนำทัพมากดดันจ้าวเฉาหน้าประตูเมือง เพื่อมารับน้องโหยวเหมี่ยวไปอยู่ด้วยกันที่แดเหนือตามที่ทั้งคู่สัญญาให้ไว้ต่อกัน...จบสุขสวัสดีคะ555
สรุปในสรุป555 กราฟชีวิตน้องโหยวเหมี่ยว มีเส้นกราฟชีวิตที่พุ่งสูงติดเพดานแล้วตกลงมาหัวปักพื้น แล้วก้อพุ่งขึ้นสูงแล้วก้อตกแบบสุดๆหลายรอบมาก แต่พอผ่านเคราะห์ร้ายก้อจะพลิกฟื้นกลับมาโชคดีอีก แต่ที่โชคดีสุดๆน่าจะเป็นการได้พบรักแท้รักเดียวกับพี่หลีจื้อเฟิง ที่เป็นสามีที่เก่งสุดๆ แทบจะเป็นซุปเปอแมนแล้ว รูปหล่อ หุ่นดี ฉลาด เก่งทุกอย่างแถมขยันทำการบ้านให้น้องอีกต่างหาก ที่สำคัญรักน้องเหมี่ยวคนเดียวจริงจัง ยังไม่นับว่าเป็นองค์ชายขอแดนเหนืออีกแต่สุดท้ายวันพักร้อนพี่หลี่จื้อเฟิงก็มีกำหนดสิ้นสุดสองหนุ่มคู่สามีภรรยาก็โดนตามกลับไปรับใช้สำนัก มีเพียงพี่หลี่จื้อเฟิงที่กลับกรมทหาร น้องเหมี่ยวยังขอพักร้อนต่อ ก็พอดีพี่สาวได้รับราชโองการรับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ส่วนพี่หลี่จื้อเฟิงก็รวมรายชื่อคนลงนามถวายฎีกาให้ปล่อยตัวแม่ทัพเนียตัน หลังเขาโดนปล่อยออกจากคุกจากนั้นเขาก็หายตัวไป
น้องโหยวเหมี่ยวกับพี่หลี่จื้อเฟิงชวนกันขึ้นแดนเหนือ กะไปลอบฆ่าแม่ทัพใหญ่เฮ่อมั่วเถี่ยเอ๋อร์เพื่อตัดกำลังการรบของเผ่าต๋าต๋าคู่แค้น ก้อพอดีไปเจอะแม่ทัพเนียตันที่เมืองต้าอัน ทั้งสามคนรวมมือกันสังหารจนตาย ก้อหนีกลับเข้าเมืองหลงทันที เตรียมกองกำลังบุกขึ้นแดนเหนือเพื่อเปิดศึกครั้งสุดท้าย
ระหว่างส่งสองแม่ทัพขึ้นไล่ตีชิงเมืองคืนมาได้เรื่อยๆ แม่ทัพเนียตันฝ่าฝืนคำสั่งนำทัพข้ามแม่น้ำหวงเหอออกไปไล่ตีข้าศึก เลยเจอะแผนลวงลอบฆ่า แม่ทัพเนียตันคราวนี้ดวงถึงฆาตได้ตายจริง จ้าวเฉาจึงอาสานำรบแทนแม่ทัพเนียตัน ปล่อยให้น้องโหยวเหมี่ยวดูแลเมืองหลวงแทน
เลยเจอะแผนหลีเหยียนที่รวมมือกับผิงซีนำอดีตฮ่องเต้จ้าวจั๋วตลบหลัง นำกองทหารเมืองหยางโจวกะปฎิวัติยึดเมืองหลวงแล้วจะนำฮองเฮามาเป็นตัวประกัน ดีที่น้องเหมี่ยวมีแม่ทัพถังฮุยปิดประตูเมืองชั้นในคอยต้านศึกไว้ ส่วนตัวน้องเหมี่ยวขี่มม้าถือป้ายระดมกองกำลังเสริมพิทักษ์มาช่วนตลบหลังตีกองทหารหยางโจวอีกที ถึงได้รักษาเมืองหลวงและฮองเฮาเอาไว้ได้
พี่หลี่จื้อเฟิงเปิดศึกสุดท้ายถล่มเมืองต้าอันได้ ถวายฎีกาขอนำทัพขึ้นเหนือตามสัญญาที่จ้าวเฉาให้ไว้ แต่จ้าวเฉากลับปฎิเสธแถมจะเรียตัวพี่หลี่จื้อเฟิงกลับเมืองหลวงอีกต่างหาก ทำให้น้องโหยวเหมี่ยวไม่พอใจทะเลาะกับจ้าวเฉาที่ตระบัดสัตย์ น้องโหยวเหมี่ยวยอมทำผิด แอบปลอมราชโองการอนุมัติให้พี่หลี่จื้อเฟิงนำทัพขึ้นเหนือได้ทันที กว่าจ้าวเฉาจะรู้เรื่องของกองทัพกับพี่หลีจื้อเฟิง ทั้งหมดก้อหายไปในแดนทางเหนือเรียบร้อย น้องโหยวเหมี่ยวโดนจ้าวเฉาซ่อมจนฟันหลุด พร้อจับเข้าคุกหลวง จ้าวเฉาออกตามล่าหาข่าวของกองทัพของพี่หลีจื้อเฟิง แต่กลับไร้ร่องรอย
หลายวันคืนผ่านไปพี่หลีจื้อเฟิงชนะศึก สามารถรวมเผ่าเฉวี่ยนหรงพร้อมได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แดนเหนือ พี่หลีจื้อเฟิงก้อนำทัพมากดดันจ้าวเฉาหน้าประตูเมือง เพื่อมารับน้องโหยวเหมี่ยวไปอยู่ด้วยกันที่แดเหนือตามที่ทั้งคู่สัญญาให้ไว้ต่อกัน...จบสุขสวัสดีคะ555
น้องเหมี่ยวจากเด็กบ้านโคตรรวย แต่ใช้ชีวิตเหลวไหลติดเพื่อนชอบเที่ยวเตร่ ใช้เงินล้างผลาญจนพ่อด่าแทบจะไล่ออกจากบ้าน มาสู่ชีวิตต้องต้องสู้ด้วยสองมือตัวเองพร้อมสามีที่มีแต่ตัวและหัวใจรักน้องเต็มเปี่ยม จนเข้าสู้เส้นทางมหาเศรษฐีด้วยตัวเอง จากนั้นก็มุมานะเล่าเรียนจนสอบเข้าราชสำนักด้วยผลสอบท็อปทรี ชีวิตกำลังเรืองรองก้อกลายเป็นคนสิ้นชาติ เพราะประเทศตัวเองแพ้สงครามและโดนยึดเมืองจากคนต่างเผ่า แต่ถึงร่ายกายอ่อนแอแต่ก้อรักศักดิ์ศรีมากกว่าจะยอมอยู่อย่างเสียเกียรติ โดนศัตรูทำร้ายรางกายเจียนตายก็พอดีสามีตามมาช่วยชีวิตทัน จากนั้นวางแผนกู้ชาติบ้านเมือง พร้อมเตรียมทุนสำรองและสเบียง ในการอุดหนุนการสู้ศึก ไหนจะวางแผนถอนตัวเองออกจากราชสำนักหนีตายจากความระแวงของฮ่องเต้และเหล่าขุนนางขี้อิจฉา เพื่อกลับไปใช้ชีวิตสุขสงบกับสามี คือแบบกว่าจะได้อยู่เงียบๆสองคนผัวเมีย นี่ก้อต้องพลัดพรากกับสามีไม่รู้ตั้งกี่รอบ...คืออ่านแล้วลุ้นตลอด เป็นนิยายที่เขียนได้สนุกมาก...ก ตัวละครทุกตัวก็ที่มาที่ไป จนคนชั่วในสายตาเรา เรายังเกลียดเขาไม่ลงเลย555 ไปอ่านนิยายฉบับเต็มเถอะคะ อ่านสนุกจนวางไม่ลงจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น