แลภูผาและนที…ชีวิตพลิกชะตาเปลี่ยน รวมคนดวงซวยมาช่วยกู้โลกของผู้บำเพ็ญ

แลภูผาและนที...เห็นแค่ชื่อก็นึกแนวเรื่องไม่ออก จนต้องซื้อนิยายมาอ่านเอง ถึงได้รู้ว่ามันเป็นนิยายแนวชีวิตวุ่นวายของพองเพื่อนเซียน ที่ชะตาชีวิตของแต่ละคนรันทดไม่แพ้กัน แต่ละคนก็มีข้อดีข้อด้อยคนละอย่าง แต่ทั้งสามคนกลับสามารถพึ่งพาและส่งเสริมกันได้เป็นอย่างดี จนกลายเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทฉายาแก็งค์สี่ทึ่มของสำนักศึกษาหนานยวน555

เฉิงเซียงเริ่นเป็นคนธรรมดาของโลกธรรมดาๆ อยู่ๆเขาดันทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ แถมยังเป็นโลกของผู้บำเพ็ญที่ต้องสู้กับเผ่ามาร แต่เขากลับไม่มีพลัง ระบบ หรือมิติอะไรติดตัวเลยสักอย่าง ความสามารถของเขาที่มีติดกายคือวิชาคำนวนบัญชีความรู้ของโลกเดิม555 ช่วงแรกที่เขามาอยู่ในโลกนี้ ก็รับสภาพไม่ได้ เขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมืองตงชวนที่อาศัยอยู่ก็เป็นเมืองเล็กแถบตะเข็บชายแดนฝั่งบูรพามีแต่ความแร้นแค้น และการสู้รบกับเผ่ามาร แต่เมื่อเขาเก็บเฉิงจู๋หลิวเด็กผู้ชายงดงามที่หมดสติเกยอยู่ริมน้ำได้ นับแต่นั้นเขาก็มีเป้าหมายในการสู้ชีวิตกลับ

เฉิงจู๋หลิวคือเด็กน้อย4ขวบที่เฉิงเซียงเริ่นช่วยชีวิตแล้วนำมาเลี้ยงดูผูกพันธ์จนเป็นน้องชายที่รัก เขาเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้น้องชายแปลว่าแม่น้ำ เพื่อเข้าคู่กับชื่อตัวเองที่แปลว่าภูเขา เฉิงเซียงเริ่นคนธรรมดาพยายามทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน กระทั่งงานงมศฟตามแม่น้ำที่แสนอันตราย เขาก้อยินดีรับทำ เพียงเพื่อหาเงินมาเลี้ยงน้องและอดออมสะสมไว้เป็นทุนในการเดินทางมาที่เมืองหนานยาง เพื่อให้น้องชายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านมา5ปีที่เฉิงเซียงเริ่นทำงานหาเงินทุกรูปแบบ แล้วพาน้องชายเดินทางผ่านความยากลำบากมากมายเพื่อมาที่เมืองหนานยาง

เฉิงเซียงเริ่นรู้ว่าสถานะนักศึกษาของสำนักศึกษาหนานยวนสำคัญต่อการใช้ชีวิตในเมืองหนานยางนี้ เพราะจะไม่มีใครกล้ามีปัญหากับนักศึกษาจากสำนักศึกษาหนานยวน พวกเขาจะได้รับสิทธิ์การคุ้มครองจากอธิการสำนักศึกษา และผู้ตรวจการประจำเมือง เพราะเมืองหนานยางคงความเป็นกลางไม่ขึ้นตรงกับใคร

เฉิงเซียงเริ่นคนธรรมดาแต่มีการศึกษาจากโลกเดิม ถึงไม่สามารถเข้าเรียนวิชายุทธ เพราะร่างกายไม่มีแก่นปราณ แต่เขาสามารถเข้าสอบคณะวิชาคำนวนได้ เฉิงเซียงเริ่นจึงทุ่มเทในการสอบจนสอบเข้าได้ แล้วลงหลักปักฐานซื้อบ้านหลังน้อยในตรอกเล็กๆใกล้สำนักศึกษา จากนั้นจึงหาอาชีพเสริมรายได้ด้วยการรับจ้างทำบัญชีให้หนิงฟู่หวนเถ้าแก่ประหลาดในร้านบะหมี่โทรมๆร้านหนึ่ง แถมเถ้าแก่ยังใจดีให้เขายืมกระบี่เก่าๆขึ้นสนิมไว้พกป้องกันตัว เพราะในแถวร้านบะหมี่เป็นโซนอันตรายมักมีพวกนักเลงตีกันเสมอๆ ไม่นานต่อมาเขาจึงได้มารู้จักกู้เสวี่ยเจี้ยงกับสวีหร่านที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิท

กู้เสวี่ยเจี้ยง แต่เดิมชื่อเขาคือฮวาเจียนเสวี่ยเจี้ยงคุณชายรองตกอับ ที่โดนทอดทิ้งจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง จากเดิมที่เป็นคนที่เจิดจรัส แปดขวบเข้าสู่มรรคาเกิดมาก้อเทพว่างั้น อายุสิบห้าก็เป็นผู้บัญชาการขวากองกำลังพิทักษ์เมือง เก่งทั่งบุ๋นและบู๊ เพราะวาดรูปเก่ง แต่งกลอนได้ดี แต่เพราะโดดเด่นเกินไป จึงโดนใส่ร้ายว่าเขาพัวพันกับเผ่ามาร แถมกลุ่มเพื่อนที่เคยสนิทก็หักหลัง จนเขาถูกจับกุมลงโทษ กระทั่งโดนพ่อตัวเองเป็นคนลงมือทำลายเส้นปราณยุทธ เพราะเขาไม่ยอมรับผิด ในที่สุดไม่มีหลักฐานความผิด เขาจึงโดนเนรเทศ กู้เสวี่ยเจี้ยงหลบมาที่เมืองหนานหยาง เพราะเขากลายเป็นคนธรรมดาแล้ว เขาจึงเปลี่ยนสายวิชามาเรียนสายธรรมชาติวิทยา มีอาชีพเสริมคือตั้งแผงรับวาดภาพเหมือน

สวีหร่านลูกสาวของแม่ทัพเลี่ยหยาง เพราะพ่อของนางเป็นคนซื่อตรงจึงโดนลวงตกลงในแผนร้าย โดนจับในข้อหากบฎ ถูกยึดทรัพย์และต้องโทษฆ่าล้างตระกูล เหลือรอดเพียงนางที่เป็นเด็กผู้หญิงและอายุน้อย สิ่งเดียวที่ตกกทอดในมือนางคือดาบคู่ดาบจ่านจิน ดาบต๋วนอวี้ ที่เป็นดาบประจำตระกูล นางเองจึงหลบหนีความวุ่นวายและอันตรายมาที่เมืองหนานหยาง สามารถสอบเข้าสำนักศึกษาหนานยวนในสายยุทธ โชคดีที่นางเป็นคนไม่ซับซ้อนไม่คิดมาก มักแก้ปัญหาด้วยกำลัง เพราะถึงนางเป็นผู้หญิง แต่พลังยุทธกลับกล้าแกร่งจนได้เป็นลูกพี่ เรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองเป็นรายได้ประจำ55(แต่กู้เสวี่ยเจี้ยงคิดว่านางโง่ของจริง555)

ที่เฉิงเซียงเริ่นได้คบกับสองคนนี้ เป็นเพราะว่าเฉิงจู๋หลิววัยเก้าขวบไปยืนรอรับเขาที่หน้าสำนักศึกษาหนานยวน เลยทำให้แก็งคุณชายเสเพลติดใจในความงามของเฉิงจู๋หลิว จนตามไปขอซื้อเฉิงจู๋หลิวคนงามจากเฉิงเซียงเริ่น แต่เจอะเขาปฎิเสธ เฉิงเซียงเริ่นเลยจะโดนรุมซ้อม สวีหร่านมาเห็นเลยจึงเข้ามาขวางไว้ พร้อมกู้เสวี่ยเจี้ยงที่เข้ามาช่วยข่มขู่แก็งค์คุณชายบ้ากามโดยบังเอิญ เลยทำให้สามคนนี้กลายเป็นเพื่อนกัน จากนั้นเฉิงเซียงเริ่นจึงห้ามเฉิงจู๋หลิวออกนอกบ้าน แต่เขาจะเป็นคนซื้ออาหารและของใช้เข้าบ้านเอง 

เฉิงเซียงเริ่นเป็นคนสอนหนังสือน้องชายเอง พร้อมยืมหนังสือจากห้องสมุดมาให้เฉิงจู๋หลิวอ่านอยู่ในห้อง กลางวันเฉิงจู๋หลิวจะทำอาหารเที่ยงให้พี่ชายพร้อมเพื่อนอีกสองคนที่ตามมากินข้าวด้วยกัน ตกเย็นเฉิงจู๋หลิวจะทำอาหารเย็นรอพี่ชายกลับมากิน ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงกับสวีหร่านก็ช่วยออกค่ากับข้าวและผลัดกันช่วยล้างจานตามประสาเพื่อนจนๆ555 เฉิงเซียงเริ่นขยันทำงานอดออม เป้าหมายเพื่อเก็บเงินจะส่งน้องชายเรียนในสำนึกศึกษาหนานยางสาขาพยากรณ์

ชีวิตของเฉิงเซียงเริ่นเริ่มดำเนินด้วยความสงบราบรื่นได้ไม่นาน ชีวิตเฉิงเซียงเริ่นกับกู้เสวี่ยเจี้ยงก็พลิกกลับเมื่อเถ้าแก่ร้านบะหมี่กลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับสูงของสำนักเจี้ยนเก๋อ แถมยังเป็นศิษย์ทรยศลงมือฆ่าอาจารย์แล้วชิงกระบี่เทพประจำตัวอาจารย์หลบหนีออกจากสำนัก และขณะนี้ร้านบะหมี่กำลังโดนถล่ม ด้วยน้ำมือศิษย์น้องซ่งเจวี๋ยเฟยที่ธาตุไฟแตกกลายเป็นนักโทษแหกคุก ที่ตามมาล้างแค้นเถ้าแก่ หนิงฟู่หวนจับเฉิงเซียงเริ่นมาตบหลังคลายล๊อคที่สกัดเส้นลมปราณทั้งร่างเขาออก พร้อมถีบเขาออกไปสู้กับซ่งเจวี๋ยเฟยด้วยกระบี่เก่า ที่เขามารู้ที่หลังว่ามันคือกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้เทพศัตราคู่กายของอาจารน์หนิงฟู่หวน ส่วนหนิงฟู่หวนที่หลบหลังครัวใช้กู้เสวี่ยเจี้ยงให้เอาเข็มทองของเขา มาปักตามจุดลมปราณที่หลังเพื่อต่อเส้นลมปราณที่ขาด จากนั้นไปขุ้ยกระบี่คู่กายอิ้งเสวี่ยจากในลังผัก 

ซ่งเจวี๋ยเฟยตอนนี้ขาพิการต้องนั่งรถเข็นเพราะใช้วิชาเร้นโลหิตครั้งก่อนเพื่อหลบหนีฉู่หลันชวนผู้ตรวจการเมือง แต่ยังมีพลังทำร้ายสูงเลยทำให้ฉู่หลันชวนผู้ตรวจการเมืองจับสัญญาณได้เลยนำกองกำลังมาตามจับซ่งเจวี๋ยเฟย หนิงฟู่หวนกลัวศิษย์น้องจะโดนจับอีก เลยหนีไปอีกทางด้วยการใช้เลยกระบี่อิ้งเสวี่ยฉีกอาคมที่ครอบเมืองหนานยางหลบหนีไปอีกทาง ก่อนหนีไปหนิงฟู่หวนมอบเข็มทองเวทเล่มหนึ่งให้กู้เสวี่ยเจี้ยงใช้เป็นต้นแบบ เพื่อจะได้รักษาเส้นลมปราณที่ขาดสบั้นของกู้เสวี่ยเจี้ยงเอง

ไม่พอหลังคืนนี้ที่เฉิงเซียงเริ่นกลับบ้าน กลับพบองค์รักษ์ลับสิบนายที่อยู่ล้อมบ้านเขา เฉิงจู๋หลิวมีฐานะที่แท้จริงคือทายาทสายตรงของใต้เท้าราชเลขา เขาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิที่ตอนนี้เริ่มเลอะเลือนแล้ว เฉิงเซียงเริ่นเสียใจแต่หลังจากคิดไปหนึ่งวัน เขาก้อตัดใจที่จะส่งเฉิงจู๋หลิวกลับไปสู่ฐานะเดิม เพราะเฉิงเซียงเริ่นคิดว่าเขาคงไม่อาจมอบสิ่งที่ดีให้เฉิงจู๋หลิวได้เท่าทางนั้น ชีวิตของเฉิงเซียงเริ่นก้อเปลี่ยนไป

หลังโดนคลายล๊อค พลังปราณของเฉิงเซียงเริ่นเป็นที่เล่าลือ ว่าเขาเข้าสู่มรรคภายในคืนเดียว จนไม่ได้เรียนวิชาคำนวนแล้ว หูอี้จือที่เป็นรองอธิการบดีรับเขาไปดูแลแต่ไม่ได้สอน กลับให้เขาเข้าหอสมุดเพื่อค้นหาตำราวิชากระบี่ที่ใช่ของตัวเองแทน เวลาผ่านไอีกนานหลังเฝ้าอ่านตำรากระบี่ในหอสมุด วันหนึ่งเขาก็พบตำรากระบี่เจี้ยนเจียงซาน วิชากระบี่ที่เหมาะกับตัวเอง ก่อนที่หนิงฟู่หวนจะจากไป นอกจากมอบเงินให้สองร้อยตำลึง โฉนดร้านค้าและหยกย้อมสีห้อยเอวแล้ว ยังให้เฉิงเซียงเริ่นดูแลกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ไปก่อน ดังนั้นเฉิงเซียงเริ่นจึงหาตำรากระบี่ของสำนักเจี้ยนเก๋อ และนิสัยเขาก็เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนเป็นคนอดทน เย็นชา ไม่ตอบโต้ผู้อื่น เพราะเกรงว่าจะไปทำร้ายอนาคตของเฉิงจู๋หลิว แต่ตอนนี้น้องชายจากไปไกลแล้ว เขาจึงสวนกลับทุกคนที่มาหาเรื่องเขา จนทำคนหน้าแหกไปตามๆกัน เงินที่เก็บไว้มากมายก็เอามาเลี้ยงข้าวเพื่อนแทน จนเพื่อนสองคนน้ำตาจะไหลสงสารเฉิงเซียงเริ่นที่ดูใจสลายมาก

คนทั่วไปมักคิดกู้เสวี่ยเจี้ยงมักติดยาสูบ ที่จริงเขาใช้มันบรรเทาความเจ็บปวดจากเส้นลมปราณที่โดนทำร้าย จนวันหนึ่งกู้เสวี่ยเจี้ยงไปโรงหมอ แล้วเจอะหลินตู้จือโดยบังเอิญ เพราะหลินตู้จือเห็นใบสั่งยาของกู้เสวี่ยเจี้ยงที่มีตัวยาเป็นพิษ เลยจับเขามานั่งคุยเลยทำให้ทั้งคู่คุยถูกคอในเรื่องวิชาแพทย์ แต่เพราะหลินตู้จือเป็นเด็กมาจากแดนไกลจากเกาะเผิงไหล เขาจึงไม่ค่อยชอบคุยกับคนอื่น แต่เพราะเขามีแก่นปัญญาจึงโดดเด่นเป็นผู้รอบรู้ แต่ได้คุยกับกู้เสวี่ยเจี้ยงกลับคุยถูกคอจนติดลมแทน พอโดนถามชื่อเขากลับเผลอพูดภาษาถิ่นเป็นหลินลู่ ด้วยความอายเลยหลบหนีหน้ากู้เสวี่ยเจี้ยงแทน ทำเอากู้เสวี่ยเจี้ยงไม่รู้จะไปตามหาหลินตู้จือจากที่ไหน

แต่เฉิงเซียงเริ่นรู้จักหลินตู้จือโดยบังเอิญครั้งหนึ่งเพราะเรื่องยืมหนังสือให้น้องชาย แต่เขาไม่รู้จักหลินลู่ เลยไปตามสืบจนพบหลินตู้จือที่ชอบหลบมาอ่านหนังสือตรงป่าร้างที่เฉิงเซียงเริ่นมาฝีกกระบี่ กู้เสวี่ยเจี้ยงเลยตามมาดักพบเลยเจอะหลินตู้จือ พร้อมบอกว่าตัวเขาก็พูดภาษาเผิงไหลได้ ทำใหหลินตู้จือหายเขินแต่นิสัยเขากลับเข้ากันได้ดีกับแก็งค์ได้สบายๆ กู้เสวี่ยเจี้ยงชอบเรียกเขาว่าหลินลู่มากกว่า เขาชอบกวางอิอิ(คู่นี้น่ารักอะ) จากนั้นหลินตู้จือก็ได้เป็นสมาชิกถาวรแก็งค์สี่คนทึ่มแห่งสำนักศึกษาหนานยวน

จนถึงปีนี้มีแข่งของสองสำนักศึกษา โดยสำนักศึกษาหนานยวนจะเป็นเจ้าภาพ ส่วนสำนักศึกษาเป่ยหลันจะเดินทางมาจากเมืองหลวง มีการจับกลุ่มทีมละ4คนเพื่อลงแข่งวิชาบุ๋นบู๊ ตอนแรกหลินตู้จือไม่ยอมลงแข่งเพราะอายว่าตัวเองจะหลุดพูดเหน่อบ้านนอกออกมาตอนแข่ง สวีหร่านเลยไปหาคนมาเติมให้ครบทีม แต่เจอะจงเที่ยนอวี้ที่เป็นคุณชายตระกูลจงที่มีเรื่องกับกู้เสวี่ยเจี้ยงมาก่อน มันวางแผนให้คนนั้นถอนตัวตอนที่ใกล้จะหมดเวลาลงสมัคร แต่โชคดีมีหลินตู้จือมาช่วยในนาทีสุดท้าย

ที่พวกเขาอยากลงแข่งเพราะเงินล้วนๆ555 ถ้าติด3อันดับแรกได้เงิน500ตำลัง ติดใน20อันดับได้เงิน300ตำลึง ตอนนี้เฉิงเซียงเริ่นเริ่มหาดูบ้านใหม่ของพวกเขาที่จะอยู่รวมกัน4คน ถ้าได้รางวัลบวกเงินเก็บของพวกเขาและเงินชนะพนันก้อจะมีเงินพอกว้านซื้อบ้านหลังใหญ่ๆในทำเลดีๆ

ในการแข่งคัดเลือกทีมตัวแทนของสำนักศึกษาหนานยวน จับคู่สายยุทธสวีหร่านกับเฉิงเซียงเริ่น ชนะใสๆเข้ารอบ สายบุ๋นจับคู่กู้เสวี่ยเจี้ยงกับหลินตู้จือ แค่คำตอบของหลินตู้จือก็ได้100คะแนนเต็ม รอบรองยังคงชนะได้ไม่ยาก

เมื่อสำนักศึกษาเป่ยหลันเดินทางมาถึงเมืองหนานยาง แก็งสี่ทึ่มปีนหลังคามาดูขบวนนักศึกษาเป่ยหลันที่โดดเด่น ก็มีกู้เสวี่ยเจี้ยงเป็นคนอธิบายพร้อมหนังสือบันทึกลับ ที่เขาพิมพ์ออกมาขาย ในนั้นเขียนถึงประวัติที่มาและความลับคนในสำนักศึกษาเป่ยหลันที่โด่งดัง55 เขาทำเพื่อหาเงินซื้อบ้าน555 กู้เสวี่ยเจี้ยงเจอะอริตัวพ่อครบ หยวนซ่างฉิวผู้พี่ผู้ขี่ลาต้าฮวา หยวนซย่าสั่ว ฟู๋เคอจี่ ชิวเป่ย F4แห่งเป่ยหลัน555

องค์หญิงเวินเล่อมาดูการแข่งขันของสองสำนักศึกษาในครั้งนี้ด้วย แต่นางชอบปลอมตัวเป็นคนธรรมดาเที่ยวซื้อของลองชิมอาหารแปลกใหม่ จนนางเห็นคนที่คล้ายองค์ชายห้า พี่ชายมีชะตาเป็นดาวจักรพรรดิที่ตายไปแล้ว นางจึงรีบวิ่งตามไปจนเจอะเฉิงเซียงเริ่น แต่นางผิดหวังเพราะเฉิงเซียงเริ่นจำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเฉิงเซียงเริ่นไม่รู้ตัวเลยว่าเขามีโอกาสเจอะกับองค์หญิงเวินเล่อ

ก่อนถึงวันแข่งขันทีมสี่ทึ่มไปกินเลี้ยงที่เหลาจนเมามายร้องเพลง โดยเฉพาะกู้เสวี่ยเจี้ยงที่ปากเสียพูดถึงฟู๋เคอจี่ว่าเขาไม่ตั้ง เลยเจอะแก็ง4Fเป่ยหลันที่กินดื่นที่นี้ได้ยินเข้า เลยเป็นการปะทะครั้งแรกของสองกลุ่ม และทำให้ฟู๋เคอจี่เจอะกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้อาวุธเทพของสำนักตัวเองอยู่ในมือของเฉิงเซียงเริ่น และโจทย์เก่ากู้เสวี่ยเจี้ยงที่ยังมีแค้นกับฟู๋เคอจี่ที่จับคู่หยวนซ่างฉิว แต่ยังไม่ทันตีกันไปมากกว่านี้ หยวนซย่าสั่วก็เข้ามาเคลียร์จ่ายค่าเสียหายให้ทางร้านหมดแล้ว เพราะกฎก่อนเริ่มแข่งขันห้ามนักศึกษาสองสำนักมีเรื่องกัน

เมื่อถึงเวลาเปิดการแข่งขันศัตรูของกู้เสวี่ยเจี้ยงที่เมืองหลวงมากันครบเลย ครั้งแรงมีแข่งตีคลีโดยมีแก็งค์เพื่อนเหี้ยจากเมืองหลวงจงเทียนจิ่ง ไป๋อวี้เจวี๋ย จางสวี่ ลู่ฉิวมาเป็นตัวแทนสำนักศึกษาเป่ยหลัน ส่วนสำนักศึกษาหนานยวนนั่นคนเล่นตีคลีแทบไม่มี โจวเหยียนศิษย์พี่มาตามกู้เสวี่ยเจี้ยงให้ลงแข่ง แต่กู้เสวี่ยเจี้ยง)ปฎิเสธเพราะสภาพร่างกาย แต่เขาจะเป็นผู้ฝึกสอนให้ ทำให้ทีมของโจวเหยียนพอใจ

ในวันแข่งจริงทั้งม้าทั้งคนแข่งจากเป่ยหลันล้วนใช้ผู้แข่งอาชีพ ทำให้ สำนักศึกษาเป่ยหลันนำไป2ลูกรัว ถ้าได้ออีกลูกก็ปิดเกม ทั้งยังโดนพวกจงเทียนจิ่งเย้ยหยันอีก ทำให้คนในสำนึกศึกษาหนานยวนรู้สึกท้อแท้ กู้เสวี่ยเจี้ยงให้หลินลู่ช่วยฝังเข็มต่อเส้นปราณด่วยเพราะต้องลงไปแก้เกม โดยมีเฉิงเซียงเริ่นเป็นคนตัดเกมช่วยกู้เสวี่ยเจี้ยงตีแต้มขึ้นมา1ลูก เกมพลิกจนเสมอ2ต่อ2 จงเทียนจิ่งขี่ม้าไปบอกให้เฉิงเซียงเริ่นล้มเกม เลยเจอะเฉิงเซียงเริ่นด่าประจานแทนและเกมจบที่สำนึกศึกษาหนานยวนชนะ3ต่อ2 กู้เสวี่ยเจี้ยงกับเฉิงเซียงเริ่นเป็นดาวขึ้นมา (ในระหว่างแข่งเฉิงเซียงเริ่นก็มีเศษความทรงจำว่าร่างนี้เคยลงแข่งตีคลีแว่บๆเข้ามา)

หลังจบแข่งทั้งสองทีมต่างได้รับบาดเจ็บ การแข่งขั้นต่อไปจึงเลื่อนออกไปอีกสองวัน เฉิงเซียงเริ่นกลับบ้านไปพัก คืนนั้นเขาฝันถึงน้องชายสุดที่รักอยู่ท่ามกลางหมอก แต่ว่าทำไมน้องชายถึงสูงโตขึ้นมาก 

ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงไปพบองค์หญิงเวินเล่อ เพราะผู้ชนะจะได้ของขวัญจากนาง (ที่จริงทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่องค์หญิงเวินเล่อยังเด็กน้อยมาก จนนางเติบโตมาก็แอบหลงรักกู้เสวี่ยเจี้ยง ซึ่งกู้เสวี่ยเจี้ยงเองก็รู้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด สงสัยเขากลัวสมรสพระราชทานเลยวันๆเอาแต่คลุกอยู่บนเรือสำราญกับหญิงงามตลอด) ของที่ได้พระราชทานมาคือดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินดาบคู่กายของเขา ดาบดีที่องค์จักรพรรดิเป็นผู้มอบให้เขาตอนเป็นขุนนาง 

กู้เสวี่ยเจี้ยงได้มีโอกาสขอร้องให้ชิวเป่ยทายาทช่างหลอมวังหลวงให้ช่วยทำเข็มทองเวทย์ให้ แลกกับสัญญาจะตอบแทนในอนาคต พอกลับมาเขาก็มอบดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินให้หลินลู่เป็นคนเก็บไว้ จนกว่าเขาจะหายดีถึงจะมาขอดาบคืนจากกวางน้อยอิอิ

แข่งรอบต่อไปของสายยุทธมีการเปลี่ยนกฎ ไม่ต้องจับคู่แต่ใช้วิธีตะลุมบอนกันบนแท่นต่อสู้กลางลาน วัดจากผู้รอดคนสุดท้ายที่สามารถยืนหยัดอยู่บนแท่นจนหมดเวลาต่อสู้ กู้เสวี่ยเจี้ยงพยายามวางแผนการสู้ให้สวีหร่าน ส่วนเฉิงเซียงเริ่นหลังเข้าสู่ผู้บำเพ็ญวิถีกระบี่ เขาก้อฝึกกระบี่ในห้วงจิตทุกคืน แถมพลังบำเพ็ญก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ถึงวันประลอง ดังคาดที่ฟู๋เคอจี่เล็งเป้ามาที่เฉิงเซียงเริ่นโดยเฉพาะ ปราณกระบี่เคอจี่ของฟู๋เคอจี่ทำให้กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ในมือของเฉิงเซียงเริ่นเปล่งเสียงออกมา จนผู้ตรวจการฉู่หลันชวนรับรู้ถึงการปรากฎของกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ ในแท่นต่อสู้สวีหร่านเจอะคนรุมโจมตีนาง เพราะนางแข็งแกร่งจึงโดนกลยุทธใช้คนมากสกัดนางให้ตกรอบ แท่นเวทีที่ฟู๋เคอจี่สู้กับเฉิงเซียงเริ่นก้อเหลือแค่พวกเขาสองคน เพราะปราณแรงกล้าของกระบี่เคอจี่ที่โจมตีใส่กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ ทำให้ไม่มีใครเหลือรอดบนเวที เว้นสองคนนี้ที่ยังฟาดฟันกันไม่ยั้ง 

เพราะฟู๋เคอจี่เข้าสู่มรรคก่อนเฉิงเซียงเริ่นหลายปี แถมยังมีอาจารย์ชี้แนะให้ทะลุผ่านด่านต่างๆอย่างเป็นขั้นตอน ย่อมกดดันเฉิงเซียงเริ่นที่เพิ่งเข้าสู่มรรคากระบี่ได้ไม่กี่เดือน แต่เฉิงเซียงเริ่นก้อสู้ด้วยแรงใจที่ไม่ยอมแพ้ กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้เองก้อรับรู้ถึงพลังของเขา เฉิงเซียงเริ่นจึงยังไม่พ่ายแพ้แถมสร้างบาดแผลให้ฟู๋เคอจี่ได้ จนกระทั่งใกล้จะหมดเวลา สวีหร่านรีบพุ่งเข้ามาแล้วใช้ดาบคู่ช่วยเฉิงเซียงเริ่นต้านฟู๋เคอจี่ แต่หยวนซ่างฉิวก้อพุ่งตามมาใช้กระบี่ชิงอวี่จัดการสวีหร่าน จนนางต้องเหวี่ยงดาบเล่มหนึ่งสกัด จนนาทีสุดท้ายหยวนซ่างฉิวผนึกพลังส่งฟู๋เคอจี่ทำไปลงที่แท่นเวทีที่หมายตา เฉิงเซียงเริ่นเองก้อส่งกำลังเหวี่ยนสวีหร่านไปอีกแท่นเวทีที่ว่าง ทำให้ทั้งสี่คนได้เป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนแท่นเวทีประลอง ทำให้การประลองครั้งนี้เป็นที่กล่าวขานไปอีกนาน 

จบการประลอง เฉิงเซียงเริ่นที่สบักสะบอมจากการประลองก็ได้รับดูแลรักษาที่โรงหมอ เพราะอาการบาดเจ็บหนัก กู้เสวี่ยเจี้ยงสั่งให้สวีหร่านนั่งเฝ้าเขาห้ามออกห่างตัวเฉิงเซียงเริ่นเด็ดขาด แหมจะได้ยินข่าวอะไรมาก้อห้ามทิ้งเขาไว้คนเดียว ส่วนตัวเฉิงเซียงเริ่นที่สลบไปก็ฝันถึงเฉิงจู๋หลิวอีกครั้ง

ตอนบ่ายกู้เสวี่ยเจี้ยงกับหลินลู่ต้องไปประลองสายบุ๋นต่อ ระหว่างการเขียนข้อสอบก็มีเพลิงไหม้ที่อาคารที่กู้เสวี่ยเจี้ยงทำการสอบ มีคนวิ่งผ่านมาบอกสวีหร่าน จนนางเกือบจะวิ่งไปดูด้วย แต่นึกถึงคำพูดของกู้เสวี่ยเจี้ยง นางจึงแผ่ญาณหยั่งรู้ออกสำรวจ ก็พบมีคนเป็นสิบกำลังล้อมเข้ามาที่ตึกนี้ ก็พอดีเฉิงเซียงเริ่นได้สติตื่นมา เขาเริ่มรับรู้ว่ามีคนแฝงกายลอบเข้ามา จึงส่งสัญญาณให้สวีหร่านเตรียมพร้อม แต่ฟู๋เคอจี่ที่พกกระบี่เคอจี่มาเยี่ยมและนั่งเป็นเพื่อน พร้อมกดดันให้พวกนั่นถอยกลับออกไป ฟู๋เคอจี่นั่งรอจนมั่นใจถึงจะกลับ แต่เขายังยืนยันกับเฉิงเซียงเริ่น ว่าเขาจะเอากระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้กลับคืนสู่สำนักเจี้ยนเก๋อ 

แก็งค์เพื่อนเหี้ยจากเมืองหลวงจงเทียนจิ่ง ไป๋อวี้เจวี๋ย จางสวี่ ลู่ฉิวรวมหัวกันวางแผนฆ่าเฉิงเซียงเริ่นเพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกู้เสวี่ยเจี้ยง ถ้ากู้เสวี่ยเจี้ยงตายเฉิงเซียงเริ่นต้องตามมาแก้แค้น ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงที่ต้องสอบในอาคารไม้ ก็สั่งให้ผู้เข้าแข่งที่ลูกน้องตัวเองพกยันต์ไฟทำให้เป็นเหตุเพลิงไหม้ โชคดีที่ถึงไฟจะลามไหม้เร็วแต่ว่าอาจารย์คุมห้องสอบสามารถเก็บคำตอบของทุกคนไว้ได้555 ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงที่โดนล้อมด้วยไฟก้อกระโดดออกจากหน้าต่างที่มีหลินตู้จือกางแขนรอรับ(คู่นี้น่ารัก กู้เสวี่ยเจี้ยงชอบชวนหลินลู่นอนกลางวัน เวลากินข้าวก้อตักกับข้าวใส่ถ้วยน้องกวางตลอด แถมทะนุถอมไปไหนตัวติดกันตลอด จนสวีหร่านหมั่นไส้จนอยากถีบ555)

หลังผ่านไปอีกหลายวันผลสอบของสายบุ๋นออกมากู้เสวี่ยเจี้ยงได้95แต่เพราะคนที่สอบที่อาคารไฟไหม้จะได้คะแนนบวกเพิ่ม10คะแนนของกู้เสวี่ยเจี้ยงจึงเป็น105คะแนน ส่วนหลินลู่ได้85คะแนน

แก็งค์เพื่อนเหี้ยจากเมืองหลวงคิดแผนชั่วอีกครั้ง เพราะกลัวกู้เสวี่ยเจี้ยงจะรักษาเส้นลมปราณที่ขาดได้ แล้วเขาจะกลับมาล้างแค้นพวกมัน จงเทียนจิ่งตัวดีเลยจะจัดงานเลี้ยงหงเหมินหลังจบการแข่งขั้นของสองสำนักนี้ก่อน

เฉิงเซียงเริ่นมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นไปอีก ถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับคณะบัญชีที่เฉิงเซียงเริ่นลงเรียนอยู่ยิ่งนัก5555 เฉิงเซียงเริ่นสังเกตุได้ว่าตัวเองกำลังจะผ่านอีกด่านมรรคาแล้ว ก็ถึงวันจับสลากของสายยุทธที่ดเหลือผู้เข้าแข่ง34คน จากการประลองแบบตะลุมบอน  เพื่อนัดคู่ประลองรอบต่อไป และสวีหร่านจับฉลากได้หยวนซ่างฉิว ส่วนเฉิงเซียงเริ่นจับได้ศิษย์พี่สำนึกเดียวกัน (เลยโดนเหล่าศิษย์พี่มากล่อมให้ล้มมวย เพื่อให้ศิษย์พี่ได้ชนะไปง่ายๆ เลยเจอะเฉิงเซียงเริ่นสวนศิษย์พี่ ว่าแพ้ชนะให้วัดที่ฝีมือ)

ส่วนสายบุ๋นกู้เสวี่ยเจี้ยงกับหลินลู่จับได้คู่ต่อสู้ธรรมดา แต่หยวนซย่าสั่วจับฉลากได้ชิวเป่ย เลยต้องมาสู้กันเอง

การประลองครั้งนี้สวีหร่านมีความกลัวหยวนซ่างฉิวในใจลึกๆ แม้ว่ากู้เสวี่ยเจี้ยงจะศึกษาเคล็ดวิชามาใช้แก้เกมกระบี่ชิงอวี่ของหยวนซ่างฉิว แต่เมื่อเริ่มแข่งสวีหร่านที่ใช้ดาบคู่จ่านจินกับดาบต๋วนอวี้ตามแผน แต่หยวนซ่างฉิวกลับใช้แค่ปราณกระบี่มาสู้ยังทำให้นางบาดเจ็บ จนนางต้องสู้แบบทุ่มสุดตัวแล้วแต่กลับไม่อาจเอาชนะหยวนซ่างฉิวได้ โดยเฉพาะเมื่อหยวนซ่างฉิวใช้กระบี่ชิงอวี่ สวีหร่านก็พ่ายแพ้ทันที แถมยังโดนหยวนซ่างฉิวเยาะเย้ยที่นางแพ้ เพราะนางเป็นหญิง เส้นปราณยุทธเล็กบางกว่าของผู้ชาย นางถึงไม่สามารถใช้ดาบคู่ทั้งสองมือในคราวเดียว ทำให้ดาบคู่จ่านจินกับดาบต๋วนอวี้ไม่สามารถระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาได้ ดังนั้นเวลานางสู้ถึงใช้ดาบได้ที่ละเล่ม หยวนซ่างฉิวกลายเป็นบาดแผลในใจของสวีหร่าน

หลินลู่ต้องลงแข่งโต้วาทีแต่เขาพูดไม่เก่งเลยวางยาตัวเองจนคอเจ็บพูดไม่ได้ แล้วใช้วิธีเขียนตอบโต้เอา จนชนะผ่านเข้ารอบไปได้

ใกล้ถึงคิวที่เฉิงเซียงเริ่นต้องลงสนามแข่ง แต่วันที่เขาไปหอตำรา จู่ๆเขาก้อรู้สึกว่าต้องผ่านด่านแล้ว เลยนั่งทำสมาธิเตรียมรับด่านที่จะมาถึง ผู้คุมหอตำราประจำชั้นเริ่มจับความผิดปกติได้ เลยจัดการกางเวทคุ้มกันเฉิงเซียงเริ่นและหอตำราไปด้วย ส่วนคนที่มาหอตำราเลยรู้ข่าวที่เฉิงเซียงเริ่นเข้าสู่ภาวะผ่านด่านต่อหน้าผู้คน นับเป็นการผ่านด่านแบบเปิดเผยสุดๆ

ในห้วงสมาธิของเฉิงเซียงเริ่นเขากลับเห็นตัวเองอยู่ที่เมืองหลวง เป็นคนทำบัญชีให้ใต้เท้าท่านเลขาธิการ แถมเขายังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนเลี้ยงให้กลายเป็นคนขี้เกียจแต่มีความสุขในจวนใต้เท้าท่านเลขาธิการ แถมสุดท้ายเขาเริ่มจับได้ว่าท่านเลขาธิการก็คือเฉิงจู๋หลิว เขาเริ่มได้สติ จึงพูดตัดไมตรีเฉิงจู๋หลิวในฝันว่าอย่าได้มาเข้าฝันเขาอีกต่อไป เขาก็ฟื้นทะลุด่านได้สำเร็จ

แต่ว่าการกระทำของเฉิงเซียงเริ่น เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เฉิงจู๋หลิวที่ใช้วิชาแยกวิญญาณ ทำให้เฉิงจู๋หลิวมีสองตัวตน ตัวตนที่แข็งแกร่งกลายเป็นเฉาเกอเชวี่ย ส่วนตัวตนที่อ่อนแอกว่าคือเฉิงจู๋หลิว และตอนนี้เฉิงจู๋หลิวแพ้จึงโดนเฉาเกอเชวี่ยผนึกวิญญาณไว้

ตอนนี้อันดับของสายยุทธชื่อของเฉิงเซียงเริ่นอยู่อันดับสาม มีฟู๋เคอจี่กับหยวนซ่างฉิวเป็นอันดับ1และ2 ส่วนหลินลู่เจอะสารท้าจากหยวนซย่าสั่ว ด้วยการแข่งหมากกระดานที่หยวนซย่าสั่วชำนาญ แต่น้องกวางสู้ตายไม่กลัว

ก่อนการแข่งหยวนซย่าสั่วมาหาพวกเฉิงเซียงเริ่น เพื่อจะยื่นข้อเสนอให้พวกเขาเป็นพันธมิตรกับตระกูลของหยวนซย่าสั่ว ถ้าเฉิงเซียงเริ่นตกลงข้อเสนอ เขาจะช่วยให้เฉิงเซียงเริ่นชนะการแข่งขันนี้ แต่ถ้าปฎิเสธเขาจะช่วยฟู๋เคอจี่ชิงกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้จากมือของเฉิงเซียงเริ่น และเฉิงเซียงเริ่นปฎิเสธหยวนซย่าสั่ว

พวกเฉิงเซียงเริ่นชนะการพนันมาได้เงินจนซื้อไล่ซื้อบ้านมาสี่หลังแล้วทุบกำแพงให้กลายเป็นพื้นที่บ้านหลังเดียวขนาดใหญ่ถึงครึ่งซอยเลยเชียว ตอนนี้กลับมีปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกโฉนดเป็นบ้านหลังเดียว เพราะพื้นที่บ้านใหญ่เกินฐานะเฉิงเซียงเริ่น แต่องค์หญิงเวินเล่อมาแก้ปัญหาด้วยการประทานป้ายชื่อบ้านให้ ทำให้ท่านผู้ว่าหมดคำจะแย้งได้แต่มาจุดประทัดแสดงความยินดีแทน555

ในวันแข่งหมากกระดาน น้องกวางเก่งมาก หยวนซย่าสั่ววางหมากที่มีปราณแห่งการฆ่าฟันเพื่อกดดันหมากในกระดานดั่งทำสงครามเพื่อกดดันน้องกวาง จนต้นไม้ใบหญ้ารอบๆตัวเหี่ยวเฉ่าทันที แต่น้องกวางสายพุทธะค่อยๆวางหมากสู้กลับได้ จนหยวนซย่าสั่วลงวางหมากเพลิน จนฝั่งตัวเองจำนวนหมากหมดก่อน เป็นครั้งแรกที่หยวนซย่าสั่วแพ้หมาก จนทำลายความมั่นใจของเขาอย่างแรง นับจากนั้นหยวนซย่าสั่วไม่ยอมแตะหมากกระดานอีกเลย การแข่งหมากกระดานนี้นับเป็นการแข่งขันที่ไม่สามารถหาใครมาประลองได้แบบนี้อีกแล้ว เหล่าอาจารย์รีบเข้ามาคัดลอกตำแหน่งหมากอันมหัศจรรย์นี้กันใหญ่

ถึงวันนัดประลองยุทธรอบสุดท้าย ฟู๋เคอจี่เลือกสถานที่เป็นสระไท่เยี่ยน ตอนนี้เฉิงเซียงเริ่นคือสายยุทธที่ตำแหน่งดีสุดของสำนึกศึกษาหนานยวน เลยทำให้เหล่าเพื่อนคณะบัญชีพากันลงทุนทำเสื้อคลุมปกเวทคุ้มครองให้เฉิงเซียงเริ่นใส่ลงแข่ง คือแพ้ไม่เป็นไรขอแค่อย่าตายเป็นพอ555 วันนี้คนดูมีมากมายรวมถึงพวกตระกูลใหญ่ๆที่มาดูคนที่เก่งกาจ ถ้าเข้าตาจะได้สอยมาเป็นพวกได้ 

เฉิงเซียงเริ่นยืนบนเรือที่พายไปที่กลางสระ พร้อมฟู๋เคอจี่ที่รออยู่ เฉิงเซียงเริ่นลงมือก่อน แต่ฟู๋เคอจี่รับกระบวนท่าได้พร้อมโต้กลับเฉิงเซียงเริ่น ทั้งคู่สู้กันจนบาดเจ็บทั้งคู่ แต่จู่ๆหยวนซย่าสั่วก้อมาบรรเลงเพลงตี๋มารบกวนสมาธิเฉิงเซียงเริ่น จนพวกกู้เสวี่ยเจี้ยงโวยว่าเล่นโกง แต่หยวนซย่าสั่วบอกไม่มีกฎว่าห้ามบรรเลงเพลงนี้ จากนั้นกลับมีเสียงบรรเลงเพลงพิณมาหักล้างปราณจากเสียงตี๋ของหยวนซย่าสั่ว จนเขากระอักเลือดออกมาถึงได้หยุดก่อกวนสะที กู้เสวี่ยเจี้ยงหันไปขอบคุณองค์หญิงเวินเล่อที่ออกตัวมาช่วย

เฉิงเซียงเริ่นที่สู้ยิบตากับฟู๋เคอจี่จนกำลังเฮือกสุดท้ายจนสามารถทำลายปราณคุ้มกายของฟู๋เคอจี่ได้แล้ว เฉิงเซียงเริ่นที่กำลังจะลงกระบี่พิชิตได้ในคราวนี้ แต่จู่ๆกระบี่ซานเหอเปิงซุย เทพศัตราที่ฟู๋เคอจี่พกติดกายมาตลอด ก้อแหวกฟ้าออกมาต้านกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ในมือของเฉิงเซียงเริ่น แต่กลับทำให้เลือดในกายของเฉิงเซียงเริ่นร้อนระอุยิ่งขึ้น ถึงร่างจะบาดเจ็บหนักขนาดไหน เขารวมพลังปราณแล้ววิ่งเข้าใส่ฟู๋เคอจี่ กระบี่ซานเหอเปิงซุยเป็นเทพศัตราวุธจึงปล่อยปราณออกมาสู้กับกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ เกิดการระเบิดแสงแหวกฟ้าขึ้น พวกผู้บำเพ็ญชั้นสูงคราวนี้ถึงได้รับรู้ถึงปราณจากเทพกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ที่เฉิงเซียงเริ่นใช้ เพราะเป็นการปะทะของสองเทพศัตราวุธ

ผลจากการระเบิดพลังเฮือกสุดท้ายทำให้ทั้งคู่สลบไป จึงตัดสินว่าใครชนะจากผู้ที่ฟื้นคืนสติก่อน ซึ่งเฉิงเซียงเริ่นผวาตื่นมาถามกู้เสวี่ยเจี้ยง ว่าเขาต้องออกเงินค่าซ่อมสระไท่เยี่ยนรึป่าว แต่กู้เสวี่ยเจี้ยงบอกว่าแค่เงินพนันที่ชนะรอบนี้ก้อได้เงินมหาศาลแล้วไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลย มันเล็กน้อยมาก จากนั้นเฉิงเซียงเริ่นก็สลบไปอย่างหมดห่วงอีกรอบ555

ตกเย็นถึงเวลานัดงานเลี้ยงหงเหมินของกู้เสวี่ยเจี้ยง เขาหลอกกวางน้อยกับสวีหร่านว่าจะออกไปรับเงินที่ชนะพนัน พร้อมจะจัดการแลกเป็นตั๋วแลกเงิน เย็นนี้คงไม่กลับบ้าน ดังนั้นไม่ต้องรอเขากินข้าวเย็น ที่เรือสำราญกลางทะเลสาบมู่อวิ่น กู้เสวี่ยเจี้ยงนั่งเรือน้อยเพื่อขึ้นเรือสำราญ เหล่าเพื่อนเหี้ยออกมาต้อนรับ พร้อมชักชวนให้ดื่มสุราเพื่อคลี่คลายความบาดหมางในอดีต แต่หลังกู้เสวี่ยเจี้ยงดื่มสุรากลับปฎิเสธ พร้อมบอกมาเพื่อชำระแค้น อีพวกเพื่อนเหี้ยก้อเปิดค่ายอาคมกันเสียงออก พร้อมสั่งพวกมือสังหารลงมือทันที กู้เสวี่ยเจี้ยงกลับยิ้มแล้วพุ่งเข้าไปตามฆ่ามือสังหารทีละคน

เฉิงเซียงเริ่นได้สติก้อรู้ว่ากู้เสวี่ยเจี้ยงไปลุยเดี่ยว เฉิงเซียงเริ่นเลยเข้าไปขโมยดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินจากหลินลู่ พร้อมสั่งสวีหร่านให้ไปซื้ออาหารเย็นที่เหลาดัง จากนั้นก้อกระโดดลงแม่น้ำ ดำน้ำไปจนถึงทะเลสาบมู่อวิ่น แล้วกระโดดขึ้นเรือพร้อมโยนดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินให้กู้เสวี่ยเจี้ยง สองเพื่อนตายจัดการเก็บกวาดมือสังหารจนเกลี้ยงเหลือจงเทียนจิ่ง ไป๋อวี้เจวี๋ย จางสวี่ ลู่ฉิว สี่ตัวการ บุตรสายตรงของสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง

จงเทียนจิ่งออกมาขอยุติเรื่องนี้เพราะคิดว่ากู้เสวี่ยเจี้ยงไม่กล้าฆ่าพวกมันแน่ เลยเจอะกู้เสวี่ยเจี้ยงฟันหัวขาดไปก่อน อีกสามคนที่เหลือโดนฆ่าจนหมด น้องกวางตามมาตบหน้ากู้เสวี่ยเจี้ยงก่อน พร้อมด่าที่เขาไม่รักตัวเองรึไงถึงบุกเดี่ยวแบบนี้ แล้วจัดการเผาเรือด้วยเวทย์เพลิงปทุมแดงทำลายหลักฐาน จากนั้นพอขึ้นฝั่งก็เจอะสวีหร่านหิ้วอาหารมารอกินข้าวพร้อมหน้า555 แก็งค์สี่ทึ่มนั่งกินข้าวริมทะเลสาปพร้อมชมจันทร์ไป

เฉิงเซียงเริ่นกลับบ้านหลังน้อยในตรอก กลับเจอะเฉิงจู๋หลิวที่โตขึ้นไม่น้อยนั่งรออยู่(แต่ที่จริงคือเฉาเกอเชวี่ยสวมรอย) เฉิงเซียงเริ่นกลับคิดไปว่าสงสัยน้องชายหนีกลับมา แถมยังรู้สึกเสียใจที่เขาคิดผิดที่เชื่อใจพวกนั้น ที่แท้พวกนั้นไม่รักษาสัญญาที่จะเลี้ยงดูเฉิงจู๋หลิวให้ดี เฉิงเซียงเริ่นลนลานเตรียมจะพาเฉิงจู๋หลิวหลบหนีออกจากเมืองไปแทน เฉาเกอเชวี่ยกลับอุ้มเฉิงเซียงเริ่นกลับไปนอนที่เตียง ทั้งยังบอกว่าที่จริงเขาโกหก แล้วใช้ปราณกำจัดฝุ่นตามตัวแล้วบังคับให้เฉิงเซียงเริ่นกลับหลับไป

เช้ามาเฉิงเซียงเริ่นกลับตื่นเพราะโดนสวีหร่านปลุก เฉิงเซียงเริ่นเลยเพิ่งรู้ว่าตัวเองหลับไปนานแถมมาอยู่ที่โรงหมออีกต่างหาก พวกเพื่อนตกใจนึกว่าเขาหายไปเลยวิ่งตามหากัน แถมยังโดนหน่วยตรวจตราถามซักถามถึงที่อยู่ เฉิงเซียงเริ่นเลยวางแผนโยนไปให้ฟู๋เคอจี่ เพื่อสร้างหลักฐานที่อยู่ในคืนนั้น เพราะฟู๋เคอจี่ทำให้กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้โดนเปิดเผยตัว และตอนนี้มันกำลังสร้างปัญหาให้เฉิงเซียงเริ่น เพราะพวกผู้บำเพ็ญใหญ่สันดานเหี้ยที่โลภมากทยอยเผยสันดานชั่วๆ ต่างเริ่มเข้าทวงสิทธิ์ในการดูแลกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ที่เป็นเทพศัตรา

เฉิงเซียงเริ่นขอให้ชิวเป่ยทำค่ายกลปกปักรักษาบ้าน ชิวเป่ยตกลงแต่มีข้อแม้ต้องให้เจ้าบ้านทั้งสี่เป็นคนลงมือทำของสำหรับวางลงบนค่ายกล ทุกคนตกลง โดยเฉพาะสวนกวางชิวเป่ยออกแบบค่ายกลให้อากาศดีอยู่สบายทุกฤดูกาล แต่เขาสงสัยว่ากวางอยู่ไหนและพันธ์อะไร ทุกคนหันไปมองน้องลู่จนกู้เสวี่ยเจี้ยงต้องอกมายืนบังสายตา555

ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางกลับของสำนักศึกษาเป่ยหลัน แต่ข่าวคุณชายสี่ตระกูลใหญ่กลับเงียบกริบ มีเพียงข่าวบอกว่าพวกสี่คุณชายใหญ่ต่างรีบกลับเมืองหลวงไปก่อนนานแล้ว หูอี้จือเรียกเฉิงเซียงเริ่นไปพบเพื่อมอบจดหมายที่มาจากเฉิงจู๋หลิว เนื้อความคือการตัดสิ้นบุณคุณที่ต่างมีต่อกัน เฉิงเซียงเริ่นจึงเข้าใจว่าเฉิงจู๋หลิวเป็นคนจัดการเก็บกวาดปัญหาของเพื่อนเหี้ยของกู้เสวี่ยเจี้ยงแล้วนะเอง แต่เฉิงเซียงเริ่นกลับสะเทือนใจที่เฉิงจู๋หลิวละทิ้งสัมพันธ์กับเขาแล้ว

จงเที่ยนอวี้ที่เป็นญาติจงเทียนจิ่งยังอยู่ที่สำนักศึกษาด้วยความหวาดกลัว เพราะเขารู้ดีว่าข่าวนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เขารู้ดีถึงแผนสังหารกู้เสวี่ยเจี้ยงในคืนนั้น เพียงแต่เขาไม่มีสิทธิ์ไปร่วมมือด้วย ตอนนี้ข่าวพวกคนกลุ่มนั้นเงียบหาย ทั้งไม่มีข่าวจากทางตระกูลออกมาถามหาคนที่หายไป จงเที่ยนอวี้รู้ว่าหมากแบบพวกเขาโดนเขี่ยทิ้งแล้ว จึงกลัวตัวเองจะโดนลอบฆ่าเงียบๆ จึงชิงลงมือท้าทายเฉิงเซียงเริ่นต่อหน้าคน พร้อมบีบให้จงสือลิ่วลงมือฆ่าเฉิงเซียงเริ่น เลยเจอะเฉิงเซียงเริ่นฆ่าจงเที่ยนอวี้แทน แล้วประกาศว่าจงสือลิ่วเป็นอิสระแล้ว ทำให้หน่วยตราการรักษาเมืองกับฉู่หลันชวนลงมือจับกุมเฉิงเซียงเริ่นแทน เฉิงเซียงเริ่นรู้ว่านี้เป็นแผนของฉู่หลันชวน เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ตลอดแต่กลับปล่อยให้จงเทียนจิ่งลงมือ เฉิงเซียงเริ่นที่จิตใจสับสนจึงท้าทายฉู่หลันชวนให้ลงมือต่อสู้กับเขา เลยเจอะฉู่หลันชวนใช้กระบี่ฟาดจนเขาตกน้ำในสระสลบไป

ระหว่างที่เฉิงเซียงเริ่นหมดสติไปสี่วัน เฉิงจู๋หลิวแอบมาเข้าฝันเฉิงเซียงเริ่น แต่กลับทำให้เฉิงเซียงเริ่นเสียใจที่โดนน้องชายตัดสัมพันธ์ พร้อมบอกไม่ให้เฉิงจู๋หลิวมาเข้าฝันเขาอีก เพราะเฉิงเซียงเริ่นฆ่าจงเที่ยนอวี้ ตระกูลจงเลยถือโอกาสมาชำระความเฉิงเซียงเริ่น ไม่ก้อแลกกับการมอบกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้มาให้ตระกูลจงแทน แต่ตอนนี้เหล่านักศึกษาของสำนึกศึกษาหนานยวนกลับรวมพลังต้านตระกูลจงกับฉู่หลันชวน พวกนักศึกษาไม่ยอมให้มีการไต่สวนเฉิงเซียงเริ่น และไม่ยินยอมยกกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ให้ตระกูลจงด้วย จึงเกิดการประท้วงขึ้นบานปลาย จนได้วิธีผลักดันให้เฉิงเซียงเริ่นกลายเป็นอธิการบดีของสำนึกศึกษาหนานยวน ด้วยการลงคะแนนของเหล่านักศึกษาสำนึกศึกษาหนานยวน ที่ทุ่มลงคะแนนเลือกเฉิงเซียงเริ่นเป็นอธิการบดี เขาจึงได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากเมืองหนานยางทั้นที

แต่เฉิงเซียงเริ่นรู้ว่าถ้าเขาอยู่ เมืองหนานยางจะต้องวุ่นวายเพราะตัวเองแน่ หลังเข้าพิธีรับตำแหน่งเขาขึ้นปราศัยจบก้อออกเดินทางท่องยุทธภาพคนเดียวทันที ทิ้งบ้านหลังงามให้จงสือลิ่วที่หายจากการโดนมอมยาล้างสมองให้เป็นข้ากระบี่ เป็นคนดูแลจวนเฉิงแทน ถึงเวลาที่เหล่าสหายสี่ทึ่มต่างแยกย้ายทางเดิน ออกตามหาเส้นทางชีวิตของแต่ละคนต่อ

เวลาผ่านไปยาวนานจนครบหกปี สวีหร่านกับกู้เสวี่ยเจี้ยงออกจากสำนึกศึกษาหนานยวนมุ่งหน้าเข้ากองกำลังเสินอู่ กู้เสวี่ยเจี้ยงทำความดีความชอบจนมีกองทัพม้าเกราะเหล็กเป็นของตัวเอง มีหลินลู่ที่ติดตามกู้เสวี่ยเจี้ยงมาเป็นหมอทหารเพื่อจะได้ดูแลกู้เสวี่ยเจี้ยงไปด้วย กู้เสวี่ยเจี้ยงได้รับบัญชาออกไปโจมตีกองทัพกบฎของสองอ๋องที่แข็งข้อกับเมืองหลวง แต่สวีหร่านไม่อยากฆ่าคนชาติเดียวกัน เลยขอออกไปดูแลด่านไป๋เสวี่ยเพื่อต่อต้านเผามารที่เตรียมจะจู่โจมเข้ามา ตอนนี้นางได้เลื่อนยศเป็นรองนายกองแล้ว

ส่วนเฉิงเซียงเริ่นเร้นกายออกเดินทางท่องบำเพ็ญไปทั่วหล้า และหลบหลีกคนที่ตามเสาะหาร่องรอยกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ แต่อยู่ดีๆวัดฉือเอินส่งเทียบเชิญผู้บำเพ็ญทั่วหล้ามางานจุดโคม แต่แอบแฝงปล่อยข่าวที่วัดฉืออินได้จับกุมตัวหนิงฟู่หวนไว้ในวัด

กู้เสวี่ยเจี้ยงกับกวางน้อยตั้งใจจะไปวัดฉืออิน เพราะรู้สึกว่ามันเป็นแผนของวัดฉือเอินกับราชสำนัก ต้องเป็นแผนดักจับเฉิงเซียงเริ่นแน่ๆ

ถึงเวลานัดหมายเหล่าผู้บำเพ็ญที่ได้เทียบเชิญต่างทยอยขึ้นเขาไปพำนักในวัดฉือเอิน เหล่าพระในวัดต่างเตรียมตัวตามจุดต่างๆที่คาดว่าเฉิงเซียงเริ่นจะแอบเข้ามาในวัดฉือเอิน แต่เฉิงเซียงเริ่นกลับเดินขึ้นเขามาตรงๆพร้อมตะโกนบอกว่าตัวเองมาแล้วแทน555 หลวงจีนฮุ่ยเต๋อรีบเข้ามาต้อนรับเพื่อเชิญเฉิงเซียงเริ่นเข้าไปในเรือนพักอาราม แต่เฉิงเซียงเริ่นไม่ตอบรับ กลับถามถึงหนิงฟู่หวนว่าเขาอยู่รึป่าว ถ้าหนิงฟู่หวนไม่อยู่เขาจะลงจากเขาไปเดียวนี้ ปรากฎว่าเหล่าหลวงจีนทยอยมาตั้งค่ายล้อมทันที และหลวงจีนฮุ่ยเต๋อก้อทวงหากระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ทันที บีบบังคับให้เขามอบกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ที่เป็นเทพศัตรา ให้วัดฉือเอินเป็นผู้ดูแล(อีหลวงจีนนี่โคตรทุเรสมาก)

เฉิงเซียงเริ่นปล่อยปราณกระบี่ออกมาเตรียมพร้อมทำเอาหลวงจีนฮุ่ยเต๋อเหงื่อตก จนเจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้แห่งวัดฉือเอินต้องปรากฎตัวออกมา เชิญเข้าไปคุยในวิหารแทน แต่ในนั้นกลับเต็มไปด้วยเหล่าผู้บำเพ็ญสันดานเหี้ย อ้าปากก้อจะทวงเอากระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ไปดูแลเอง หาว่ากระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้เป็นกระบี่มารต้องเอาไปอบล้างไอบาป (ทำเป็นพูดดีแต่อยากชิงกระบี่คนอื่นหน้าด้านๆ) เฉิงเซียงเริ่นไม่สนใจว่าใครจะพูดว่ายังไง แต่กลับตะโกนเรียกหนิงฟู่หวนอีกครั้ง แต่กลับเป็นกู้เสวี่ยเจี้ยงกับกวางน้อยที่ตอบรับคำเขาแทน เพื่อนแท้สามคนกลับมาพบอีกครั้ง กู้เสวี่ยเจี้ยงกับเฉิงเซียงเริ่นพูดจาแดกดันอีเหล่านักพรตที่อ้าปากก้อเห็นลิ้นไก่ จนพวกมันเริ่มเดือดเต็มที่

ในที่สุดพวกหมาหมู่ก้อทนไม่ไหวลงมือโจมตีเฉิงเซียงเริ่นก่อนเลยเจอะกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้กวาดจนพัง เจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้สั่งเปิดค่ายอาคมในวิหาร แต่เจอะเฉิงเซียงเริ่นใช้กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ปล่อยปราณกระบี่เข้าสกัด จนเจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้ต้องรีบลงมือเอง เพราะกลัวค่ายอาคมจะทนได้ไม่นาน กู้เสวี่ยเจี้ยงเอาตัวบังน้องกวางใช้ดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินสกัดเหล่าหลวงจีน ที่รุมล้อมเข้ามาจนผลักตัวหลวงจีนกระเด็นไปไกล 

ในที่สุดก็มีเรือเหาะของฟู๋เคอจี่ที่บินแหวกอาคมลงมาจอด พร้อมประกาศว่าเขามารับเจ้าสำนักเจี้ยนเก๋อพร้อมกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ ทุกคนงงเจ้าสำนักเขาถานซานโดนศิษย์ฆ่าตายไปแล้ว ฟู๋เคอจี่ที่ตอนนี้เป็นเจ้าสำนักเขาเยียนซาน ได้ประกาศว่าตอนนี้เฉิงเซียงเริ่นได้เป็นเจ้าสำนักเขาถานซานคนใหม่ อีกไม่นานจะทำพิธีเปิดเขา เรียนเชิญทุกท่านด้วย555 เจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้โมโหที่ผิดแผน แถมวิหารอารามล้วนโดนทำลาย แต่อยู่ๆฟู๋เคอจี่กลับเรียกศิษย์สำนักเจี้ยนเก๋อตั้งค่ายกระบี่ทันที พร้อมหันไปที่ทิศหลังภูเขาว่าอยากจะรับคำท้าไหม เจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้เหงื่อตกที่ฟู๋เคอจี่กล้าชนกับอริยชนที่อยู่เบื้องหลัง สุดท้ายมีหลวงจีนหนุ่มมาบอกให้เจ้าอาวาสเหลี่ยวอู้หยุดลงมือแทน

เฉิงเซียงเริ่น กู้เสวี่ยเจี้ยงกับกวางน้อยขึ้นเรือเหาะของฟู๋เคอจี่ บินกลับเขาถานซานแทน และตอนนี้เฉิงเซียงเริ่นเลยโดนมัดมือชกกลายเป็นเจ้าเขาถานซานจริงๆไปแล้ว555 แถมป้ายหยกปลอมที่ขายไม่ได้ที่หนิงฟู่หวนใช้แทนหนี้เงินที่ติดค้างเขา กลับกลายเป็นป้ายหยกเจ้าสำนักของจริง สรุปเฉิงเซียงเริ่นฝีกเคล็ดกระบี่เจี้ยนเจียงซาน ใช้กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้มาบำเพ็ญมรรคากระบี่ตั้งแต่เขาเริ่มจับกระบี่ แถมยังห้อยหยกป้ายสำนักเจี้ยนเก๋อตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว555

ฟู๋เคอจี่พาเฉิงเซียงเริ่นเข้าสู่สำนักอย่างเป็นทางการ พร้อมแนะนำตัวเฉิงเซียงเริ่นกับเหล่าผู้อาวุโส ที่ต่างก็ดีใจว่าฟู๋เคอจี่ช่างเก่งกาจนัก นอกจากนำเทพศัตราวุธกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้กลับคืนสู่สำนักได้แล้ว ยังสามารถพาเจ้าสำนักหนุ่มอนาคตไกลมาเป็นกำลังหลักให้สำนักเจี้ยนเก๋อได้อีก555  เฉิงเซียงเริ่นได้ไหวหมิง ไหวชิงเป็นสองผู้ช่วยติดกาย ไว้จัดการธุระเล็กใหญ่ให้กับท่านเจ้าสำนักคนใหม่โดยเฉพาะ ไหวหมิงกับไหวชิงพาเฉิงเซียงเริ่นไปที่ยอดเขาที่พักของเจ้าสำนักเขาถานซาน เฉิงเซียงเริ่นนึกว่าจะเป็นเรือนใหญ่โอ่อ้า กลับเป็นเรือนไม้หลังเล็ก รอบๆเต็มไปด้วยไก่ที่เจ้าสำนักเขาถานซานชิงหมิงเลี้ยงไว้กิน ที่ตอนนี้ไก่มากมายต่างออกลูกหลานเต็มเขาไปหมด กับแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ555 ส่วนที่หลังเขามีเนินหลุมศฟเรียบง่ายของอดีตเจ้าสำนักชิงหมิง

เฉิงเซียงเริ่นพักที่เรือนพำนักของอดีตเจ้าสำนักชิงหมิง แล้วอนุญาติให้ศิษย์ในสำนักจับไก่บนเขากินได้ เหล่าศิษย์น้ำตาไหลด้วยความดีใจ555 จากนั้นเฉิงเซียงเริ่นลงมือฆ่าไก่เอามาทำอาหารเลี้ยงผองเพื่อนทันที55 เฉิงเซียงเริ่นยอมรับตำแหน่งอย่างเต็มใจสะที จากนั้นเฉิงเซียงเริ่นก็เริ่มหยิบตำราที่เจ้าสำนักเขาถานซานชิงหมิงเขียนเคล็ดลับทิ้งไว้ในห้องหนังสือมาศึกษา 

แต่เขากลับพบว่าบันทึกมากว่าครึ่งกลับเป็นเหมือนไดอารี่ ที่พ่อบันทึกพัฒนาการลูกน้อยสองคนมากกว่า ใช่แล้วชิงหมิงเขียนบันทึกเล่าถึงหนิงฟู่หวนที่รับเป็นศิษย์คนแรก ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กน้อยที่มีพรสวรรค์ เรียนรู้วิถีกระบี่ได้รวดเร็ด แต่ท่าทางจะดูเหงาเพราะเป็นเด็กคนเดียวบนเขานี้ 

ไม่นานสำนักเจี้ยนเก๋อเปิดรับศิษย์ใหม่ ซ่งเจวี๋ยเฟยเป็นเด็กกำพร้าหลังพ่อแม่ตาย ก็โดนญาติมาชิงสมบัติไปหมด ตัวเองก้อโดนทุบตีทำร้าย เขาจึงหนีออกมา ด้วยหวังจะได้เป็นศิษย์สำนักนี้เพื่อให้ชีวิตตัวเองมีทางรอดที่ดีกว่านี้ ชิงหมิงเห็นเด็กตัวเล็กที่ใช้กำลังใจในการปีนป่ายทางชั้นขึ้นเขา ซ่งเจวี๋ยเฟยปีนเขาไปเรื่อยๆไม่ย่อท้อจนขึ้นถึงยอดเขาได้ ชิงหมิงจึงถูกใจมากเลยขี่กระบี่มาอุ้มซ่งเจวี๋ยเฟยไปที่เขาถานซาน แล้วรับเขาเป็นศิษย์คนเล็ก ซ่งเจวี๋ยเฟยดีใจมากนอกจากนี้ชิงหมิงยังใจดีกับเขามาก ซ่งเจวี๋ยเฟยต้องไปพักเรือนฝึกเพื่อศึกษาวิชาเบื้องต้น ด้วยนิสัยมุ่งมั่นจริงจัง เขาจึงสำเร็จวิชาก่อนใคร

ชิงหมิงสั่งให้หนิงฟู่หวนไปรับศิษย์น้องซ่งเจวี๋ยเฟยกลับเขาถานซาน แต่ซ่งเจวี๋ยเฟยไม่เคยเจอะศิษย์พี่เลยโม้มากมายใส่หนิงฟู่หวน ทำให้หนิงฟู่หวนอำกลับจนซ่งเจวี๋ยเฟยไม่เชื่อว่าหนิงฟู่หวนคือศิษย์พี่ แต่พอรู้ความจริงเขาก้ออายมากเลยชอบทะเลาะตบตีกับหนิงฟู่หวนไปแทน555 แต่หนิงฟู่หวนกลับรักหลงในความน่ารักของศิษย์น้องไปแทน555 จนทั้งคู่โตจนถึงเวลาออกหาประสบการณ์ชีวิต แต่ชิงหมิงลองเสี่ยงทายอนาคตทั้งคู่ เขาไม่กล้าบอกผลคำทำนาย ได้แต่ให้ทั้งคู่ดูแลกันและกันดีๆ 

ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงกับหลินตู้จือกลับไปกองกำลัง เพราะกู้เสวี่ยเจี้ยงคือกองกำลังปราบกบฎ งานหลักจึงเป็นการกำจัดคนทรยศต่อราชสำนัก การลงโทษจึงรุนแรงถึงขั้นจับฆ่าล้างตระกูล เพื่อบีบให้กบฎยอมแพ้ ภายใต้คมดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินมันจึงอาบไปด้วยคาวเลือดมากมาย แต่วันนี้หลินตู้จือสุดจะทนไหวที่ต้องดูกู้เสวี่ยเจี้ยงสั่งฆ่าแม้แต่เด็กสองสามขวบเท่านั้น หลินตู้จือรู้เหนื่อยจนแทบทรงตัวไม่ไหว กู้เสวี่ยเจี้ยงจึงจับหลินตู้จือมาแบกขึ้นหลัง จะได้พาเขากลับไปที่พัก แต่หลินตู้จือกลับบอกกู้เสวี่ยเจี้ยงว่าเขาจำเป็นต้องจากไปแล้ว เขาที่มาจากเกาะเผิงไหล ได้รับการสั่งสอนจากเจ้าอาวาส ให้เขารู้จักผิดชอบชั่วดี จากนี้ไปเขาหวังว่ากู้เสวี่ยเจี้ยงจะดูแลตัวเองให้ดี กู้เสวี่ยเจี้ยงที่รั้งหลินตู้จือให้อยู่เคียงข้างเขามาหกปี แต่วันนี้เขากลับยอมปล่อยหลินตู้จือจากไป เพราะเขารู้ว่าหลินตู้จือต้องอยู่กับความขัดแย้งในใจมานานขนาดไหน เขาได้แต่หวังว่าถ้าเขาหมดสิ้นภาระกิจ และเขายังไม่ตาย เขาจะเป็นฝ่ายกลับไปหาหลินตู้จือเอง 

เวลาผ่านไปเฉิงเซียงเริ่นก็ได้ข่าวร้ายว่า ราชสำนักจะส่งใต้เท้าราชเลขามาเสี่ยงเซี่ยมซีที่สำนักเจี้ยนเก๋อ และเขาที่เป็นเจ้าสำนักต้องทำหน้าที่เป็นคนนายเซียมซี่นี้ เฉิงเซียงเริ่นล้นลานว่าเขาทำนายไม่เป็น แต่ผู้ช่วยทั้งสองบอกไม่เป็นไรให้ทายไปมั่วๆละกัน จากนั้นสำนักเจี้ยนเก๋อเริ่มจัดเตรียมตำหนักพร้อมกระบอกเซียมซี่ให้ดูเยอะอลังการไว้ก่อน555 

เมื่อถึงวันที่ขบวนใต้เท้าราชเลขามาถึงตำหนักเสี่ยงทาย เฉิงเซียงเริ่นที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องหนักอยู่ใต้ม่านสร้างบรรยากาศสูงส่ง ก้อเชิญให้เฉาเกอเชวี่ยเขย่าเซียมซี่ จากนั้นเฉิงเซียงเริ่นก็หยิบเวียมซี่มาอ่าน ก็สะดุ้งตกใจ อีใบทำนายที่เฉาเกอเชวี่ยเขย่ามาได้ มันมาจากกระบอกเซียมซี่ม๊อกอัพที่ข้างในใส่กลอนรักไว้หลอกตา555 เพราะเนื้อความเป็นกลอนรักที่สมหวังในรัก เฉิงเซียงเริ่นไม่รู้จะทำนายยังไงเลยถามไปตรงๆว่าเฉาเกอเชวี่ยต้องการให้สำนักเจี้ยนเก๋อกับเขาทำอะไร

แต่เฉาเกอเชวี่ยกลับบอกว่าเขารู้ว่าเฉิงเซียงเริ่นกลัวการทะลวงด่านระดับหีนยาน เพราะการทะลวงด่านขั้นสูงไม่อาจตบตาสวรรค์เหมือนครั้งก่อนๆ เฉิงเซียงเริ่นจึงรู้ว่าที่เขาผ่านด่านที่แล้วๆมาเป็นเฉาเกอเชวี่ยที่เข้าฝัน มาช่วยเขาปิดตาสวรรค์ เฉาเกอเชวี่ยมั่นใจว่าเฉิงเซียงเริ่นไม่ใช่คนในภพนี้ แต่เฉาเกอเชวี่ยมีวิธีตบตาสวรรค์ช่วยเฉิงเซียงเริ่นผ่านด่านนี้ได้ เฉิงเซียงเริ่นตกลง คืนนั้นหลังจบพิธีเขากลับเรือนพักเจ้าสำนัก ส่วนขบวนของใต้เท้าราชเลขาก็เดินทางกลับเข้าเมืองหลวง

เฉิงเซียงเริ่นกลับพบว่าเฉาเกอเชวี่ยมานั่งรอเขาอยู่ในห้อง แต่ฟู๋เคอจี่แวะมาถามเรื่องคำทำนายพอดี เฉิงเซียงเริ่นเลยได้โอกาสบอกกับฟู๋เคอจี่ว่าเขาจะเก็บตัวเพื่อทะลวงด่าน ฝากให้ฟู๋เคอจี่ดูแลสำนักเขาถานซานด้วย หลังฝากฝั่งงานกับฟู๋เคอจี่เรียบร้อย เฉิงเซียงเริ่นก็คุยกับเฉาเกอเชวี่ยต่อ ถึงได้รู้ว่าเฉาเกอเชวี่ยมีโลกใบเล็กเมล็ดผักกาดที่ช่วยเฉิงเซียงหลบสายตาสวรรค์ได้ เฉิงเซียงเริ่นเลยได้เข้าไปในมิติลับว่างเปล่านั้น จากนั้นเขานึกถึงเรือนหลังน้อยในตรอกเล็กที่อาศัยอยู่กับเฉิงจู๋หลิว ฉับพลันอาคารนั้นก้อผุดมาให้เขาได้เข้าอาศัยทันที

ข่าวที่เจ้าสำนักเจี้ยนเก๋อเก็บตัวรีบทะลวงด่านหีนยานก่อนจะถึงวันเปิดเขาดังไปทั่วหล้า ในที่สุดในโลกใบเล็ก เฉิงเซียงเริ่นก็ทะลวงด่านสำเร็จ ดันนั้นภายนอกจึงไม่มีเหตุการณ์อัศจรรย์ใดๆที่บ่งบอกว่าผู้บำเพ็ญผ่านด่านหีนยานได้กำเนิดขึ้นแล้ว ทำให้บรรยากาศในสำนักเจี้ยนเก๋อซึมเศร้า คิดว่าเจ้าสำนักไม่อาจผ่านด่านนี้ได้ พวกเขาแค่หวังว่าเจ้าสำนักจะไม่บาดเจ็บหนักแทน พอเฉิงเซียงเริ่นออกมาพบเจอะไหวหมิง ไหวชิงที่พยายามพูดปลอบใจเขา ทำให้เฉิงเซียงเริ่นงงมาก ทั้งๆที่เขาพยายามจะบอกว่าเขาทะลวงด่านสำเร็จนะ แต่ไม่มีใครสนใจฟังเลย555

ในวันเปิดเขาของสำนักเจี้ยนเก๋อ พวกผู้บำเพ็ญที่ต่างขึ้นเขามาเพื่อเยาะเย้ยที่เฉิงเซียงเริ่นผ่านด่านไม่สำเร็จ แถมเขาอาจได้รับบาดเจ็บหนักอีก ทำให้พวกมันมีหวังจะได้ชิงสมบัติจากที่นี่ได้บ้าง หลวงจีนฮุ่ยเต๋อตัวเสือกแรกที่ขึ้นมาพูดว่าเฉิงเซียงเริ่นยังเด็กเกินไป แถมนิสัยเหมือนหนิงฟู่หวนที่เป็นศิษย์คิดล้างครู ไม่เหมาะจะเป็นผู้นำของเหล่าผู้บำเพ็ญ เลยเจอะเฉิงเซียงเริ่นสวนว่าเรื่องของหนิงฟู่หวนพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขาวะ เฉิงเซียงเริ่นเลยตะโกนเรียกให้หนิงฟู่หวนมาถกปัญหากับพวกบ้าน้ำลายนี้หน่อย

หนิงฟู่หวนกับกระบี่อิ่งเสวี่ยคู่กายกลับปรากฎกายออกมาจริง พร้อมเข้าปะทะคนที่กล้าโต้แย้งว่าเจ้าสำนักเจี้ยนเก๋อไม่เหมาะเป็นผู้นำ ก้อมีพวกปากดีออกมาท้าเลยตายสมใจไปหลายคน จนหลวงจีนฮุ่ยเต๋อตัวดีเริ่มกลัวจะได้ตายเป็นศฟต่อไป เฉิงเซียงเริ่นเลยท้าสู้กับหนิงฟู่หวนแทน ทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่ากูผ่านด่านหีนยานแล้วจริงๆนะเฟ้ย555 ทั้งคู่แกล้งสู้จนทะลุหลังคาออกไปยังบนเขาด้านนอก ทิ้งแขกไว้ในโถงรับรอง ทุกคนไม่สามารถออกไปได้ เพราะหนิงฟู่หวนเปิดค่ายกลสังหารไว้ และเขาเป็นคนควบคุมค่ายกลนี้อยู่

หนิงฟู่หวนกับเฉิงเซียงเริ่นกลับมานั่งคุยปัญหาชีวิตกันแทนที่เรือนน้อยของเจ้าสำนักชิงหมิง555 หนิงฟู่หวนเฉลยเรื่องที่เขาปิดบังไว้ ว่าตอนที่พวกเขาลงเขา คนที่เคยรังแกซ่งเจวี๋ยเฟยกลัวว่าตัวเองจะโดนตามเช็คบิล เลยวางแผนปล่อยข่าวลวงว่าพวกมันจับหนิงฟู่หวนไว้ ซ่งเจวี๋ยเฟยที่เป็นห่วงหนิงฟู่หวน รีบไปตามนัดเลยเจอะพวกมันล้อมเตรียมฆ่า แต่ซ่งเจวี๋ยเฟยสู้ไม่ถอยจนบาดเจ็บหนัก ยังสู้ต่อเพื่อจะตามหาหนิงฟู่หวนให้ได้ ทั้งที่ความจริงหนิงฟู่หวนกินเหล้าเมาหลับไม่รู้เรื่อง กว่าหนิงฟู่หวนจะได้สติไปหาซ่งเจวี๋ยเฟย ก้อพบว่าเขาธาตุไฟแตกแล้ว จึงได้แต่พาเขากลับไปที่เขาถานซานให้อาจารย์ช่วยรักษา หลังผ่านไปสองวันสองคืน ซ่งเจวี๋ยเฟยที่ตื่นมาก้อไร้สติธาตุไฟแทรก จนเขาลงมือทำร้ายอาจารย์แทน อาจารย์ชิงหมิงเดินออกมาบอกหนิงฟู่หวนว่าซ่งเจวี๋ยเฟยจำอะไรไม่ได้ ดังนั้นอย่าบอกเรื่องนี้กับเขา จากนั้นอาจารย์ก็ตายในอ้อมกอดหนิงฟู่หวน

หนิงฟู่หวนจึงตัดสินใจรับผิดเรื่องเขาเป็นคนฆ่าอาจารย์เอง เขาเดินเข้าไปบอกซ่งเจวี๋ยเฟยว่าเขาเป็นคนลงมือสังหารอดีตเจ้าสำนักชิงหมิง แล้วหยิบกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้หลบหนีออกจากเขาถานซานตั้งแต่บัดนั้น ส่วนซ่งเจวี๋ยเฟยวิ่งออกไปเห็นร่างของอาจารย์ชิงหมิงก็เสียใจจนธาตุไฟแตกอีกครั้ง เขาคลุ้มคลั่งไล่ตามฆ่าหนิงฟู่หวนนับแต่นั้นมา

แต่เพราะซ่งเจวี๋ยเฟยฝืนใช้วิชาเร้นโลหิตสองครั้ง จนตอนนี้ขาพิการและสายตาไม่ดีเห็นไม่ชัด ตอนนี้หนิงฟู่หวนเลยปลอมตัวเป็นคนอื่น แล้วกลายมาเป็นคนดูแลซ่งเจวี๋ยเฟยแทน ตอนนี้พวกเขาอยู่อาศัยด้วยกัน ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องรีบกลับไปหาศิษย์น้องแล้ว ขืนกลับช้าเดียวซ่งเจวี๋ยเฟยจะโมโหเอา555 เฉาเกอเชวี่ยที่หลบในเรือนเลยได้รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ

เฉิงเซียงเริ่นกลับโถงรับรอง พร้อมดำเนินสัญญาพันธมิตรกับเหล่าผู้บำเพ็ญราบรื่นขึ้น แต่กลับมีตัวแทนของจวงอันซานอ๋องที่ออกมาต่อต้านเรื่องที่จะยกพวกไปปกป้องด่านไป๋เสวี๋ย ที่เปลื้องแรงเปลื้องทรัพยากรมหาศาลในการสร้างค่ายอาคมไว้ต่อกรเผ่ามาร มิสู้สร้างกำแพงสูงกั้นคนนอกด่านให้เป็นอาหารเผามารไปแทน เฉิงเซียงเริ่นปฎิเสธความคิดนี้ อันซานอ๋องก็เผยโฉมเพื่อลงมือสังหารเฉิงเซียงเริ่นแทน ฟู๋เคอจี่สั่งตั้งค่ายถานซานทันที แต่อันซานอ๋องเป็นยอดฝีมือกึ่งอริยชน เขาเกือบมีโอกาสลงมือจัดการเฉิงเซียงเริ่น แต่เจอะกระบี่เฉาฉือของเฉาเกอเชวี่ยแหวกฟ้าลงมาสกัด ทำให้อันซานอ๋องกระอักเลือดได้แต่รีบหลบหนีออกจากเขาถานซานไปแทน 

เฉิงเซียงเริ่นที่ตามออกมาเจอะเฉาเกอเชวี่ย เขากลับชี้ให้ดูปรากฎแสงจากค่ายอาคมที่กระจายออกมาจากทุกที่ เพราะเฉาเกอเชวี่ยเป็นคนคุมค่ายอาคมทั่วหล้าไว้ วันนี้เป็นแผนการที่เฉาเกอเชวี่ยแบ่งวิญญาณไปที่แดนหิมะเพื่อลงมือลอบสังการจอมมาร จากนั้นเฉาเกอเชวี่ยก้อล้มสลบไป 

หลังจากนั้นนอกด่านไป๋เสวี่ยมีข่าวลือว่าจอมมารได้ตายลงแล้ว เพราะเผ่ามารระดับต่ำร้องไห้โหยหวนพร้อมวิ่งเข้ามาสู้ตายที่กำแพงด่านไป๋เสวี่ยจนแทบหมดเผ่า 

เฉิงเซียงเริ่นอุ้มเฉาเกอเชวี่ยไปพักที่เรือนไม้ เช้ามาฟู๋เคอจี่จึงได้พบกับเฉาเกอเชวี่ยแต่ปรากฎว่าเป็นภาคของเฉิงจู๋หลิวแทน หลังจากก็นั้นมีข่าวลือว่าเฉิงเซียงเริ่นแอบซ่อนคนงามในห้อง555 เฉิงเซียงเริ่นเริ่มปวดหัวกับน้องชายที่มีสองบุคลิกที่ต่างสุดขั้ว ได้แต่พยายามหาวิธีจะรวมจิตน้องชาย แต่เขากลับเริ่มชินกับภาคของเฉาเกอเชวี่ยมี่ฉลาดและเก่งกาจ แต่พอเป็นภาคของเฉิงจู๋หลิว เขาก็ใจเหลวอยากถนอมน้องชายสุดชีวิต55 แถมไหวหมิงกับไหวชิงก้อดูชื่นชอบเฉิงจู๋หลิวที่เป็นคนงามแสนอ่อนโยน แถมยังทำอาหารอร่อยจนพวกเขาที่ได้ลองกินอาหารฝีมือคนงาม มันอร่อยจนถึงขั้นน้ำตาไหล555 จนพวกเหล่าศิษย์สาบานว่าจะดูแลเฉิงจู๋หลิว ไม่ยอมให้ใครมารังแกเขาเด็ดขาด555

ฟู๋เคอจี่มาหาเฉิงเซียงเริ่นเรื่องข่าวจอมมารตาย แต่ฟู๋เคอจี่ไม่เชื่อ เพราะจอมมารคือสิ่งที่อยู่คู่ฟ้าดิน พวกเผ่ามารตายไปจิตวิญญาณจะกลับไปรวมกับจอมมาร ทำให้จอมมารแท้จริงไม่มีวันตาย ส่วนเฉาเกอเชวี่ยที่ยิมพลังฟ้าดินเพื่อฆ่าจอมมาร ต้องมีสิ่งชดใช้คืนสวรรค์ เฉิงเซียงเริ่นจึงเข้าใจทันที่หันไปถามว่าเฉาเกอเชวี่ยใช้อะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน แต่เฉาเกอเชวี่ยไม่ยอมบอก

หลังหลินตู้จือกับกู้เสวี่ยเจี้ยง เขาก้อท่องบำเพ็ญพร้อมช่วยเหลือผู้คนด้วยการแพทย์ที่เขาถนัด จนวันหนึ่งได้ช่วยเหลือเด็กน้อยที่กำลังโดนรังแก เพียงเพราะเด็กน้อยมีดสงตาที่บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นสีทอง ซึ่มหมายความว่าเด็กน้อยอาจเป็นลูกครึ่งเผ่าปีศาจ ด้วยความเมตตาหลินตู้จือจึงรับดูแลเด็กน้อยไว้ก่อนพร้อมตั้งชื่อให้ว่าเสี่ยวเมี่ยวพร้อมเอาผ้าแถบพันปิดตาเขาไว้ เขาพาเด็กน้อยเดินทางไปทางตะวันออกพร้อมรักษาคนไปด้วย หลินตู้จือตั้งใจจะพาเสี่ยวเมี่ยวไปอยู่อาศัยกับเผ่ามาร เสี่ยวเมี่ยวน่าจะปลอดภัยกว่ามาอยู่รวมอาศัยกับมนุษย์ 

ถึงเวลาเคลื่อนทัพเหล่าผู้บำเพ็ญที่จะไปด่านไป๋เสวี่ย เฉิงเซียงเริ่นได้เรือเหาะลำใหญ่จากชิวเป่ย เขาพาเฉิงจู๋หลิวไปด้วย ระหว่างทางเฉิงเซียงเริ่นก็เข้าโลกใบเล็กของเฉิงจู๋หลิวเพื่อฝึกมรรคกระบี่ที่ติดอยู่ไม่อาจเลื่อนระดับสะที จึงได้แต่พยายามบำเพ็ญมรรคา จนวันหนึ่งเฉาเกอเชวี่ยก้อลุกมาผนึกตัวตนเฉิงจู๋หลิวต่อหน้าเขา เฉาเกอเชวี่ยตอบปัญหาชี้แนะที่ติดขัดขอเขาว่าอาจติดที่โอกาสและเวลา ที่ขาดคนมาถกถามเคล็ดวิชา 

ทัพเหล่าผู้บำเพ็ญมาถึงด่านไป๋เสวี่ย มีองค์หญิงใหญ่อันกั๋วกับองค์หญิงเวินเล่อมาต้อนรับ องค์หญิงใหญ่อันกั๋วเป็นลูกสาวคนแรกที่ถือกำเนิดในตอนองค์จักรพรรดิยกทัพทำศึก จึงทำให้องค์หญิงใหญ่อันกั๋วซึมซับและเชี่ยวชาญในการทำศึก จนมีกองทัพเป็นของตัวเอง องค์หญิงใหญ่อันกั๋วใส่หน้ากากทองปิดบังใบหน้าตลอดเวลาที่ปรากฎตัว จึงมีคนที่รู้จักใบหน้าที่แท้จริงขององค์หญิงใหญ่อันกั๋วน้อยมาก

แต่เฉิงเซียงเริ่นรู้สึกสงสัยในตัวองค์หญิงใหญ่อันกั๋ว เฉิงเซียงเริ่นจึงหาโอกาสลอบเข้าไปดักเจอะองค์หญิงใหญ่อันกั๋วจึงพบว่าเป็นสวีหร่านที่ปลอมตัวเป็นเบื้องสูง เหตุเกิดจากก่อนหน้าที่จอมมารจะมีข่าวออกมาว่าสิ้นชีพ องค์หญิงใหญ่อันกั๋วได้นำทัพไปบุกถึงกลางแดนหิมะ องค์หญิงเวินเล่อกับสวีหร่านติดตามทัพไปด้วย แต่เจอะเผ่ามารบุกโจมตี มีเพียงองค์หญิงเวินเล่อกับสวีหร่านที่รอดกลับมา ส่วนองค์หญิงใหญ่อันกั๋วสาปสูญหาไม่พบร่าง แต่กองทัพไม่อาจขาดแม่ทัพผู้นำจิตวิญญาณได้ องค์หญิงเวินเล่อจังวางแผนให้สวีหร่านปลอมตัวเป็นองค์หญิงใหญ่อันกั๋วไปก่อน ขณะเดียวกันก็พยายามตามหาองค์หญิงใหญ่อันกั๋ว เฉิงเซียงเริ่นจึงวางแผนจะบุกเข้าไปแดนหิมะคนเดียว เลยเรียกฟู๋เคอจี่มารับงานไปดูแล แล้วบอกเฉาเกอเชวี่ยว่าเขาจะรีบไปรีบกลับ ส่วนสวีหร่านคงต้องปลอมตัวหลอกผู้คนไปก่อน

เฉิงเซียงเริ่นเคยแอบเข้ามาในแดนหิมะแล้ว จึงคลำทางได้ไม่ลำบาก เมื่อถึงมาถึงกลางทางกลับเจอะอันซานอ๋องดักเขาที่กลางป่า เฉิงเซียงเริ่นก็รู้แล้วว่าที่ผ่านมาอันซานอ๋องรวมมือกับเผ่ามารตลอด ส่วนอันซานอ๋องกลับมั่นใจแล้วว่าเขาคือองค์ชายห้า อันซานอ๋องเรียกหมาป่าหิมะเข้าโจมตีเฉิงเซียงเริ่นทั้นที ทำให้เฉิงเซียงเริ่นใช้กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้โต้ตอบ อันซานอ๋องจึงเรียกทวนเฟิงหั่วขององค์หญิงใหญ่อันกั๋วมาสู้กลับ เฉิงเซียงเริ่นรู้ทันทีว่าองค์หญิงใหญ่อันกั๋วหายตัวไปเป็นฝีมือมันนะแหละ แต่ถึงอันซานอ๋องยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บครั้งที่แล้ว แต่พลังฝีมือล้ำลึกระดับกึ่งอริยชน จึงมีพลังมากพอจะถล่มภูเขาหรือระเบิดแม่น้ำได้ง่ายดาย อันซานอ๋องล่อให้เฉิงเซียงเริ่นบุกเข้ามาแล้วขว้างทวนเฟิงหั่วปักจมร่าง จนเฉิงเซียงเริ่นกระเด็นตกผาลงไปในแม่น้ำเบื้องล่างที่เชี่ยวกราด

เฉิงเซียงเริ่นได้สติมาก็พบว่าได้มาอยู่ในเรือนไม้ไผ่ของหนิงฟู่หวนแทน สถานที่นี้เป็นบ้านพักที่หนิงฟู่หวนใช้ชีวิตกับซ่งเจวี๋ยเฟยศิษย์น้อง ไว้ใช้เร้นกายจากโลกภายนอก แต่ตอนนี้กลับได้ต้อนรับแขกไม่หยุด55 ก่อนหน้านี้ก้อมีองค์หญิงใหญ่อันกั๋วที่มาก่อน นางได้รับบาดเจ็บจนต้องนั่งรถเข็นตัวเก่าของซ่งเจวี๋ยเฟย เฉิงเซียงเริ่นเองสภาพไม่ต่างจากองค์หญิงใหญ่อันกั๋ว ทั้งคู่ต่างก็นั่งรถเข็นไปมา555 ดีที่เรือนนี้หนิงฟู่หวนสร้างทางลาดให้กับรถเข็นของซ่งเจวี๋ยเฟยศิษย์น้องได้เข็นรถสะดวกๆ คราวนี้แขกสองคนเลยไม่มีปัญหาในใช้วิตติดรถเข็น555

หนิงฟู่หวนบอกว่าเขาไปงมเฉิงเซียงเริ่นที่แถวน้ำตกที่เป็นวิวของเรือนไผ่ของเขา ในมือกุมกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างก็กำทวนไว้แน่ เลยทำให้องค์หญิงใหญ่อันกั๋วได้ทวนประจำตัวเองคืนมา555 เฉิงเซียงเริ่นได้รู้ความลับใต้หน้ากากขององค์หญิงใหญ่อันกั๋ว เป็นเพราะใบหน้านางดูเป็นคุณป้าใจดี เวลาออกศึกยากจะทำให้ข้าศึกหวาดกลัว555 นางจึงต้องใส่หน้ากากที่ดูดุร้ายเพื่อจะได้แผ่รังสีดุดันอำมหิตได้ดีกว่า ตั้งแต่เริ่มออกศึกมานางจึงใส่แต่หน้ากากตลอด

หนิงฟู่หวนแอบกระซิบห้ามทั้งคู่เรียกชื่อจริงเขา กันซ่งเจวี๋ยเฟยศิษย์น้องจะอาละวาดไล่ฆ่าเขาอีก ที่นี้ดีที่วิวสวย เรือนไผ่อยู่ท่ามกลางทะเลป่าไผ่ แถมยังมีวิวน้ำตกสูงชัน(สถานที่เฉิงเซียงเริ่นตกลงมานะแหละ555) มีปัญหาแค่ที่นี้ปราณวิญญาณถูกปิดกั้น จึงทำให้พวกเขาที่บาดเจ็บไม่สามารถซึบซาบปราณวิญญาณมาฟื้นฟูตัวเองได้ ได้แต่รอให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาเองช้าๆ

การต้องติดอยู่ที่นี้ทำให้เฉิงเซียงเริ่นได้รู้จักตัวตนขององค์จักรพรรดิผ่านมุมมองขององค์หญิงใหญ่อันกั๋ว จักรพรรดิถึงจะเก่งขนาดไหน สุดท้ายก้อจะอดระแวงลูกที่มีความสามารถและมีกองทัพอยู่ในมือได้ จึงทำให้องค์หญิงใหญ่อันกั๋วมักประจำอยู่ชายแดน นางไม่อาจกลับเข้าเมืองหลวงได้ถ้าจักรพรรดิไม่มีรับสั่งให้เข้าเมือง นี่ขนาดลูกสาวคนโปรดนะ เฉิงเซียงเริ่นปรึกษากับหนิงฟู่หวนเรื่องปัญหามรรคกระบี่ที่เขายังก้าวข้ามไม่พ้น หนิงฟู่หวนบอกว่าเขาอาจขาดเวลาที่เหมาะสม 

เวลาผ่านไปไม่นาน เฉิงเซียงเริ่นเริ่มอยากกลับออกไปโลกภายนอก แต่ติดที่หนิงฟู่หวนที่เส้นลมปราณขากไม่มีพลังพอจะส่งคนทั้งคู่ปีนผาขึ้นไปได้ แต่เรื่องพลิก เพราะคืนนี้หนิงฟู่หวนโดนวางยานอนหลับ เฉิงเซียงเริ่นตกใจคิดว่าพวกเขาเผลอเรียกชื่อหนิงฟู่หวนออกมารึป่าว เฉิงเซียงเริ่นพยายามโน้มนาวใจซ่งเจวี๋ยเฟย ว่าเรื่องจริงอาจารย์ชิงหมิงไม่ได้โดนหนิงฟู่หวนฆ่านะ ปรากฎว่าซ่งเจวี๋ยเฟยรู้เรื่องมานานแล้ว แต่เขารำคาญที่แขกสองคนไม่จากไปสะที ทำให้หนิงฟู่หวนไม่มีเวลามาดูแลเขา ซ่งเจวี๋ยเฟยเลยตัดปัญหาลงมือจัดการส่งองค์หญิงใหญ่อันกั๋วกับเฉิงเซียงเริ่นออกไปเอง

ทั้งคู่รีบกลับไปที่ด่านไป๋เสวี่ย องค์หญิงเวินเล่อดีใจที่พี่สาวกลับมาอย่างปลอดภัย แต่สวีหร่านมีความพิษโทษฐานสวมรอยเบื้องสูงแต่มีความชอบในการช่วยปกป้องด่านไป๋เสวี่ย หักลบแล้วองค์หญิงใหญ่อันกั๋วจะปรับลดตำแหน่งให้สวีหร่านกลับเข้าเมืองหลวง ไปเป็นทหารรักษาเมืองแทน

ฝั่งหลินตู้จือจูงมือเสี่ยวเมี่ยวเดินทางมาใกล้ถึงด่านไป๋เสวี่ย ก้อกลับพบว่าที่จริงเสี่ยวเมี่ยวคือปัวสวินจอมมารแดนหิมะ ที่หนีพ้นจากความตาย จากแผนลอบสังหารของเฉาเกอเชวี่ย เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อศึกษาการใช้ชีวิตของเผ่ามนุษย์ การได้เจอะหลินตู้จือทำให้เขาได้รู้สึกถึงความสุข แต่พอจอมมารปัวสวินเผยร่างจริงกลับไม่อาจแตะต้องตัวหลินตู้จือเพราะเขาเป็นพุทธะบุตร ฝึกกายทองสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว เขาอยากพาตัวหลินตู้จือไปอยู่ที่ยอดหอคอยกลางแดนหิมะด้วยกัน  จอมมารปัวสวินขู่ว่าถ้าหลินตู้จือไม่ยอมไปกับเขาดีๆ จอมมารปัวสวินจะประกาศให้โลกหล้ารู้ว่าเขายังตาย และพร้อมทำสงครามระหว่างเผ่าอีกครั้ง หลินตู้จือไม่อยากให้ใต้หล้าเข้าสู่สงครามอีก จึงยอมไปกับจอมมารปัวสวิน

ที่ด่านไป๋เสวี่ยมีเรือเหาะจากวังหลวงมามอบราชโองการจากจักรพรรดิให้องค์หญิงใหญ่อันกั๋ว รับสั่งองค์หญิงใหญ่อันกั๋วและกองทัพเดินทางกลับเข้าเมืองหลวง ราชโองการที่สองเป็นการประกาศรับองค์ชายห้า(เฉิงเซียงเริ่น)กลับเข้าราชวงค์ พร้อมเร่งเดินทางกลับเมืองหลวง ถึงเฉิงเซียงเริ่นไม่ยินดี แต่ขัดราชโองการไม่ได้ เฉิงเซียงเริ่นขอให้องค์หญิงใหญ่อันกั๋วโยกกู้เสวี่ยเจี้ยงกับกองทหารม้าเหล็กมาประจำด่านไป๋เสวี่ย แทนกองกำลังขององค์หญิงใหญ่อันกั๋วที่ต้องโยกย้ายเข้าเมืองหลวงแทน จากนั้นก็ได้แต่สั่งงานให้ฟู๋เคอจี่ดูแลที่ด่านไป๋เสวี่ยต่อ ส่วนตัวเองพาไหวหมิงกับไหวชิงเดินทางเข้าเมืองหลวง

หลินตู้จือได้แต่มองภาพต้นโพที่จอมมารปัวสวินปลูกไว้ข้างหอคอยดำ ต้นโพใหญ่โตที่เติบโตได้ด้วยปราณที่จอมมารปัวสวินหลอเลี้ยงไว้ มีอีกาฝูงใหญ่ที่เกาะอยู่ใต้ร่มเงา

จอมมารปัวสวินพยายามเล่าความผูกพันของเขากับหลินตู้จือ ว่าหลินตู้จือคือพุทธะองค์ที่กลับชาติมาเกิด9ครั้งแล้ว เพราะจอมมารปัวสวินบันทึกเหตุการณ์แต่ละชาติของพุทธะบุตร ชาติแรกเป็นนกปีกทองที่บินมาชนหอคอยดำจนก่อนตายก็ขอให้จอมมารปัวสวินปลูกต้นโพ ส่วนชาติที่9คือหลินตู้จือ ที่จะโดนขังในหอคอยดำทำให้ไม่สามารถบรรลุธรรมได้อีก หลินตู้จือฟังแต่ไม่โต้ตอบ ส่วนจอมมารปัวสวินก้อได้แต่พูดไม่อาจแตะต้องกายหลินตู้จือได้

องค์หญิงใหญ่อันกั๋วที่ต้องเลื่อนการเดินทางกลับ ก็พูดถึงแผนการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับใต้เท้าราชเลขาที่ต้องนี้เขามีอำนาจเหนือองค์จักรพรรดิ ดูจากคำสั่งโยกนางกลับเข้าวังหลวง พร้อมยกตำแหน่งองค์รัชทายาทให้เฉิงเซียงเริ่นง่ายๆ น่าจะเป็นผลงานใต้เท้าราชเลขามากกว่า เฉิงเซียงเริ่นอารมย์ไม่ดีที่ตัวเองโดนเฉาเกอเชวี่ยหลอกอีกแล้ว แถมต้องแต่งงานกับน้องชายที่ตัวเองเป็นดูแลมาเองกับมือเอง

เฉิงเซียงเริ่นอยู่รอจนกองทัพของกู้เสวี่ยเจี้ยงมาถึง ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่รู้ใจเหมือนเดิม กู้เสวี่ยเจี้ยงขอร้องให้เฉิงเซียงเริ่นตามหาหลินตู้จือที่จู่ๆก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆที่ส่งคนตามประกบดูแลหลินตู้จือมาตลอดทางที่แยกไปแจกเขาส่วนสวีหร่านกลับหลบเลี่ยงไม่ยอมเจอะกู้เสวี่ยเจี้ยง

แต่ระหว่างทางที่เฉิงเซียงเริ่นเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงด้วยเรือเหาะ จู่ๆก้อมีฝูงอีกาบินเอาจดหมายจากหลินตู้จือมาส่ง บอกว่าเขาสบายดีไม่ต้องห่วง

เฉิงเซียงเริ่นมาถึงวังหลวงก้อพบเฉิงจู๋หลิวมารอต้อนรับ ตำหนักบูรพามีทางลับไปที่ตำหนักของใต้เท้าราชเลขานะเอง เฉิงเซียงเริ่นวุ่นวายใจมากคืนนั้นตอนเขานอนกระสับกระส่าย แต่กลับพบว่าตัวเองไปเดินเล่นรอบวังจนพอจิตใจสงบก็พบว่าตัวเองหลงทางในวังหลวง555 จนเดินสุ่มหาทางออกกลับเจอะชายชราประหลาดถือไม่เท้า เฉิงจู๋หลิวกลับอยู่พูดคุยกับชายชราเรื่องที่เขาไม่ยินดีรับตำแหน่งนี้ ชายชราก้อบอกแล้วแต่เจ้า เวลากลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่นิสัยกลับดูดุร้ายยิ่ง ทั้งยังบังคับให้น้องชายแต่งงานกับตัวเอง ไม่พอยังบังคับให้เฉิงจู๋หลิวกินยากำเนิดบุตร กักขังเขาไว้ในห้องหอ บีบบังคับกู้เสวี่ยเจี้ยงคืนกองกำลังแล้วปลดเขาไปเป็นคนธรรมดาแล้วขับไล่ไปอยู่ท้องนา ส่วนสวีหร่านทนดูไม่ไหวชิงลาออกจากไปไกล เฉิงจู๋หลิวโดนทำลายทั้งกายทั้งใจจนทนไม่ไหวยอมจบชีวิตด้วยน้ำมือตัวเอง เขาที่ต้องนี้อำนาจล้นเมืองแต่กลับอยู่อย่างเดียวดาย...เฉิงเซียงเริ่นสะดุ้งตื่น ที่แท้มันคือมารในใจของเขา

เช้ามาเฉิงจู๋หลิวมาหาเฉิงเซียงเริ่นที่กำลังแต่งตัวเต็มยศ เขามาเพื่อแนะนำในการควบคุมนั่งแต่บัญชีคลังไปจนกรมกองที่สามารถใช้งานได้ แต่เฉิงเซียงเริ่นอยากพบหน้าองค์จักรพรรดิมากกว่า เฉิงจู๋หลิวกลับบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิอยู่ที่ไหน เพราะในวังมีค่ายอาคมเปิดใช้โดยองค์จักรพรรดิ ถ้าองค์จักรพรรดิอยากเจอะก็จะมาปรากฎตัวเอง

นับจากนั่นเฉิงเซียงเริ่นก็ต้องทรงงาน โดยมีเฉิงจู๋หลิวคอยช่วยเหลือ ตกเย็นเฉิงจู๋หลิวก้อทำอาหารกับขนมเดินมากินเฉิงเซียงเริ่นทุกคืน ท้องพระคลังแห้งกรังจนเฉิงเซียงเริ่นดูบัญชีแล้วเหงื่อตก จนต้องออกปากขอยืมเงินจากเฉิงจู๋หลิว แต่เฉิงจู๋หลิวบอกว่าเอาไปเลยไม่ต้องคืนหรอก เดียวพวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ก็นับว่าเป็นกระเป๋าเงินใบเดียวกันแล้ว555

ส่วนสวีหร่านกลับมาเมืองหลวงโดนโยกไปอยู่กองสื่อสาร นางใช้ชีวิตเสเพลแบบกู้เสวี่ยเจี้ยงใช้ในอดีต หลังเลิกงานก้อไปหมกตัวอยู่บรเรือสำราณกับเหล่าหญิงงาม จนองค์หญิงเวินเล่อตามมาอาละวาดเป็นประจำ(คู่นี้ปิ้งกันหลังหลบหนีเผามารในแดนหิมะครั้งนั้น) 

เวลาผ่านไปมีข่าวว่ากองทัพม้าเหล็กของกู้เสวี่ยเจี้ยงบุกตรงเขาไปยึดด่านไป๋เสวี่ยกลับคืนมาได้แล้ว ทำให้เหล่าขุนนางบุ๋นที่ไม่ชอบขุนนางบู๊จับกลุ่มยื่นเรื่องลงโทษกู้เสวี่ยเจี้ยง ที่กระทำเกินหน้าที่โดยไม่มีราชโองการคำสั่ง ฎีกามีมาทุกวันจากขุนนางขยะ แต่มีคนเกลียดก็มีคนชอบ คนที่ชื่นชมกู้เสวี่ยเจี้ยงก็มี ยกย่องที่เขามีความกล้าหารลงมือกระทำจริง ไม่ใช้พวกเอาปากมาทำงานแบบพวกขุนนางบุ๋น จึงมีกระแสความคิดเห็นของมวลชนเป็นสองทาง 

จนมีคนไปปั่นข่าวให้สองกลุ่มที่ความเห็นต่าง จุดกระแสจนเกิดเหตุบานปลายเป็นกายกพวกลงมือทำร้ายกันหนักมือจนถึงตาย องค์หญิงใหญ่อันกั๋วสั่งกองกำลังเมืองเข้าไปจัดการ กลับกลายเป็นเหตุให้คนตายหนักกว่าเดิมอีก องค์หญิงใหญ่อันกั๋วแนะนำเฉิงเซียงเริ่นให้เรียกกู้เสวี่ยเจี้ยงกับกองทหารของเขากลับเมืองหลวงแทน เฉิงเซียงเริ่นปฎิเสธพร้อมบอกว่าเขาไม่อยากลงโทษนางหรอกนะ และบอกว่าเขาจัดการสอบสวนคดีนี้เอง 

หลังองค์หญิงใหญ่อันกั๋วกลับไป เฉิงเซียงเริ่นคุยกับเฉิงจู๋หลิวว่าโมโหองค์หญิงใหญ่อันกั๋วมากที่คิดว่าเขาไม่รู้แผนของนางรึไง เฉิงเซียงเริ่นยืมเฉิงจู๋หลิวเพื่อส่งไปให้กู้เสวี่ยเจี้ยงไว้สำรองใช้จ่าย เฉิงเซียงเริ่นจัดการตรวจสอบคดี และสืบกรมกองทหารทั้งหลายในเมืองหลวง และเตรียมโยกย้ายสลับคน

คืนนี้เฉิงเซียงเริ่นหยิบกระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ไปที่สวนในวัง หาที่ฝึกซ้อม แต่ดันหลงทางอีกแล้ว555 เลยได้เจอะชายชราประหลาดคนนั้น คราวนี้เขาอาสาพาไปส่งที่ตำหนักบูรา แต่พอมาถึงกลับเป็นหอสูงแทน ที่หอไจซิงชายชราบอกให้เขาเดินขึ้นบันไดที่ละก้าว เฉิงเซียงเริ่นเดินนานมากจนในที่สุดก็มาถึงดาดฟ้า แต่เขากลับพบว่าชายชราขึ้นลิฟมารอเขาแทน555 ในที่สุดเฉิงเซียงเริ่นก็รู้ว่าชายชราคือองค์จักรพรรดินั่นเอง เขาลองปะมือกับองค์จักรพรรดิ แต่กลับเป็นเขาที่โดนฟาดจนตกลงมาจากหอไจซิง โชคดีข้างล่างเป็นสระน้ำลึก เฉิงเซียงเริ่นเดินตัวเปียกกลับตำหนัก ก็พบว่าเฉิงจู๋หลิวรอเขาอยู๋ที่ตำหนัก เลยบอกเฉิงจู๋หลิวว่าเขาเจอะองค์จักรพรรดิละ

เวลาผ่านไปอย่างสงบได้อีกไม่นาน ก็มีข่าวว่ากู้เสวี่ยเจี้ยงเสียชีวิตที่แดนหิมะ สวีหร่านพอได้ยินข่าวก็เสียใจมาก ที่ตอนนั้นนางไม่อยู่รอได้พบกับกู้เสวี่ยเจี้ยง นางวิ่งไปสั่งการในกองกำลังที่ตัวเองดูแล้ว แล้วจะขี่ม้าออกนอกเมือง แต่เจอะกองกำลังขององค์หญิงใหญ่อันกั๋วขัดขวาง ด้วยกฎที่แม่ทัพไม่มีราชโองการห้ามเดินทางโดนพละการ ไม่งั้นมีโทษกบฎ แต่สวีหร่านไม่สนจะบุกฝ่าออกไป เลยได้องค์หญิงเวินเล่อช่วยมาเปิดทางให้แทน สวีหร่านมอบฝักดาบเล่มหนึ่งเป็นตัวประกันให้องค์หญิงเวินเล่อ จากนั่นขี่ม้าตะลุยไปที่ด่านไป๋เสวี่ยโดนไม่หยุดพัก

เฉิงเซียงเริ่นได้ข่าวกู้เสวี่ยเจี้ยง เขาจึงไปที่หอไจซิงเพื่อตามหาองค์จักรพรรดิ ในที่สุดเขาก็รู้ความลับที่มาของตัวเอง เฉิงเซียงเริ่นเป็นฝาแฝดกับองค์ชายห้า แต่เขาโดนเอาไปเก็บแอบเลี้ยงไว้ในตำหนักเย็น ส่วนองค์ชายห้าคือตัวหลักกุมชะตาดาวจักรพรรดิ แต่กลับมีชะตาว่าจะเป็นจักรพรรดิยุดสุดท้ายของราชวงค์ องค์จักรพรรดิคิดจะตบตายสวรรค์ ว่าองค์ชายห้าตายแล้ว องค์จักรพรรดิใช้วิชาแยกวิญญาณ เอาวิญญาณองค์ชายห้ามาใส่ในร่างเขา แล้วให้สองวิญญาณต่อสู้กันเองเพื่องชิงร่าง แต่องค์จักรพรรดิกลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเฉิงเซียงเริ่นที่เป็นฝ่ายชนะช่วงชิงร่างคืนมาได้ เขาโดนองค์จักรพรรดิสกัดเส้นลมปราณ แล้วถูกเอาไปทิ้งที่ตงชวน ผลจากที่สองวิญญาณห้ำหั่นกันเองในร่าง ทำให้เฉิงเซียงเริ่นสูญเสียความทรงจำ ที่จริงแล้วเฉิงเซียงเริ่นทะลุมิติมาตั้งแต่ยังอยู่ในตำหนักเย็นนะเอง ส่วนองค์จักรพรรดิก้อโดนวิชาสะท้อนกลับ สติเริ่มเลอะเลือน ร่างกายเสื่อมถอยรวดเร็วแทน

หลังเฉิงเซียงเริ่นคลายปมในใจก็ทะลวงด่านอริยชนได้สำเร็จในตอนนั่นเอง เขารับรู้ได้ว่าปราณเขาแผ่ขยายจนสามารถมองเห็นแสงค่ายอาคมที่ทอดยาวเชื่อมต่อกันไปไกลยังที่ต่างๆ องค์จักรพรรดิบอกว่าใจกลางอาคมที่เขาควบคุมอยู่ เขาสามารถสั่งค่ายอาคมทำลายดินแดนนี้ได้ทั้งหมด เฉิงเซียงเริ่นกลับลงมาก็เจอะเฉิงจู๋หลิวที่รอเขาอยู่ เฉิงเซียงเริ่นฝากให้เขาดูแลเรื่องในเมืองหลวง ส่วนตัวเองจะใช้เส้นทางมิติที่ใต้ทะเลสาบเพื่อไปช่วยกู้เสวี่ยเจี้ยง และสัญญาวาเขาจะชดใช้ให้เฉิงจู๋หลิวทุกชาติเลย55

เฉิงเซียงเริ่นเดินทางมาถึงหอคอยดำพบกับจอมมารปัวสวิน เพื่อที่จะช่วยเพื่อนสองคน เฉิงเซียงเริ่นใช้วิธีการเล่านิทานให้จอมมารปัวสวินฟังสิบคืน แลกกับให้กู้เสวี่ยเจี้ยงได้ปีนขึ้นหอคอยดำสิบชั้น ก่อนจะเริ่มเฉิงเซียงเริ่นขอพบหน้ากู้เสวี่ยเจี้ยงอาศัยอยู่ห้องชั้นล่างของหอคอยดำก่อน ที่จริงกู้เสวี่ยเจี้ยงต้องตายแต่เพราะหลินตู้จือขอร้องจอมมารปัวสวินให้ช่วยชีวิต กู้เสวี่ยเจี้ยงจึงมีปราณมาไหลเวียนในกายเพื่อพยุงวิญญาณไว้ได้

กู้เสวี่ยเจี้ยงตกลงให้เฉิงเซียงเริ่นเริ่มได้เลย จอมมารปัวสวินนั่งฟังนิทานที่ใต้ต้นโพ เฉิงเซียงเริ่นเริ่มเล่าโลกที่เขาอยู่ที่เป็นโลกของคนธรรมดา แต่พลังการใช้ชีวิตยิ่งใหญ่กว่าทั้งการหาวิธีเดินทางออกนอกโลก555 เฉิงเซียงเริ่นที่หาเรื่องเล่าทุกวัน ถึงขั้นยอมขุดเรื่องทฏษฎีฟิสิกส์มาถกกับจอมมารปัวสวิน555 ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยงที่ปีนหอคอยดำ ปีนไปก้อร้องเพลงด่าจอมมารปัวสวินไป(มารหัวใจจริงๆ55)

เฉิงเซียงเริ่นเล่านิทานพร้อมสนทนาถามตอบปัญหาไปได้ถึงหกวัน เขาก็พบว่าจอมมารปัวสวินมีสติปัญญาเป็นเลิศ แค่ฟังเขาเล่าคร่าวๆก้อสามารถเข้าใจแนวคิดจนกระจ่างได้

จอมมารปัวสวินคือสิ่งที่คงอยู่ในโลกนี้ไม่มีวันสลาย เหมือนพวกเผ่ามารมากมายยามตายสิ้นชีพวิญญาณก้อจะกลับมารวมตัวกับจิตวิญญาณจอมมาร ส่วนตัวจอมมารปัวสวินรู้ว่ามีคนมากมายอยากให้เขาตาย แต่ถึงเขาอยากอยากตายก้อไม่อาจตายได้เพราะกฎของฟ้าดินแห่งนี้ จอมมารปัวสวินเล่าว่าโลกนี้มีปราณวิญญาณ หากเฉิงเซียงเริ่นบำเพ็ญจนเป็นเซียนแท้ก็อาจสามารถแหวกปราณวิญญาณออกไปได้ แต่จอมมารปัวสวินทำไม่ได้ ถึงเขาอยากแหวกปรานวิญญาณออกไปขนาดไหน แต่ไอมารในตัวเขาทำให้กายหยาบไม่สามารถหลุดพ้นออกจากปราณวิญญาณนี้ได้ ตอนนี้หลังจากที่ฟังเฉิงเซียงเริ่นเล่าดินแดนแห่งอุดมคติเขานึกถึงแนวคิดเรื่องการสละกายหยาบ...เฉิงเซียงเริ่นเริ่มเอะใจ

การสนทนากับจอมมารปัวสวินเข้าสู่วันที่เก้า จอมมารปัวสวินตัดสินในยุติสนทนากับเฉิงเซียงเริ่น เขากางปีกบินไปบนยอดหอคอยดำ เฉิงเซียงเริ่นที่ยังนั่งรอที่ใต้ต้นโพกลับเห็นต้นโพเริ่มทิ้งใบ...ร่วงโรยในพริบตา เฉิงเซียงเริ่นตระหนักรู้ทั้นที รีบขี่กระบี่เสินกุ๋ยปี้อี้ไปบนยอดหอคอยดำ ภาพที่เห็นคือกู้เสวี่ยเจี้ยงใช้ดาบซุ่นสุ่ยซานเฟินแทงที่หัวใจจอมมารปัวสวิน ส่วนตัวจอมมารปัวสวินกลับจับดาบไว้พร้อมกล่าวคำอำลา พร้อมกับที่ปราณมารของจอมมารปัวสวินไหลออกจากร่างเขาเข้าสู่กายของกู้เสวี่ยเจี้ยง จนร่างกายของจอมมารปัวสวินสลายเป็นแสงทองหลุดพ้นจากกฎฟ้าดินแห่งนี้ไปแล้ว กฎการแทนที่ก้อมาลงที่ตัวของกู้เสวี่ยเจี้ยง ขนปีกสีดำตกลงจากฟ้าประกอบเป็นปีกด้านหลังกู้เสวี่ยเจี้ยง จอมมารคนใหม่ที่มาแทนที่จอมมารปัวสวิน 

เพราะหลินตู้จือไม่อาจสัมผัสจับต้องร่างกู้เสวี่ยเจี้ยงเพราะเขากลายเป็นจอมมารของโลกนี้ไปแล้ว กู้เสวี่ยเจี้ยงจึงได้แต่ปล่อยให้หลินตู้จือบรรลุธรรมในชาตินี้โดยไม่ขัดขวาง หลินตู้จือเพียงบอกกล่างลาว่าเขาจะกลับเกาะเผิงไหล หลังหลินตู้จือจากไป สองเพื่อนซี้นั่งปรับทุกข์ถึงชีวิตต่อไปนี้ ก็พอดีเรือเหาะที่สวีหร่านบังคับให้บินมาตามแสงพุทธะ ก็บินมาถึงพอดี สามเพื่อนซี้ได้เจอะกันครบหน้า สวีหร่านดีใจที่กู้เสวี่ยเจี้ยงไม่ตาย เแค่เป็นจอมมารเอง555

การมาของสวีหร่านทำให้เฉิงเซียงเริ่นได้สติคิดหาทางออกได้พอดี กู้เสวี่ยเจี้ยงถึงกลับเป็นคนก้อกลับไปเมืองหลวงไม่ได้ ความดีล้ำหน้าถ้าไม่ถูกบังคับให้สมรสกับราชวงค์ที่มีวัยเหมาะสม(ตอนนี้อายุถึงเกณฑ์มีแค่องค์หญิงเวินเล่อ555) รึถ้าไม่ยอมแต่งงานก้อต้องได้เหล้าพิษพระราชทาน ส่วนตอนนี้เป็นจอมมารแต่จะให้อยู่หอคอยดำแดนหิมะก็เกรงว่าจะทำให้กู้เสวี่ยเจี้ยงจิตตก ทางเฉิงเซียงเริ่นจึงแนะให้กู้เสวี่ยเจี้ยงไปเกาะเผิงไหลไปตามหาหลินตู้จือ ให้ฟังธรรมจากหลินตู้จือเพื่อจะได้บรรลุธรรม ตัวเฉิงเซียงเริ่นก็ไม่อยากให้มีสงครามกับเผ่ามารอีก ท้องพระคลังเขาว่างเปล่าจนไม่เงินจะกินข้าวแล้ว555 สองเพื่อนซี้ก็รำลากับกู้เสวี่ยเจี้ยง 

เฉิงเซียงเริ่นรีบกลับวังหลวง เขาคิดถึงเฉิงจู๋หลิวมากตอนนี้ กลับถึงวังเขาก้อไปตำหนักเฉาฉือจากนั้นก็อยู่ค้างคืนไปอีกนาน เฉิงเซียงเริ่นถามเฉิงจู๋หลิวว่าเขารู้ใช่ไหม ถ้าเฉิงจู๋หลิวฆ่าจอมมารได้จริครั้งนั้น เขาจะต้องกลายเป็นจอมารคนต่อไป เฉิงจู๋หลิวยอมรับว่าเขารู้ เฉิงเซียงเริ่นดีใจที่แผนนั้นล้มเหลวสะได้ ตอนนี้เฉิงเซียงเริ่นยอมรับที่จะแต่งงานกับเฉิงจู๋หลิวแล้ว

ก็พอดีองค์หญิงใหญ่อันกั๋วส่งคนมาตามให้ไปดูใจองค์จักรพรรดิ คาดว่าน่าจะเป็นวันนี้ เฉิงเซียงเริ่นกับเฉิงจู๋หลิวรีบเดินเข้าตำหนักในทันที องค์จักรพรรดิวันนี้ดูแจ่มใส่มีสติสมบูรณ์ เมื่อเฉิงเซียงเริ่มาถึงองค์จักรพรรดิก็มอบป้ายไม่ไผ่ลงในมือเขา บอกว่ามันคือป้ายควบคุมใจกลางค่ายอาคม ที่มีแต่องค์จักรพรรดิที่สามารถใช้ได้ เท่ากับเขาสามารถคุมใต้หล้าไว้ในกำมือแล้ว จากนั้นก้อสิ้นลมไปอย่างสงบ เฉิงเซียงเริ่นกลายเป็นฮ่องเต้นับแต่นาทีนั้น เฉิงเซียงเริ่นจูงมือเฉิงจู๋หลิวออกมา แล้วบอกว่าใต้หลล้าไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของทุกคน จากนั้นเขาสลายค่ายอาคมในกำมือทิ้ง ปราณอาคมโดนทำลายกลายเป็นพลุยิ่งขึ้นฟ้า ชาวประชานึกว่ายยิงพลุฉลองรับฮ่องเต้องค์ให่ม5555

จบแล้ว นิยายสามเล่มแต่เรื่องราวพัวพันกันเยอะเกิ้น.....น แต่อ่านสนุกอ่านเพลิน แต่ต้องตั้งสติอ่านหน่อย อย่าอ่านข้ามหน้า เดียวจะอ่านไม่รู้เรื่องว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดตอนไหน555 แถมน้องเฉิงจู๋หลิวที่มีสองร่างนี้ก้อน่ารัก คนหนึ่งเจ้าเล่ห์แต่ขี้อ้อนกับอีกร่างสายซึนเย็นชา555 ส่วนเฉิงเซียงเริ่นนึกว่าเป็นพระเอก....ที่ไหนได้...เชิญซื้อมาอ่านเอง สนุกคุ้มราคามาก


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Nirvana in Fire 2 ถิงเซิงจากเด็กน้อยในเรือนทาส...มาสู่การเป็นยอดขุนพลพิทักษ์ต้าเหลียง

สารบัญชุมนุมปีศาจเล่มสอง ตอนพญากวางเก้าสี...อื้อหือ...น้องลู่โคตรน่ารั...ก (ฉบับพิมพ์1ที่แปลมาไม่ครบนะจ๊ะ...รอเล่มที่เขาอีดิทใหม่ไม่ไหว555)

สารบัญชุมนุมปีศาจ...เรื่องราวของมือปราบปีศาจห้าหนุ่มหล่อ จากหน่วยปราบมารแห่งต้าถัง